17 ส.ค. 2020 เวลา 06:13 • ประวัติศาสตร์
ประวัติย่อของ ISIS
1
ในตะวันออกกลาง มีคนกลุ่มหนึ่งเอามีดชี้หน้าคนทั้งโลก
1
และบอกว่า...
1
"กลัวฉันสิ!"
1
"กลัวฉันสิ!"
1
ฉันตัวหัวไอ้นี่
1
ฉันตัดหัวไอ้นี่
1
"เกลียดฉันสิ!"
1
"เกลียดฉันสิ!"
1
ฉันถ่วงพวกมันจมน้ำ
1
ฉันห้อยมันเหมือนหมูหมาแล้วย่างสด
1
ฉันเผาไอ้นี่ตาย
1
ฉันให้เด็กเตะพวกมันเล่นเหมือนฟุตบอล
1
"ฉันคืออิสลาม!"
"พระเจ้าจงเจริญ!"
1
"คนที่ไม่เหมือนฉัน ไม่ใช่อิสลาม!"
1
"และมันจะต้องตาย!"
1
...คนกลุ่มนี้เรียกตัวเองว่า ISIS (ไอซิส)...
1
...และนี่คือเรื่องราวอันวิปริตของพวกเขา...
1
สารคดีเรื่องนี้เป็นเรื่องของกลุ่มก่อการร้าย ISIS (ไอซิส) ซึ่งผงาดขึ้นมาเป็นกลุ่มก่อการร้ายอันดับหนึ่งในปัจจุบัน ประกาศตั้งตัวเป็นใหญ่ในโลกอิสลามแต่ผู้เดียว ก่อความวุ่นวายเสียหายให้คนทั้งปวงไม่นับได้
ผมตั้งใจเขียนเรื่องนี้เป็นส่วนหนึ่งของสารคดีสงคราม The Wild Chronicles ชุดที่ห้า ซึ่งเป็นเรื่องประวัติศาสตร์ของกลุ่มก่อการร้ายอิสลาม (และถ้าเป็นไปได้จะเขียนถึงสงครามซีเรียด้วย) จึงตัดมาให้อ่านก่อนเฉพาะเรื่องของ ISIS เป็นน้ำจิ้ม
การเล่าประวัติของ ISIS นั้น จำต้องเรียนรู้เข้าใจประวัติของกลุ่มก่อการร้ายอัลเคดาซึ่งเป็นใหญ่มาก่อนพวกเขา จึงขอเล่าไปพร้อมกันโดยเริ่มจากยุคสงครามเย็นก่อน
ยุคสงครามเย็น
ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง โลกตกอยู่ในยุค “สงครามเย็น” มีประเทศมหาอำนาจสองแห่ง คือโซเวียตกับอเมริกาชิงความเป็นใหญ่กัน ทั้งสองต่างกลัวความเสียหายจึงมิได้เปิดสงครามกันตรงๆ แต่ใช้ประเทศเล็กเป็นเบี้ยหมากทำสงครามตัวแทน ความขัดแย้งที่สำคัญในยุคนี้เช่น สงครามเวียดนาม สงครามเกาหลี การปฏิวัติคิวบา
1
ปี 1979 โซเวียตส่งกองทัพเข้าแทรกแซงเสริมอิทธิพลในอัฟกานิสถาน อเมริกาต้องการจำกัดอำนาจโซเวียตแต่ไม่อาจทำตรงๆ จึงฉวยโอกาสที่มุสลิมทั่วโลกกำลังตื่นตัวว่าเพื่อนร่วมศาสนาถูกข่มเหง เข้าปลุกปั่นให้ประชาชาติอิสลามร่วมกันญิฮาดต่อต้านพวกมารร้ายคอมมิวนิสต์ ผลคือนักรบญิฮาดจำนวนมากหลั่งไหลเข้าอัฟกานิสถาน โดยมีอเมริกา กับบริวารคือซาอุดิอาระเบีย คอยสนับสนุนเสบียง อาวุธ ข่าวสาร การจัดการ
โซเวียตแทรกแซงอัฟกานิสถาน
..ในจำนวนนั้นมีนักรบที่โดดเด่นคือ อุซามะฮ์ บิน ลาดิน (หรือเราจะสะกดแบบทั่วไปว่า โอซามา บินลาเดน) ร่วมอยู่ด้วย...
บินลาเดนมีพื้นเพเป็นเศรษฐีชาวซาอุดิอาระเบียซึ่งทิ้งความสุขสบายมาสู้เพื่อศาสนา เขาเล็งเห็นว่าชาวมุสลิมในปัจจุบันนั้นแม้มีมาก แต่แบ่งเป็นหลายฝักฝ่ายรบพุ่งกันเอง จึงถูกชาติมหาอำนาจบีบคั้นรังแกร่ำไป หากแม้มุสลิมรวมกันเป็นหนึ่งได้ ก็จะสามารถสร้างขั้วอำนาจอันแข็งแกร่งอีกขั้วหนึ่ง สู้เพื่อรักษาผลประโยชน์ของตนไม่ให้ใครมาดูแคลน
โอซามา บินลาเดน
บินลาเดนยังมองอีกว่าสมรภูมิอัฟกานิสถานนี้เป็นสถานที่อันดียิ่งในการเริ่มต้นทำตามอุดมการณ์ดังกล่าว เพราะมีนักรบอิสลามมากมายมารวมตัวกันภายใต้เป้าหมายหนึ่งเดียวโดยไม่อยู่ในกรอบของรัฐใดๆ สามารถชักชวนเข้าร่วมได้ง่าย ดังนี้เขาจึงค่อยๆสร้างขบวนการอัลกออิดะฮ์ (หรือเราจะเรียกว่าอัลเคดา) ขึ้น ซึ่งจะได้กลายเป็นกลุ่มอิสลามหัวรุนแรงชื่อกระฉ่อนที่เรารู้จักกันในปัจจุบัน
อนึ่งความคิดอิสลามสากลนี้มิใช่แนวคิดที่ไม่ดี ชาวมุสลิมหลายคนก็คิดเช่นนี้ แตกต่างกันที่มุสลิมส่วนใหญ่พยายามทำตามอุดมการณ์ดังกล่าวในทางสันติ แต่บินลาเดนเน้นใช้การก่อการร้ายสร้างความเกลียดชังระหว่างมุสลิมกับคนพวกอื่น บีบให้มุสลิมสายกลางจำเป็นต้องเลือกข้างไปอยู่กับฝ่ายหัวรุนแรงของเขา นอกจากนั้นยังใช้แนวทางตักฟีรี หรือการกล่าวหาว่ามุสลิมที่มีความเห็นแตกต่างจากเขานั้นตกศาสนา เป็นพวกชั่วร้าย
นักรบญิฮาดสมัยรบโซเวียต
ปี 1989 ชายชาวจอร์แดนอีกคนหนึ่ง ฉายาอาบู มูซ๊าบ อัลซอร์กอวี ได้เข้าร่วมรบในอัฟกานิสถาน ชายผู้นี้มาจากครอบครัวยากจน เรียนไม่จบมัธยม มีพฤติกรรมเป็นโจรปล้นชิงมาก่อน ต่อมาเขาได้กลับตัวกลับใจมาต่อสู้เพื่อศาสนา และรับเอาแนวคิดการทำญิฮาดสากลมาเป็นแนวทางชีวิต
1
ยามที่อัลซอร์กอวีมาถึงอัฟกานิสถานนั้นเป็นยามที่โซเวียตพ่ายแพ้กำลังถอยทัพออกจากประเทศแล้ว เขาจึงทำหน้าที่แรกเป็นเพียงนักข่าวให้กับจดหมายข่าวของกลุ่มเคร่งศาสนา และที่นี่เองที่เขาได้เข้าร่วมฝึกทหารกับกลุ่มอัลเคดา
อาบู มูซ๊าบ อัลซอร์กอวี
บินลาเดนและอัลซอร์กอวีนั้นมีอุดมการณ์ใกล้เคียงกัน หัวรุนแรงเหมือนกัน ตักฟีรีเหมือนกัน ความแตกต่างคืออัลซอร์กอวีตักฟีรีได้กว้างและแรงกว่าบินลาเดนมาก
ขณะที่บินลาเดนเลือกศัตรู ไม่สู้พร่ำเพรื่อ อัลซอร์กอวีมีแนวโน้มที่จะมองว่าทุกคนที่แตกต่างจากเขาคือมารศาสนา มุ่งฟัดดะเท่าที่ทำได้ ไม่สนว่าเป็นคนบริสุทธิ์หรือเปล่า นอกจากนั้นยังมักใช้วิธีโหดเหี้ยมรุนแรงกว่ามาตรฐานบินลาเดน ความแตกต่างเหล่านี้จะทำให้เกิดความแตกแยกในกลุ่มหัวรุนแรงในเวลาต่อมา
...และใช่แล้วครับ อัลซอร์กอวีนี้เองจะได้เป็นผู้ตั้งกองกำลังที่เรียกว่า ISIS นั่นเอง...
2
อัลซอร์กอวีตั้งตัว
2
สงครามอัฟกานิสถานจบลงด้วยชัยชนะของฝ่ายญิฮาด...
ความพ่ายแพ้ในแนวรบ แนวคิด และเศรษฐกิจทำให้โซเวียตล่มสลาย อเมริกากลายเป็นมหาอำนาจอันดับหนึ่งแต่เพียงผู้เดียว สมกับที่เคยร่ายมนต์ซัพพอร์ตกองกำลังต่างๆ เพื่อบั่นทอนคอมมิวนิสต์มายาวนาน
อัลซอร์กอวีกลับจอร์แดนมาในปี 1993 เขาต้องตื่นตระหนกเมื่อพบว่าจอร์แดนทำสัญญาสันติภาพกับอิสราเอล ทำลายน้ำใจชาวญิฮาดยิ่งนัก เพราะรู้ๆกันว่ายิวมันกดขี่ข่มเหงพี่น้องปาเลสไตน์แค่ไหน! ดังนี้อัลซอร์กอวีจึงร่วมกับพวกซึ่งเคยรบที่อัฟกานิสถานด้วยกันก่อตั้งกลุ่มหัวรุนแรงเล็กๆชื่อ “บัยอะตุลอิม่าม" (ให้สัตยาบันแก่ผู้นำ) ขึ้น มีจุดประสงค์เพื่อต่อต้านรัฐบาลจอร์แดน
1
อัลซอร์กอวี
ภารกิจแรกของพวกเขาคือการเอาระเบิดไปวางโรงหนังโป๊ท้องถิ่น
2
...อนิจจา มือบอมขาดความเชี่ยวชาญ เผลอแอบดูหนังเพลิดเพลินเกินไปจนทำระเบิดโดนขาตนเอง ต้องเสียภารกิจอย่างน่าเศร้า...
3
โรงหนังโป๊เถื่อนเป็นสิ่งที่มีอยู่ทั่วไปในจอร์แดน ถึงแม้ศาสนาอิสลามจะห้ามสิ่งนี้ แต่ไม่มีอะไรหยุดชายวัยกำหนัดได้
กลุ่มบัยอะตุลอิม่ามยังคงดำเนินงานต่อโดยมีผลงานไม่น่าประทับใจนัก ภายหลังอัลซอร์กอวีต้องถูกจับเข้าคุกเพราะครอบครองอาวุธสงคราม ซึ่งนั่นกลับเป็นแหล่งบ่มเพาะสำคัญของเขา
แทนที่จะปล่อยเวลาผ่านไปให้โดยสูญเปล่า อัลซอร์กอวีได้ใช้เวลาในคุกออกกำลังกาย สร้างกล้ามเนื้อ และศึกษาคัมภีร์อัลกุรอาน หลายครั้งมีเพื่อนนักโทษเห็นเขาเดินไปเดินมาช้าๆอย่างแปลกๆ หรืออ่านอัลกุรอานแล้วร้องไห้
1
พฤติกรรมลึกลับ บวกกับจิตวิทยาชั้นสูง ทำให้มีคนเข้าสวามิภักดิ์อัลซอร์กอวีมากมาย เขาได้เป็น “ลูกพี่ใหญ่” ในหมู่นักโทษ มีอำนาจแบ่งงานให้คนนั้นทำครัว คนนี้ทำความสะอาด คนโน้นนำสวดมนต์ มีอำนาจถึงขั้นสั่งเอาผ้าดำมาคลุมทีวี เพื่อไม่ให้ใครดูรายการไม่เหมาะสม จะชมได้เพียงรายการข่าวการเมืองกับสงครามญิฮาดเท่านั้น พวกนักโทษเล่าว่าอัลซอร์กอวีจะดูแลปกป้องคนในอาณัติของเขาอย่างดียิ่ง แต่จะรังเกียจนักโทษนอกกลุ่ม หาว่าตกศาสนากันหมด
2
ปี 1999 จอร์แดนมีการผลัดแผ่นดิน กษัตริย์คนใหม่พระราชทานอภัยโทษทั่วหล้า ทำให้อัลซอร์กอวีหลุดออกจากคุก เขาเดินทางไปอัฟกานิสถานเพื่อแสวงการญิฮาด และได้พบกับบินลาเดนซึ่งขณะนั้นสร้างองค์กรอัลเคดาจนยิ่งใหญ่รุ่งเรืองมากแล้ว
4
ยุคนั้นอเมริกาทำร้ายจิตใจชาวมุสลิมหลายประการ หลักๆคือสนับสนุนอิสราเอล และแทรกแซงการเมืองตะวันออกกลาง นักรบญิฮาดสากลแจ้งประจักษ์ว่า “อเมริกาไม่สนใครนอกจากผลประโยชน์ของตัวเองหรอกนะเบบี๋” ทำให้พวกเขาค่อยๆลืมความดีสมัยช่วยปราบโซเวียต เกิดความคิดต่อต้านอเมริกาขึ้นทั่วไป
2
ทั้งยิวและอาหรับส่วนใหญ่ต่างสวามิภักดิ์อเมริกา แต่อเมริกาย่อมไม่สามารถให้ประโยชน์บริวารทุกคนได้เท่ากัน ถ้าต้องเลือกก็เลี้ยงยิวไว้ดีกว่านะเบบี๋ เพราะยิวมันรวยกว่าอาหรับ
...ในสถานการณ์ดังกล่าว บินลาเดนกลับคิดว่าการที่อเมริกาครองโลกเป็นขั้วเดียวนั้นเป็นผลดีต่อการรวมรัฐอิสลามของเขา...
ยุทธศาสตร์ของบินลาเดนคือ:
1. ก่อการร้ายทำลายผลประโยชน์ของอเมริกา บีบคั้นให้อเมริกาโจมตีประเทศมุสลิมต่างๆ
2. ยุยงให้มุสลิมในประเทศนั้นๆลุกขึ้นมาต่อต้านอเมริกา
3. แผ่ขยายความขัดแย้งให้กว้างขวางขึ้น ดึงอเมริกาและสมุนเข้าสู่สงครามแบบลิดรอน (คือสงครามที่มุ่งชนะโดยทำให้ฝ่ายตรงข้ามทรัพยากรหมด บินลาเดนตั้งใจใช้การก่อการร้ายที่ลงทุนเพียงน้อย แต่สามารถทำให้ศัตรูสูญเสียมหาศาล มาทำลายพลังของอเมริกา)
4. เมื่ออเมริกาทรัพยากรหมด เศรษฐกิจก็จะล่มสลาย ชาติบริวารต่างๆที่ผูกตนเองกับเศรษฐกิจอเมริกาจะล่มสลายตาม
5. เนื่องจากโลกมีขั้วอำนาจเดียว พออเมริกาล่มสลายแล้วไม่มีใครแทนได้ จะเกิดยุควุ่นวาย ผู้คนฆ่าฟันชิงความเป็นใหญ่กัน ...บินลาเดนจะใช้จังหวะนั้นแหละตั้งรัฐอิสลามแห่งโลกขึ้น มัวะฮ่าฮ่าฮ่า อุเคี้ยก เคี้ยก เคี้ยก คะลัก คะลัก!
9
แผนการของบินลาเดนนั้นแม้ฟังดูยาก แต่เขาก็ประสบความสำเร็จในการก่อการร้ายใหญ่หลายครั้ง เช่นบอมสถานทูตอเมริกาสองแห่งในแอฟริกาตะวันออกจนมีคนตายกว่าสองร้อยคน ทำให้ผู้มีจิตศรัทธาทั่วโลก บริจาคกำลังเงิน กำลังกายมาสนับสนุนเป็นอันมาก
1
อัลเคดาระเบิดสถานทูตอเมริกาในแทนซาเนีย และเคนยา
อัลซอร์กอวีมาพบบินลาเดนเพื่อขอความช่วยเหลือในการก่อการร้ายบ้าง แต่มีรายงานว่าบินลาเดนมิได้ถูกใจเขานัก เพราะเห็นว่ามีแนวคิดรุนแรงเกินรับได้
กล่าวคือ ขณะที่บินลาเดนพยายามจำกัดให้คนของเขาพุ่งเป้าไปโจมตีอเมริกาและอิสราเอลเป็นหลัก อัลซอร์กอวีกลับแสดงความเกลียดชังชาวชีอะห์ซึ่งเป็นมุสลิมต่างนิกายอย่างออกนอกหน้า บอกว่าพวกนี้เป็นมารศาสนาต้องกำจัดก่อน ไม่ยอมฟังยุทธศาสตร์ใดๆของบินลาเดนเลย
พอดีแม่ของบินลาเดนนั้นนับถือชีอะห์ แม้บินลาเดนจะเป็นวะฮาบีย์หัวรุนแรงยังไงก็ยังรักแม่อยู่ เขานั่งฟังอัลซอร์กอวีร่ายว่าจะจับคนชีอะห์ทั้งหมดมาฆ่าทิ้งอย่างหมูหมาก็รำคาญ ทำให้ไม่ไว้วางใจฝ่ายตรงข้ามนัก
รูปบินลาเดนสมัยเด็ก (ในวงแดง) พื้นเพเป็นลูกเศรษฐีซาอุดิอาระเบีย
ถึงกระนั้นบินลาเดนยังมีสายตาเล็งเห็นศักยภาพของอัลซอร์กอวีอยู่ จึงให้เงินแก่ฝ่ายตรงข้ามไปหกล้านบาท ให้ใช้จัดตั้งค่ายก่อการร้ายของตนในเมืองเฮรัต, อัฟกานิสถาน เงินจำนวนนี้ถือว่า “เล็กน้อย” เมื่อเทียบกับกำลังเงินบริจาคที่บินลาเดนหาได้จากผู้สนับสนุนทั่วโลกของเขา
1
อัลซอร์กอวีตั้งชื่อกลุ่มก่อการร้ายในค่ายใหม่ของเขาว่า “เตาฮีด วัล จีฮาด” ทำการฝึกปรือแข็งขัน มีพลพรรคเพิ่มขึ้นนับร้อยในเวลาอันสั้น แม้จะยิ่งใหญ่ขึ้น แต่กลุ่มก่อการร้ายของอัลซอร์กอวีก็ยังไม่เป็นที่รู้จักนัก เพราะถูกบดบังโดยวีรกรรมต่างๆของอัลเคดา
...ที่สำคัญที่สุดคือการขับเครื่องบินไปถล่มตึกเวิร์ลเทรดของอเมริกาเมื่อปี 2001 จนสะท้านสะเทือนทั่วโลกนั่นเอง...
2
อัลเคดาในอิรัก
การวินาศกรรมในปี 2001 ซึ่งกลุ่มอัลเคดาจี้เครื่องบิน บินไประเบิดกับตึกเวิร์ลเทรดเซ็นเตอร์ สังหารผู้บริสุทธิ์ไปถึงสามพันคนนั้น กลายเป็นเหตุการณ์สำคัญสั่นสะเทือนโลก และจะได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของการก่อการร้ายทั้งหมดในอนาคต
เหตุ 911
พญาอินทรีอเมริกาแตกตื่นนัก ...ความตกใจกลายเป็นพิโรธโกรธเกรี้ยว มีการจัดแสนยานุภาพทางบกทางอากาศบุกไปตีอัฟกานิสถานกวาดล้างอัลเคดาซึ่งบังอาจมากระตุกหนวดเสือ
ศึกนี้แม้ทำให้อัลเคดาเสียฐานรบในอัฟกานิสถานบ้าง แต่คำนวณแล้วได้กำไรมหาศาล เพราะธรรมดากลุ่มก่อการร้ายนั้นเหมือนวงการนักเลง หากนักเลงแก๊งใดทำเรื่องใหญ่โตได้ออกสื่อมากๆ นักเลงร่วมอุมการณ์ก็มักรู้สึกว่าพวกพี่ช่างเท่ห์เสียนี่กระไรพากันไปสวามิภักดิ์ ทำให้อัลเคดาได้รับเงินบริจาค พร้อมผู้สมัครเข้าร่วมจำนวนมาก กลายเป็นกลุ่มหัวรุนแรงอันดับหนึ่งปกครองโลกมืดต่อมาอีกนับสิบปี
...ผลเสียคือกระแสก่อการร้ายนี้สร้างความขัดแย้งไปทั่วโลก ชาวมุสลิมมากมายถูกเกลียดชัง และถูกบีบให้เกลียดชัง... ถูกรังแก และถูกบีบคั้นให้รังแกคนอื่น... ทุกคนถูกบังคับให้ต้องเลือกข้าง สังคมแตกแยกวุ่นวาย ความขัดแย้งภาคใต้ไทยซึ่งสงบลงตั้งแต่หลายสิบปีก่อนก็ถูกทำให้ปะทุขึ้นใหม่หลังปี 2001 ด้วยกลุ่มก่อการร้ายชูธงสงครามศาสนา ล้วนมีเครือข่ายเชื่อมโยงกับอัลเคดา
5
ข้างฝ่ายอเมริกาซึ่งกำลังโกรธแค้น แม้ตีอัฟกานิสถานแตกแล้วก็ยังมิหนำ รัฐบาลจอร์จ บุช กลับเติมเชื้อไฟให้กองเพลิงโหมไหม้แรงขึ้นอีก โดยพุ่งเป้าไปยังอิรัก
รัฐบาลอิรักยุคนั้นเป็นพวกสังคมนิยมไม่เคร่งศาสนา ไม่ใช่พวกญิฮาด แต่กลับถูกอเมริกาเหมารวมไปด้วยเพราะบุชหมั่นไส้ซัดดัม (บวกต้องการขยายฐานอำนาจในตะวันออกกลาง) จึงอ้างโน่นนี่ยกทัพไปตีในปี 2003 ระบบซัดดัมซึ่งบอบช้ำมาตั้งแต่สมัยสงครามอ่าวก็ย่อยยับลงภายในสองเดือน
1
ทหารอเมริกาทำลายรูปปั้นซัดดัม ฮุสเซนแล้วเอาธงอเมริกาไปแปะหน้า
ช่วง 2001-2003 นี้ อัลซอร์กอวีได้พาพรรคพวกหลบลงใต้ดิน หนีไปตามประเทศต่างๆเพื่อรอโอกาส พวกเขาเก็งว่าเมื่ออเมริกายึดอิรักได้แล้ว จิตใจชาวประชาไม่สงบ ย่อมเกิดความสับสนอลหม่าน เป็นช่องให้กลุ่มก่อการร้ายเติบโตได้ง่าย
อิรักนั้นประกอบด้วยประชากรสองส่วนหลัก คือคนส่วนใหญ่นับถือนิกายชีอะห์ และคนส่วนน้อยเป็นสุหนี่ ที่ผ่านมาซัดดัมปกครองโดยเอาใจพวกสุหนี่เหมือนตนแล้วกดขี่ชาวชีอะห์เอาไว้ ต่อเมื่ออเมริกาโค่นซัดดัมได้ ชาวชีอะห์กลับมีกำลังขึ้น ชาวสุหนี่ล้วนตกอยู่ในความหวาดกลัวจะถูกเอาคืน
อัลซอร์กอวีเห็นลู่ทางว่าหากเข้าไปในอิรักตอนนี้มีสิทธิได้เป็นวีรบุรุษช่วยชาวสุหนี่จากชีอะห์ชั่ว จึงพาสมัครพรรคพวกย้ายไปทำการในอิรัก โดยได้รับความช่วยเหลือจากบาชาร์ อัลอัสซาด
อัสซาดปกครองซีเรียมาตั้งแต่รุ่นพ่อ เป็นนักการเมืองที่เฉลียวฉลาด และโหดเหี้ยม
...ไม่ได้อ่านผิดนะครับ คืออัสซาดคนเดียวที่ปกครองซีเรียอยู่ถึงตอนนี้นั่นแหละ ...อัสซาดนับถือชีอะห์ก็จริงแต่ไม่เคร่งศาสนา ซีเรียนั้นสวามิภักดิ์เป็นบริวารของรัสเซียมานาน เมื่อเห็นอเมริกาเข้าแทรกแซงประเทศเพื่อนบ้านอย่างอิรักย่อมไม่พอใจ จึงแกล้งเปิดทางให้กลุ่มหัวรุนแรงต่างๆเข้าไปสร้างความปั่นป่วนแก่อเมริกา
2
ที่อิรักนี้อัลซอร์กอวีได้เข้าสวามิภักดิ์ต่ออัลเคดาอย่างเป็นทางการ สร้างผลงานการรบโดดเด่น จนบินลาเดนเห็นศักยภาพ จึงอนุญาตให้กลุ่มของเขาใช้ชื่อ “อัลเคดาสาขาอิรัก” ได้ สิ่งนี้นำเงินทุนและอาสาสมัครมาให้แก่อัลซอร์กอวีเป็นอันมาก
1
...กลายเป็นว่าการบุกอิรักในปี 2003 นั้นเปลี่ยนอิรักจากรัฐไม่เคร่งศาสนา กลายเป็นแหล่งซ่องสุมอันดับหนึ่งของกลุ่มก่อการร้ายไปจริงๆ...
หมากตานี้แม้อเมริกาจะรบชนะซัดดัม แต่กลับถูกนานาประเทศรังเกียจ ต้องเสื่อมความนิยมในฐานะผู้นำโลก ทั้งสูญเสียทรัพยากรจำนวนมากสู้กับกลุ่มก่อการร้ายในอิรักอัฟกานิสถาน กลายเป็นลักษณะสงครามลิดรอน สมดังวิสัยทัศน์ของบินลาเดนทุกประการ...
2
โดนัลด์ ทรัมป์ถ้าได้เป็นประธานาธิบดีก็ดูบุชไว้นะครับ การตัดสินใจผิดพลาดเพราะคิดว่าตนเองมีอำนาจมากทำให้โลก และตัวอเมริกาเองแย่ลง
...แต่สิ่งที่บินลาเดนคำนวณไม่ถึงคือแค่นี้ยังไม่ทำให้อเมริกาล่มจมได้จริงๆ และช่วงเวลานั้นรัสเซียกับจีนฉวยโอกาสที่อเมริกาแย่ลงผงาดขึ้นมามีอำนาจอีกครั้ง ดุลอำนาจโลกเปลี่ยนจากขั้วเดียวไปเป็นสามขั้ว ทำให้สถานการณ์ต่างๆซับซ้อนขึ้นอีก...
ขอบคุณบุช โฮ่ โฮ่ โฮ่
แตกแยก
อเมริกายึดครองอิรักในปี 2003 ได้แล้วก็จัดตั้งรัฐบาลรักษาการขึ้นปกครองประเทศ เพื่อป้องกันมิให้พวกซัดดัมกลับมาอีกอำนาจอีก รัฐบาลชุดนี้จึงออกกฎยุบกองทัพอิรัก และกีดกันสมาชิคพรรคบาธของซัดดัมออกจากราชการทั้งหมด
1
กฎดังกล่าวทำให้ผู้มีความรู้ความสามารถนับแสนคนจากภาคสาธารณสุข คมนาคม การศึกษา และสิ่งอื่นๆที่ค้ำจุนประเทศกลายเป็นคนว่างงาน ทั้งนี้รวมถึงครูโรงเรียน 40,000 คนที่เคยเข้าร่วมพรรคบาธเพราะถูกบังคับตั้งแต่สมัยก่อนสงครามด้วย
1
...ผู้คนเหล่านี้มีเงิน มีการศึกษาสูง ส่วนที่เป็นทหารก็มีความสามารถทางสู้รบ พวกเขาจำนวนมากนับถือสุหนี่ จึงหวาดกลัวการแก้แค้นจากฝ่ายชีอะห์ที่เคยไปกดขี่มานาน สถานการณ์ต่างๆบีบพวกเขาหลบลงใต้ดิน กลายเป็นหอกข้างแคร่ชิ้นใหญ่ของรัฐบาลรักษาการเอง
1
กลุ่มผู้ได้ประโยชน์จากระบบซัดดัมยังคงนึกถึงช่วงเวลาเก่าๆ และอยากหวนคืนมาสู่อำนาจอีก
การบริหารผิดพลาดต่อเนื่องนี้ทำให้อิรักสับสนวุ่นวาย ผู้คนแตกเป็นหลายก๊กหลายเหล่ารบพุ่งฆ่าฟันกันเอง ในจำนวนดังกล่าวกลุ่มของอัลซอร์กอวีสามารถก่อวีรกรรมโหดเหี้ยมโดดเด่นที่สุด
อัลซอร์กอวีนั้นเหมือนเสือดุ เขามิได้โจมตีเฉพาะอเมริกาอย่างเดียว หากยังก่อการร้ายพุ่งเป้าหมายไปยังที่ทำการรัฐบาล, ทูตอียิปต์, ทูตรัสเซีย, สถานทูตจอร์แดน, โบสถ์คริสต์, ชาวชีอะห์ in general, คนต่างชาติ in general สรุปว่าทำลายทุกอย่างซึ่งต่างจากเขา เพราะทุกคนที่ต่างจากเขานั้นล้วนเป็นผีห่าซาตานมาทำอิสลามแปดเปื้อนทั้งสิ้น
อัลซอร์กอวี กับเหล่าทหาร
อัลซอร์กอวีก่อการร้ายหลายสิบครั้ง แต่ละครั้งสังหารคนนับสิบนับร้อยคนไม่เว้นเด็กหรือสตรี โดยชื่นชอบการนำเหยื่อมาตัดหัวประจาน (ซึ่งสืบทอดในหมู่ ISIS จนปัจจุบัน) การก่อการร้ายแบบไม่เลือกนี้ทำให้แม้ชาวสุหนี่ และอัลเคดากลางก็ยังต้องสยดสยอง มีการออกมาตักเตือนเขาหลายที แต่อัลซอร์กอวีหาฟังไม่ เพราะยิ่งทำยิ่งมีชื่อเสียง
จุดสูงสุดของอัลซอร์กอวีมาถึงเมื่ออเมริกาโกรธแค้นให้ค่าหัวเขาถึง 25 ล้านเหรียญ พร้อมลงชื่อเขาเป็นหนึ่งในผู้ต้องหาที่ FBI ต้องการตัวที่สุด ซึ่งการนี้ส่งเสริมสร้างบารมีเจ้าแห่งโลกมืด ทำให้ทุกคนหวาดกลัวเขาขึ้นไปอีก
1
...และในจุดสูงสุดของชีวิตนี้ ภัยร้ายกลับมาถึงอัลซอร์กอวีในแง่มุมที่คาดไม่ถึง
ปี 2006 เหล่าผู้นำสุหนี่เริ่มอดรนทนไม่ไหวกับการปกครองอันโหดร้ายของอัลเคดาในอิรัก นอกจากนั้นดูทางลมแล้วเห็นว่าอย่างไรเสียฝ่ายชีอะห์คงชนะสงครามภายในแน่ หากรัฐบาลชีอะห์ถือกลุ่มก่อการร้ายมาเป็นเหตุปราบสุหนี่แล้วไซร้ สุหนี่ทั้งปวงก็จะซวยโดยถ้วนหน้า อย่ากระนั้นเลยพวกเราร่วมกันตัดหัวอัลซอร์กอวีไปถวายรัฐบาลกันเถอะ
...คิดดังนั้นเหล่าผู้นำสุหนี่จึงรวมตัวกันภายใต้ขบวนการอัลซะห์วะห์ หรือ “การตื่น” เข้าโจมตีอัลเคดาในอิรักเสียเอง!
ธรรมดากองกำลังปฏิวัตินั้นเหมือนปลา จะแหวกว่ายอยู่ได้ต้องมีการสนับสนุนจากประชาชนเป็นน้ำอำนวยให้ แต่หากต้องสู้กับทั้งรัฐบาลทั้งประชาชน ปลานั้นย่อมสิ้นชีพดังเขียด
...ผลคือวันหนึ่งขณะอัลซอร์กอวีเข้าประชุมในที่ลับ เขาก็ถูกชี้เป้าให้เครื่องบินอเมริกาบินมาทิ้งบอมฆ่าตาย...
1
อัลซอร์กอวีตาย
เหล่าแม่ทัพนายกองของอัลเคดาในอิรักถูกจับบ้าง สังหารบ้าง แตกหนีกระจัดกระจาย พวกเขารวมกันเปลี่ยนชื่อองค์กรเป็น “รัฐอิสลามแห่งอิรัก” หรือ ISI ยกให้ “อะบู อุมัร อัลบัฆดาดี” เป็นผู้นำ โดยยังคงสวามิภักดิ์ต่ออัลเคดา
อะบู อุมัร อัลบัฆดาดี
ปี 2007 จอร์จ บุชส่งกำลังรบเข้าเสริมในอิรักจำนวนมาก เมื่อรวมกับความร่วมมือของกองกำลังสุหนี่อัลซะห์วะห์ ทำให้สามารถปราบปราบพวก ISI อย่างมีประสิทธิภาพ ในที่สุดแม้อัลบัฆดาดีก็ถูกจับฆ่าพร้อมลูกชายในปี 2010
กลุ่มก่อการร้ายในอิรักลดทอนกำลังลงอย่างมาก อิรักสงบสุขขึ้นในช่วงสั้นๆ...
ผู้นำชาวสุหนี่สวามิภักดิ์อเมริกา
ความเจ็บปวดจากการถูกชาวสุหนี่ด้วยกันทรยศนี้ กลายเป็นบทเรียนสำคัญของ ISIS ภายหลังเมื่อพวกเขามีอำนาจขึ้นมาอีกครั้ง จึงได้สังหารเผ่าสุหนี่ที่เคยแข็งข้อ เช่นเผ่าอัลบูนิมาร์ตายหลายร้อยคน ไม่เว้นเด็กหรือผู้หญิง เพื่อใช้ความกลัวกดดันคนใต้ปกครอง มิให้กล้าเหิมเกริมอีก
กลียุค
ปี 2010 อเมริกาเห็นว่าปราบปรามกลุ่มก่อการร้ายจนสงบราบคาบพอสมควรแล้ว จึงค่อยๆถอนทหาร ปล่อยให้รัฐบาลอิรักเป็นผู้ดูแลความสงบสุขของประเทศเอง
บัดนั้นอิรักเริ่มเข้าสู่ภาวะที่ดีอย่างที่มิได้เคยปรากฏมานาน รัฐมีเสถียรภาพ มีงบประมาณแผ่นดินค่อนข้างสูง ชนเผ่าต่างๆก็ละวางการทะเลาะเบาะแว้งลงมาก แม้องค์กรอัลเคดาทั่วโลกก็เสื่อมอานุภาพลง
...อิรักคงจะมีอนาคตที่ดี หากนายกรัฐมนตรีในเวลานั้น คือนายนูรี อัลมาลิกีเรียนรู้ความผิดพลาดจากอดีต...
นูรี อัลมาลิกี
อัลมาลิกีเป็นผู้นำชาวชีอะห์ที่หลบหนีออกนอกประเทศสมัยซัดดัม เขามีความสัมพันธ์อันดีกับอิหร่านและซีเรียซึ่งมีผู้นำเป็นชีอะห์เช่นกัน การขึ้นสู่อำนาจของเขานำมาซึ่งสิ่งที่ทุกคนกลัว ...นั่นคือ “การเอาคืนโดยชาวชีอะห์”
1
อัลมาลิกีบริหารโดยยึดติดศาสนา ยกชาวชีอะห์เหนือชาวสุหนี่ เปิดรับอิทธิพลอิหร่านมาแทรกแซงประเทศตัวเอง ทั้งยังมุ่งมั่นกำจัดอิทธิพลสุหนี่ซัดดัมโดยไม่ประนีประนอม การกระทำเหล่านี้ทำให้มีผู้ต่อต้านเขามากมายโดยเฉพาะพวกพรรคบาธซึ่งเคยผ่านสงครามอิรักอิหร่าน เกลียดชังอิหร่านเยี่ยงกิ้งกือไส้เดือน
ขณะนั้นกลุ่ม ISI ได้ผู้นำใหม่คืออะบู บักร์ อัลบัฆดาดี เป็นชาวอิรัก มีแบคกราวน์เป็นผู้รู้ทางศาสนา การศึกษาสูง (ชื่อคล้ายๆผู้นำคนก่อน อย่าสับสนนะครับ) อัลบัฆดาดีทดแทนกำลังที่หดหายไปจากการถูกปราบด้วยการผูกมิตรกับพวกพรรคบาธ ต่างฝ่ายต่างละทิ้งความแตกต่างทางอุดมการณ์ชั่วคราวเพื่อร่วมกันต่อต้านชีอะห์ พันธมิตรนี้ทำให้กลุ่มก่อการร้ายในอิรักมีกำลังขึ้นมาใหม่
อะบู บักร์ อัลบัฆดาดี ผู้นำ ISIS จนปัจจุบัน
ต่อมาปี 2011 มีเหตุการณ์สำคัญซึ่งจะเสริมส่งอัลบัฆดาดีเกิดขึ้น คืออเมริกาสามารถตรวจจับที่อยู่ของบินลาเดน โอบามาจึงส่งทหารไปจับเขาฆ่า เอาศพโยนทิ้งทะเล ผู้นำคนใหม่ของอัลเคดาเป็นศัลยแพทย์ชาวอียิปต์ชื่อ อัยมัน อัซเซาะวาฮิรี (หรือเราจะสะกดว่า อัลซาวาฮีรี) นั้นอายุเยอะแล้ว มิได้มีสเน่ห์เหมือนบินลาเดน เหตุการณ์นี้จึงทำให้อัลเคดากลางระส่ำระสาย กลายเป็นช่องให้ ISI โดดเด่นขึ้น
โอบามานั่งบัญชาการสังหารบินลาเดน
อัลซาวาฮีรีมีรอยปูดที่หน้าผากเหมือนเปาบุ้นจิ้น เนื่องจากเวลาละหมาดนั้นชอบเอาหัวโขกถูพื้นจนหัวเป็นรอย แสดงถึงความเคร่งศาสนา
อีกทางหนึ่งเกิดเหตุ “อาหรับสปริง” กล่าวคือประเทศอาหรับส่วนใหญ่นั้นไม่ว่าจะเป็นบริวารอเมริกา หรือบริวารรัสเซีย ไม่ว่าจะเคร่งศาสนา ราชาธิปไตย หรือเป็นสังคมนิยม ก็มักปกครองด้วยระบอบเผด็จการสิ้น ชาวบ้านอาหรับถูกกดขี่ยาวนานล้วนอึดอัดคับข้องใจมาตลอด
วันหนึ่งชายชาวตูนีเซียคนหนึ่งทนการกดขี่ไม่ไหวเผาตัวตายประท้วง กลายเป็นสัญลักษณ์ให้คนอาหรับรู้สึกว่าเราไม่สามารถทนอยู่ในสภาพแบบนี้ได้อีกแล้วโว้ย! พากันลุกฮือขึ้นต่อต้านรัฐบาล
การประท้วงนี้เป็นเหตุบานปลายในหลายชาติ ชาติที่มีรัฐบาลเข้มแข็งต้องใช้กำลังสยบการประท้วงอย่างยากลำบาก ชาติที่รัฐบาลอ่อนแอ หรือมีคลื่นใต้น้ำมานานแล้ว เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างพลิกฟ้าคว่ำดิน
อาหรับสปริง ...เมื่อชาวอาหรับเรียกร้องประชาธิปไตย
...ประธานาธิบดีของตูนีเซีย อียิปต์ถูกขับไล่ ...คูเวต เลบานอน โอมานต้องเปลี่ยนรัฐบาล ...โมรอกโก จอร์แดนต้องปฏิรูป
...ลิเบีย ซีเรีย อิรัก เยเมน เกิดสงครามกลางเมือง...
เฉพาะการปฏิวัติที่ซีเรียแต่แรกนั้นเกิดจากประชาชนต้องการโค่นล้มเผด็จการตามปกติ แต่ถูกทำให้ซับซ้อนมากขึ้นด้วยสาเหตุภายนอกสองประการ
1
ประการแรกอเมริกาเห็นว่าซีเรียนั้นมีชัยภูมิดี แต่สวามิภักดิ์รัสเซียอยู่ หากฉวยโอกาสนี้แย่งชิงซีเรียมาได้แล้วไซร้ ก็จะลดทอนอานุภาพรัสเซียไปอย่างมาก
2
ประการที่สองในภูมิภาคตะวันออกกลางนั้นมีการแข่งอิทธิพลระหว่างกลุ่มประเทศชีอะห์ กับกลุ่มประเทศสุหนี่อยู่เสมอ พวกสุหนี่เช่นตุรกี ซาอุดิอาระเบีย เห็นซีเรียมีประชากรสุหนี่มาก ชีอะห์น้อย แต่กลับมีผู้นำเป็นชีอะห์ ทำให้ไม่อาจควบคุมสะดวก จึงต้องการโค่นล้มอัสซาดเช่นกัน เหตุสองประการนี้ก่อให้เกิดแรงสนับสนุนกบฏซีเรียจากภายนอกมากมายมหาศาล
การประท้วงในซีเรีย
ด้านอัสซาดเองมิได้ยอมแพ้ เขาตอบโต้โดยสิ่งที่จะทำให้ซีเรียวุ่นวายยิ่งขึ้นไปอีกสองประการ
หนึ่งคือส่งกองทัพเข้าปราบปรามประชาชนอย่างโหดเหี้ยม เพื่อเปลี่ยนการต่อสู้ทางการเมืองเป็นการต่อสู้ทางทหารโดยเร็วที่สุด ...อัสซาดทราบว่าการปกครองยาวนานของตนทำให้ผู้คนเสื่อมความนิยม ปัจจุบันตนเหลือคนสนับสนุนเพียงหนึ่งในสามของประเทศ หากสู้ทางการเมืองจะต้องพ่ายแพ้แน่ แต่หากแกล้งสร้างสถานการณ์ผิดปกติ ชาวบ้านต้องการผู้นำมาแก้ปัญหา คิดว่าอยู่กับตนก็ดีกว่ามีสงคราม ตนจะสามารถรักษาอำนาจยืนนานสถาพรต่อไป
1
...สิ่งที่อัสซาดทำอย่างที่สองคือปล่อยกลุ่มก่อการร้ายเข้ามาในซีเรีย...
1
อัสซาดให้อภัยโทษฝ่ายหัวรุนแรงจำนวนมาก ปล่อยพวกนั้นออกมาจากคุก และแกล้งเปิดทางให้มีกำลังขึ้น เขาเก็งว่ากลุ่มก่อการร้ายจะเข้าปะปนกับฝ่ายประท้วง แล้วเปลี่ยนการปฏิวัติเพื่อประชาธิปไตยเป็นศึกญิฮาด
...อัสซาดเชื่อว่าหากการปฏิวัติประชาชนอันบริสุทธิ์ถูกทำให้ปนเปื้อนด้วยสงครามศาสนาของพวกหัวรุนแรงแล้วไซร้ ฝ่ายอเมริกาย่อมไม่สามารถมาแทรกแซงได้เต็มที่ เพราะกลัวถูกด่าว่าสนับสนุนพวกก่อการร้ายนั่นเอง
1
...อีกด้านหนึ่ง อัลบัฆดาดีเห็นอัสซาดแกล้งส่งเสริมพวกตน จึงรับมุกส่งรองหัวหน้าชื่อ อะบู มุฮัมหมัด อัลโจลานี เข้าไปก่อการในซีเรีย ซึ่งอัลโจลานีนี้จะได้ก่อการโลดโผน ภายใต้สถานการณ์สงครามซีเรียอันสลับซับซ้อนอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนเลย
สงครามกลางเมืองในสงครามกลางเมือง
ปี 2012-2013 อัลบัฆดาดีอาศัยสถานการณ์อาหรับสปริงอันสับสนวุ่นวายเสริมความแข็งแกร่งกลุ่มก่อการร้ายของเขาให้ถึงขีดสุด โดยสั่งบุกโจมตีคุกต่างๆในอิรัก ปลดปล่อยนักโทษใหญ่น้อยออกมาสิ้น
“ภารกิจที่สำคัญที่สุดของเราคือปลดปล่อยพี่น้องมุสลิมจากคุกทุกแห่ง!” อัลบัฆดาดีประกาศ “และฆ่าพวกผู้คุม, ผู้พิพากษา, ตำรวจ, นักสืบ หรือใครก็ตามที่ทำร้ายพี่น้องมุสลิมของเราซะ!” (พูดยังกะพวกผู้คุมไม่ใช่มุสลิม)
เหล่า ISIS โจมตีคุกแห่งแล้วแห่งเล่า ปลดปล่อยนักโทษนับพันออกมา นักโทษหลายคนไม่รู้จะหนีไปไหนก็พากันเข้าด้วยผู้ปลดปล่อย แม้คนที่มิเข้าด้วยก็ย่อมรู้สึกสำนึกบุญคุณอยู่ เหตุดังกล่าวจึงทำให้ ISIS มีกำลังคนเพิ่มขึ้นอย่างมาก ทั้งยังสามารถเรียกคะแนนเสียงจากผู้เกลียดชังรัฐบาลอีกโข
ISIS ปล้นคุกปล่อยนักโทษ
ปี 2013 อัลบัฆดาดีมองไปยังซีเรีย เห็นว่าบัดนั้นชาวบ้านแตกออกเป็นสองฝ่ายคือฝ่ายรัฐบาลอัสซาด และฝ่ายกบฏสายกลาง FSA (Free Syrian Army) รองหัวหน้าอัลโจลานีที่เขาส่งไปก่อการได้ตั้งกลุ่มของตัวเองขึ้นชื่อว่าอัลนุสเราะห์ ร่วมมือกับพวก FSA ต่อต้านรัฐบาลเป็นสามารถ
อัลโจลานี
อัลบัฆดาดีไม่พอใจที่อัลโจลานีประพฤติตนเป็นเอกเทศเกินไป ทำการรบในซีเรียเข้มแข็ง โดดเด่นเกินหน้าเกินตาเกินไป นอกจากนั้น FSA ยังสวามิภักดิ์ด้วยอเมริกาอย่างโจ่งแจ้ง หากแม้นพวกนี้รบชนะยึดประเทศได้ ไหนเลยจะยอมมาอยู่ใต้อำนาจของเขา
1
...เหตุผลต่างๆพาให้อัลบัฆดาดีระลึกถึงประโยคคลาสสิกที่ว่า
1
คิดดังนั้นเขาจึงประกาศเปลี่ยนชื่อกลุ่ม ISI (Islamic State in Iraq) ของตนเป็น ISIS (Islamic State in Iraq and Greater Syria) ซึ่งเป็นชื่อที่เราใช้เรียกกันแพร่หลายจนปัจจุบัน (ตอนหลังมีการเปลี่ยนชื่อต่ออีกแต่คนมักไม่เรียกตาม ผมจะอธิบายอีกทีว่าทำไม)
การเปลี่ยนชื่อนี้เป็นการแสดงชัดว่าอัลบัฆดาดีต้องการทับอิทธิพลอัลโจลานี พวก ISIS อ้างความเป็นกลุ่มแม่เข้าเกลี้ยกล่อมพลพรรคอัลนุสเราะห์มาสวามิภักดิ์เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซ้ำความสุดโต่งหัวรุนแรงเกินไปของพวกเขาก็ทำให้เกิดขัดแย้งกับฝ่าย FSA เนืองๆ
1
อัลโจลานีเห็นท่าไม่ดี กลัวตนไร้ความหมาย จึงร้องทุกข์ขอความเป็นธรรมไปยังอัลซาวาฮีรีซึ่งเป็นหัวหน้าใหญ่แห่งอัลเคดาทั้งหมด
อัลซาวาฮีรีคิดมานานแล้วว่าพวก ISIS นั้นสุดโต่งเกินไปแม้สำหรับตน จึงตัดสินว่าอัลโจลานีเป็นฝ่ายถูก ให้มีความชอบธรรมชูธงอัลเคดาในซีเรีย
...อัลบัฆดาดีฟังดังนั้นจึงบอกว่า กูก็ทนพวกมืงไม่ไหวแล้วเช่นกัน ...ตั้งแต่สิ้นท่านบินลาเดนพวกมืงเคยมีผลงานอะไรบ้าง อย่ากระนั้นเลยกูไม่ขอสวามิภักดิ์อัลเคดาอีกต่อไปแล้วโว้ย จะแยกมาตั้งรัฐอิสลามอันบริสุทธิ์สถาพรของตัวกูเอง!
ว่าแล้วอัลบัฆดาดีจึงสั่งพลพรรคบุกกวาดล้างอัลเคดาอย่างบ้าเลือด!
ISIS เปิดฉากรบอัลเคดา ต่างฝ่ายต่างหาว่าฝ่ายตรงข้ามเป็นมารศาสนาต้องกำจัดให้สิ้น! เหตุการณ์นี้กลายเป็นเรื่องวุ่นวายในแวดวงก่อการร้ายโลก... พวกเครือข่ายที่เคยสวามิภักดิ์อัลเคดาอยู่ก็พากันสับสนว่าจะเอาไงดีวะ...?
5
หากเปรียบกำลังแล้ว อัลเคดามีรากฐานยาวนานยุคหนึ่งสมัยหนึ่งแทบจะเป็นผู้นำโลกมืดแต่ผู้เดียว มีกลุ่มก่อการร้ายอิสลามทั้งโลกมาสวามิภักดิ์ ...ส่วน ISIS นั้นแม้มาใหม่ แต่ถ้าเทียบเฉพาะความสามารถทาง marketing แล้ว กลับทำได้ดีกว่าฝุดๆ
กล่าวคือ ISIS เน้นสายโหดชอบจับคนมาฆ่า ตัดหัว เผาทั้งเป็น โยนลงจากที่สูงให้ร่างเละอย่างโรคจิต จากนั้นอัดวีดีโอประกอบเพลงปลุกใจ ใส่แสงสีเสียงสเปเชียลเอฟเฟคส่งออกเผยแพร่ทางโซเชียลมีเดียอย่างชำนาญ
ISIS เผานักบินจอร์แดนทั้งเป็นแล้วอัดวีดีโอเผยแพร่
...ขณะที่อัลซาวาฮีรีชราแล้ว อย่างดีก็พูดสุนทรพจน์ให้คนฟังบนฉากสีจืดๆ
...เรามาลงขันกันยึดครองโลกเถอะนะลูกหลานเอ้ย งั่กๆ
...ลองถามใจดูแล้วกันว่าหากคุณเป็นชายหนุ่มหัวรุนแรงวัยกลัดมัน ได้เห็นหนังโฆษณาชวนเชื่อ มีคลิประเบิดดังตู้มๆ ดนตรีแรงๆ มันส์ๆ เทียบกับวีดีโอคนแก่มานั่งบรรยายธรรมเทศนาความยาวสองชั่วโมง คุณจะเลือกดูอะไร...
...สรุปว่าความเปรี้ยวของ ISIS เป็นที่ต้องตาต้องใจวัยกระเตาะยิ่งนัก ทำให้มีคนหนุ่มมาเข้าด้วยเป็นอันมาก
1
ประกอบกับในปี 2014 อัลบัฆดาดีทำการรบได้ผล บุกเข้าตีเมืองโมซูล ไปตลอดถึงเมืองฟัลลูจาห์ ฝ่ายรัฐบาลอิรักนั้นเกิดขัดแย้งภายใน แม้มีกำลังมากกว่าแต่ทหารสุหนี่ไม่อยากสู้เพื่อรัฐบาลจึงทอดทิ้งการรบ ปล่อยให้โมซูล ฟัลลูจาห์ถูกยึดครองโดยง่าย
ISIS ประสบความสำเร็จใหญ่หลวง สามารถยึดครองพื้นที่กว้างขวางอุดมด้วยน้ำมันคลุมทั้งอิรักซีเรีย เป็นผลงานชิ้นโบว์แดงซึ่งอัลเคดาไม่เคยทำได้มาก่อน แม้ในยุคพีคของบินลาเดนก็ตาม
1
สีดำคือพื้นที่ยึดครองของ ISIS ยุคพีคในอิรักซีเรีย มีขนาดพอเป็นประเทศได้สบาย
พวกหัวรุนแรงทั่วโลกเห็นดังนั้นจึงละทิ้งอัลเคดามาสวามิภักดิ์ด้วย ISIS เป็นอันมาก กลายเป็นสงครามกลางเมืองในหมู่กลุ่มก่อการร้ายซึ่งยังชิงความเป็นใหญ่กันอยู่จนปัจจุบัน
ตั้งตัวเป็นกาหลิบ
1
เมื่อแรกที่ ISIS แยกตัวออกมาจากอัลเคดานั้นพวกเขาเหี้ยมหาญ คะนอง ประดุจไก่ซึ่งเพิ่งลอกเดือยหนามทอง บุกตีไปตำบลใดก็เอาชนะได้สิ้น และเป็นการชนะในการรบตามแบบ มิใช่การก่อการร้ายหลบๆซ่อนๆ ที่สุดพวกเขาสามารถครองแผ่นดินขนาดเท่าประเทศเล็กๆแห่งหนึ่งซึ่งพรั่งพร้อมด้วยเสบียง อาวุธ และน้ำมัน มีความสำเร็จเหนือกลุ่มก่อการร้ายอิสลามในอดีต
1
อัลบัฆดาดีอาศัยจังหวะได้เปรียบดังกล่าว ประกาศเปลี่ยนชื่อองค์กรจาก ISIS (Islamic State in Iraq and Greater Syria) เป็น IS (Islamic State) เฉยๆ แล้วตั้งตัวเป็นกาหลิบ ในเมืองโมซูลอันเป็นเมืองใหญ่ที่สุดที่ยึดได้
1
แผนที่โลกในฝันของ ISIS พวกเขาต้องการสร้างอาณาจักรอิสลามอันยิ่งใหญ่ เหมือนยุคที่กองทัพมุสลิมเคยตีไปถึงสเปน
อนึ่งตำแหน่งกาหลิบนี้เป็นตำแหน่งผู้นำของชาวมุสลิม มีความแตกต่างจากตำแหน่งสุลต่าน คือขณะที่สุลต่านหมายถึงพระราชาผู้ครองแว่นแคว้นหนึ่งๆ กาหลิบนั้นหมายถึงผู้นำทางโลกและทางศาสนา ซึ่งเป็นตัวแทนชาวมุสลิมทั้งหมด
1
Islamic State หรือ ไอเอส จึงเป็นรัฐอิสลามอันชอบธรรมแต่เพียงแห่งเดียวในโลก โดยมีกาหลิบอัลบัฆดาดีเป็นประมุขผู้ชอบธรรมคนเดียว อัลบัฆดาดีสงครามครั้งนี้คือสงครามตามคำทำนายของอิสลามเกี่ยวกับวันสิ้นโลก เรียกร้องให้ชาวมุสลิมทุกคนมาสวามิภักดิ์เขา เขาจะนำพาต่อสู้สร้างแผ่นดินในอุดมคติ
1
...ครับ อิสลามมีคำทำนายเกี่ยวกับวันสิ้นโลกเหมือนกับศาสนาทั่วไป คือพูดถึงช่วงเวลาที่ธรรมะต่อสู้ชนะอธรรม มีอาณาจักรของผู้มีบุญ คนดีจะได้ขึ้นสวรรค์ ฯลฯ เป็นเรื่องคล้ายยุคพระศรีอาริย์ของพุทธ หรือวันพิพากษาของคริสต์
ในยามที่แผ่นดินเป็นทุรยุค ชาวบ้านขาดความหวัง มักมีผู้นำการเมืองอ้างตนเองเป็นผู้มีบุญมาปราบยุค เพื่อรวบรวมกำลังตั้งตัวเป็นใหญ่ เช่นกบฏผีบุญในภาคอีสานของไทย หรือกบฏไท่ผิงในจีนก็ใช่
เมื่อบัฆดาดีประกาศออกไปเช่นนี้แล้ว ย่อมเกิดเสียงต่อต้านในบรรดาชาวมุสลิม บอกว่าหน้าอย่างมืงเนี่ยนะผู้มีบุญ มืงทำแต่ละอย่างชั่วช้าสารเลวเหลือเกิน ชาวมุสลิมโดยทั่วไปจึงกระดากปากที่จะเรียกคนกลุ่มนี้ว่า Islamic State เพราะเหมือนกับยอมรับว่ามันเป็นผู้แทนอิสลามทั้งหมด แต่เรียกว่า Daesh (ดาอิช) ซึ่งมาจากคำย่อ ISIS สะกดแบบอาหรับแทน (Dawlat al-Islamiyah f'al-Iraq w Belaad al-Sham)
และอย่างที่ผมเคยเรียนแล้ว ความเกลียดชังไม่ได้ทำให้ ISIS อ่อนแอลง เพราะแนวทางของการก่อการร้ายคือยิ่งสร้างความเกลียดชังแตกแยกได้มาก ยิ่งเป็นผลดีต่อการตลาด สามารถบีบคั้นให้คนเป็นกลางต้องเลือกข้างมาสวามิภักดิ์ตนหรือไปอยู่ฝ่ายตรงข้ามได้ง่าย คำประกาศนี้จึงดึงดูดฮาร์ดคอว์จากทั่วโลกมาเข้าด้วยมากมาย รวมทั้งกลุ่มก่อการร้ายใหญ่เช่นพวกโบโกฮารามแห่งไนจีเรีย
3
โบโกฮารามสวามิภักดิ์ ISIS
เวลานั้น ISIS กำลังแกร่งกล้าจนกลายเป็นภัยคุกคามอันดับหนึ่งในตะวันออกกลาง สามารถตีชิงพื้นที่ได้เป็นอันมาก พวกเขาคงจะประสบความสำเร็จไปอีกเรื่อยๆ ...หากมิได้ทำผิดพลาดสำคัญประการหนึ่ง
...นั่นคือการรุกรานเคิร์ด...
ชาวเคิร์ดเป็นชนกลุ่มน้อยในอิรัก-ซีเรียที่ถูกชาวอาหรับกดขี่ข่มเหงมาตลอด ต่อมาเมื่ออเมริกาทำศึกปราบซัดดัม เคิร์ดได้เข้าสวามิภักดิ์ด้วยอเมริกา ทำการต่อสู้จนชนะ อเมริกาจึงช่วยเคิร์ดตั้งเขตปกครองตนเองในอิรักเป็นรางวัล แต่นั้นเคิร์ดก็สะสมเสบียงอาวุธจนมีความแข็งแกร่งขึ้นเป็นอันมาก
1
นักรบเคิร์ด
ปี 2014 อัลบัฆดาดีเห็นเคิร์ดเป็นหอกข้างแคร่ และเกลียดชังชนเผ่ายาซิดีซึ่งเป็นเคิร์ดกลุ่มหนึ่งที่มิได้นับถือศาสนาอิสลาม จึงอาศัยเหตุนี้สั่งบุกโจมตีพวกเคิร์ด และฆ่าล้างเผ่าพันธุ์พวกยาซิดีไปพร้อมกัน
2
พวกเคิร์ดเจอการบุกอย่างรุนแรงก็เพลี่ยงพล้ำบ้าง แต่ไม่นานกลับสามารถตั้งหลัก และตีตอบโต้ได้ ปรากฏกองทัพเพชเมอร์กาของชาวเคิร์ดสู้ชนะ ISIS แทบทุกแนวรบ ผลักดันให้พวกก่อการร้ายแตกหนีกลับไปไม่เป็นขบวน
1
ISIS จึงพบความจริงว่าตัวเองไม่ได้เก่งขนาดนั้น ก่อนนี้ที่ชนะรัฐบาลอิรักซีเรียมาเรื่อยๆ เป็นเพราะรัฐบาลทั้งสองมีปัญหาภายในต้องรับศึกหลายด้าน แต่เมื่อเจอพวกเคิร์ดที่เป็นทัพเล็กแต่การจัดการดี เอาเข้าจริงก็สู้ไม่ได้
1
กองทัพเคิร์ดมีทหารหญิงจำนวนมาก พวก ISIS กลัวทัพผู้หญิงนัก เพราะเชื่อว่าหากถูกผู้หญิงฆ่าแล้วจะไม่ได้ขึ้นสวรรค์
ปี 2015 ทัพเคิร์ดมีชัยรุกคืบเข้าประชิดทั้งเมืองรักกา และโมซูลซึ่งเป็นเมืองหลวงของ ISIS ในซีเรีย และอิรักตามลำดับ จากนั้นตั้งรอไว้ให้ทัพจากฝ่ายอื่นๆมาร่วมตี ...นับเป็นการท้าทายบุญญาธิการของอัลบัฆดาดีเป็นอย่างมาก
การก่อการร้ายไม่จบสิ้น
ภายใน ISIS เองประกอบด้วยคนหลายฝ่าย เช่นกลุ่มบริวารเก่าของซัดดัม หรือชาวซีเรียอิรักที่มาสวามิภักดิ์ พวกเขามิได้มีความคิดเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เพียงแต่เกลียดรัฐบาลจึงร่วมมือกันโค่นล้ม
กลุ่มนาคช์บันดีซึ่งเป็นบริวารเก่าของซัดดัมนั้นมิได้มีอุดมการณ์หัวรุนแรงเหมือน ISIS เพียงแต่เข้าร่วมเพราะต้องการล้มรัฐบาลเหมือนกัน
นอกจากนั้นยังมีเรื่อง ISIS ให้เงินเดือนชาวต่างชาติมากกว่าชาวพื้นเมืองเพื่อดึงดูดความช่วยเหลือจากภายนอก แม้ทำให้มีชาวต่างชาติหัวรุนแรงมาเข้าด้วย ISIS กันเยอะ แต่คนพวกนี้หลายคนรบไม่เป็น จึงถูกกระจายไปช่วยทางอื่นๆเช่นทางแพทย์ ทางก่อสร้าง กลายเป็นว่าพวกพื้นเมืองที่รบจริงตายจริงยังได้เงินน้อยกว่าชาวต่างชาติที่อยู่สบาย
1
...ความแตกต่างดังกล่าว ทำให้เกิดการต่อสู้ภายใน ISIS อยู่เสมอ...
ปี 2015 ผลร้ายจากการเปิดศึกหลายด้านกลับมาทำร้าย ISIS อีกครั้ง
แม้การรบแพ้ทัพเคิร์ดมิได้สั่นคลอนพวกเขาถึงรากฐาน แต่มันทำให้ภาพลักษณ์ “ไร้พ่าย” เสื่อมลง ศัตรูอื่นๆของ ISIS เข้มแข็งขึ้น เช่นรัฐบาลอิรักซึ่งได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน และกองกำลังชีอะห์, รัฐบาลซีเรียที่ได้รับการสนับสนุนจากรัสเซีย หรือกบฏสายกลางซีเรียที่ได้รับการสนับสนุนโดยอเมริกา ทั้งหมดล้วนได้ชัยต่อ ISIS ในหลายสมรภูมิ
1
เฉพาะสมรภูมิเมืองโคบานี เคิร์ดฆ่า ISIS ตายไป 2,000 คน และเคิร์ดเองตายไปกว่า 500 คนจึงยึดเมืองได้
ที่เมืองรามาดีทหารอิรักยึดเมืองได้แล้ว ปลดธง ISIS จึงเอาธงอิรักชูแทน
ทหาร ISIS ปลอมเป็นผู้หญิงหนี
ทหาร ISIS แก้ผ้ายอมจำนนต่อสไนเปอร์เคิร์ด
ตามที่ผมกล่าวว่าวงการก่อการร้ายนี้เหมือนวงการนักเลง พวกนักเลงถือภาพลักษณ์เป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะหากมีชื่อเสียงน่าเกรงขามก็จะมีนักเลงใหญ่น้อยมาสยบ ทำสิ่งใดก็ง่าย แต่หากชื่อเสียงแย่แล้วไซร้ พวกบริวารก็มักตีตนออกห่าง คนทั้งปวงมิได้เกรงใจ
การพ่ายแพ้ติดต่อกันทำให้ชื่อเสียง ISIS เสื่อมลง จะไปตีเมืองเพื่อเรียกชื่อคืนก็ยาก ...ถ้าอย่างนั้นควรทำอย่างไรดีล่ะ?
...เดือนพฤศจิกายนปี 2015 เกิดการก่อการร้ายในหลายจุดของมหานครปารีส คร่าชีวิตผู้บริสุทธิ์ตายกว่า 130 คน ทำให้มีผู้บาดเจ็บอีกกว่า 380 ราย
ISIS โจมตีปารีส
ISIS อ้างความรับผิดชอบในเรื่องดังกล่าว มีการวิเคราะห์ว่ามันเป็นยุทธวิธีในการการเปลี่ยนข่าวบนหน้าหนังสือพิมพ์จาก “ISIS กำลังรบแพ้ที่เมืองนี้” เป็น “ISIS ก่อการร้ายอย่างทารุณที่เมืองนี้” เพื่อรักษาภาพลักษณ์ความยิ่งใหญ่
ปัจจุบัน ISIS ยังคงเสียพื้นที่สำคัญในอิรักและซีเรียไปเรื่อยๆ เป็นที่กลัวกันว่าสถานการณ์หมาจนตรอกจะบีบให้ ISIS ก่อการร้ายในประเทศต่างๆมากขึ้นอีกเพื่อรักษาพื้นที่ข่าว
ถามว่าการเพลี่ยงพล้ำของ ISIS ถือเป็นเรื่องดีหรือไม่? คำตอบคือพูดยาก เพราะ ISIS เป็นเพียงกลุ่มหัวรุนแรงซึ่งมีอำนาจขึ้นมาในช่วงที่บ้านเมืองไม่สงบ หากสิ้น ISIS แล้ว คู่กรณีซึ่งเป็นต้นเหตุแห่งความขัดแย้งจริงๆ ได้แก่อเมริกาและรัสเซียก็ยังคงมีพลานุภาพอีกมากมายสำหรับห้ำหั่นกัน
1
สงครามซีเรียอิรัก แท้จริงคือการต่อสู้ระหว่างอเมริกากับรัสเซีย และซาอุดิอาระเบีย ตุรกี กับอิหร่าน ในการชิงความเป็นใหญ่
ผมเชื่อว่าอนาคตอีก 100-200 ปีข้างหน้านักประวัติศาสตร์คงเรียกตะวันออกกลางในยุคสงครามเย็นถึงปัจจุบันว่า “ยุควุ่นวาย” เพราะมีเหตุปั่นป่วน มีสงครามใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับหลายประเทศเกิดขึ้นติดต่อกันนับสิบครั้ง ทำให้สภาพเศรษฐกิจสังคมย่ำแย่ หาความสงบมิได้
ผมยังไม่เห็นทางออกแบบง่ายในปัญหาที่พวกเขากำลังประสบ เพราะปัญหาไม่ได้อยู่ที่ชาวตะวันออกกลางอย่างเดียว แต่อยู่ที่มหาอำนาจยังจัดสรรผลประโยชน์กันไม่ลงตัว
1
หวังว่าอเมริกากับรัสเซียจะสามารถบรรลุข้อตกลงกันได้โดยเร็ว เพราะแม้สิ้น ISIS แล้ว การก่อการร้ายก็คงยังดำเนินต่อไป โดย player อื่น เพราะทางหนึ่ง ISIS และกลุ่มก่อการร้ายอิสลามในปัจจุบันนับเป็นผลพวงจากการถูกบีบคั้นรังแกโดยชาติมหาอำนาจ ซึ่งย้อนกลับไปทำร้ายชาติมหาอำนาจ และทำร้ายตัวเอง
::: ::: :::
สนใจเรื่องประวัติศาสตร์ สงคราม เรื่องต่างประเทศ กดติดตามเพจ The Wild Chronicles - เชษฐา https://www.facebook.com/pongsorn.bhumiwat ได้เลยครับ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา