19 ส.ค. 2020 เวลา 11:05 • ธุรกิจ
สรุป Research Skift X Oracle
หัวข้อ "การฟื้นตัวในแวดวงการท่องเที่ยวและธุรกิจโรงแรมในช่วง Post-Covid"
ต้องบอกเหมือนเดิมว่าอุตสาหกรรมที่โดนผลกระทบหนักที่สุดของ Covid คงไม่พ้นการท่องเที่ยวและการโรมแรมเนอะ
นี่เราก็กำลังมุ่งหน้าไปสู่ Quarter ที่ 3 ของปี 2020 แล้ว
และในช่วงนี้ ก็เรียกได้ว่าเป็นช่วง Post Covid แล้ว เมืองใหญ่ๆหลายๆเมือง หลายประเทศก็เริ่มเปิดแล้ว (ถึงแม้ว่าจะมีประเทศอย่าง New Zealand ที่ปิดชั่วคราว เนื่องจากพบเคส)
งั้น วันนี้เราจะพาเพื่อนๆไปย่อยกันว่าผู้ประกอบการโรงแรมทั่วโลก เค้าต้องเจอกับอะไรบ้างในตอนนี้(ช่วงหลังโควิด) ? แล้วผู้ประกอบการโรงแรมส่วนใหญ่มีความรู้สึก (Sentiment) กันอย่างไรบ้าง ?
ไปเรียนรู้กันผ่าน Research Skift X Oracle
ปล.เรามีลิ้งตอนท้ายให้นะ แต่ว่าเล่มนี้ต้องซื้อนะจ้ะ ไม่ฟรีนะ แงงง แต่ว่าอ่านของเราก็น่าจะคลุมหมดแล้วละ (ราวๆ 80%) :)
ปล2. ยาวหน่อยนะเพื่อนๆ เตรียม Bookmark กันไว้ได้เลย แต่อย่าอ่านเวลาขับรถน้า :):)
Sample หรือ กลุ่มประชากรที่ใช้ในการทำงานวิจัยเล่มนี้คือ
- 1,800 ผู้บริหารและผู้ประกอบการโรงแรมทั่วโลก
- 4,000 ลูกค้าที่จองทริปท่องเที่ยวในประเทศ US, Mexico, Germany, the UK, Singapore, และ Australia (เสียดายไม่มีไทยเนอะ)
อัตราการเข้าพักโรงแรมทั่วโลกลดลงไปเกือบ -50% ในปี 2020
- และยังมีการคาดการณ์ว่าต้องใช้เวลาขั้นต่ำเกือบ 12 - 16 เดือน กว่าที่ธุรกิจส่วนนี้จะฟื้นกลับมาได้เกือบเหมือนเดิม (โดยที่ต้องไม่มีระลอกที่ 2 นะจ้ะ)
นักท่องเที่ยวในกลุ่มสำรวจเกือบ 2,500 คน หรือ 61% ได้ยกเลิกการของทริปของพวกเค้าล่วงหน้าถึง 6 เดือน !
- อย่างไรก็ตาม Skift พบว่า เกือบ 40% ของพวกเค้ายังคงสนใจในทางการท่องเที่ยวกับสถานที่ ที่พวกเค้าของและยกเลิกไป แต่อาจต้องรอหลังจาก 6 เดือนไปก่อน
- โดยสถานการณ์ทางฝั่งผู้ประกอบการโรงแรมในกลุ่มสำรวจ เกือบ 54% ได้บอกว่า พวกเค้าเนี่ยขาดทุนเกือบ -70%+ กันแล้วตอนนี้ (ถ้าเทียบเป็น Year-over-Year)
- โดยที่ผลสำรวจทางจิตใจของนักท่องเที่ยว พบว่าพวกเค้ารู้สึกการท่องเที่ยวต่างประเทศน่าจะปลอดภัยหลังจาก 6-12 เดือน โดยที่ เกือบ 6% จะรู้สึกสบายใจอีก 18 เดือนขึ้นไปแนะ ! (ภาพด้านล่าง)
ฝั่งลูกค้านักท่องเที่ยว
- ถ้าเป็นทางด้านความเห็นของโรงแรมในการสำรวจ เค้าพบว่าเกือบ 44% ของโรงแรมคอดว่าสถานการณ์จะดีขึ้นในอีก 12-18 เดือน+ ข้างหน้า (ถ้าไม่มี Wave 2)
(ภาพด้านล่าง)
ฝั่งโรงแรม
- Heather McRory, CEO for North and Central America จากเครือ Accor ยังออกมาเสริมอีกว่า ส่วนของธุรกิจ Leisure ต้องใช้เวลานั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ส่วนภาคธุรกิจ Business Travelers ที่พวกเค้าไม่รออย่างแน่นอน 6,12 หรือ 18 เดือน
- ส่วนตัวเรามองว่า นั้นละปัญหาใหญ่ การเดินทางไปๆมาๆ ของ Business Travelers อันนี้ให้เพื่อนๆไปคิดต่อกันเองนะ.....
ไหนเพื่อนๆคนไหนชอบอ่านตาราง น่าจะชอบตารางข้างล่างนี้
ขอสรุปในมุมมองของเรา สั้นๆ
- ที่กระทบมากที่สุดของไม่พ้น International Traveler ที่ เกือบ 50% predict ว่าจะลดลงไป
- โรงแรมส่วนใหญ่ยังคงมีความเชื่อว่า Domestic Travelers จะเพิ่มขึ้น
- ส่วนที่น่าจะปกติและเหมือนเดิมที่สุดคือ Healthcare worker และ Business Travelers หรือเอาง่ายๆคือ กลุ่มที่มีความจำเป็นต้องเดินทางแน่ๆ
มาดูตัวเลขความคิดเห็นดีๆจากโรงแรมของทั้ง 4 ทวีปกัน (APAC,NORAM,LATAM,EMEA)
จากตัวเลขด้านบนเพื่อนๆจะเห็นได้ว่า
- อเมริกาดูเหมือนจะมีนักท่องเที่ยว Domestic เยอะสุด
- APAC ตัวเลขอยู่เป็นอันดับที่ 3 ซึ่งเทรนด์ก็ไม่ได้ห่างจาก European มาก
- แต่ถ้ามาดูตัวเลขจากตารางด้านบน ถ้าพูดถึงอีก 6 เดือนข้างหน้า ทางฝั่ง APAC เองก็ยังคงเห็นเทรนด์ความไม่แน่นอนอยู่เยอะ โดยเสียงส่วนใหญ่ (41%) โหวตว่า พวกเค้าคาดการณ์ว่ายอดจองโรงแรมจะยังล่วงอยู่ระหว่าง 51-75%
แล้วในเรื่องของ Guest Experience ละ เป็นยังไงบ้าง ?
ความคิดเห็นและ Action ทางฝั่งโรงแรม
- เป็นสิ่งที่ดีที่ผู้ประกิบการโรงแรมส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับ Cleaning และ Hygiene ของตัวโรงแรม และการเทรนนิ่งพนักงานด้วยนะ
- Hyatt Hotels ได้มีการเพิ่มตำแหน่งงานใหม่ในส่วนของ Hygiene Manager ในทุกๆโรงแรมด้วยเช่นกัน
- McRory Head of Accor, ยังได้ออกมาบอกได้ทิศทางเดียวกันว่า โรงแรมในเครือของ Accor จะมองถึงเรื่องความปลอดภัยทางสุขภาพและความสะอาดให้กับลูกค้าเป็นสิ่งสำคัญที่สุด โดยได้มีการใช้ UV light และ Electrostatic disinfection technology ได้ขั้นตอนการทำความสะอาดด้วย
- สิ่งที่เราน่าจะเห็นได้จากการบริการของโรงแรมคือเรื่องของ contactless Check-in/out หรือแม้กระทั่ง Room keys ที่จะสามารถทำได้ในมือถือของพวกเรา
แต่คำถามที่สำคัญคือ แล้วลูกค้ารู้สึกอย่างไรบ้างละ ? พวกเค้าคิดเห็นเหมือนที่ฝั่งโรงแรมได้คิดหรือเปล่านะ ?
มาดูคำตอบจากฝั่งลูกค้ากันบ้าง
- โดยอันดับแรกๆเนี่ย นักท่องเที่ยวก็มองไปในทางเดียวกับโรงแรมคือ เรืองของ Hygiene
- แต่ถ้าเพื่อนดูความคาดหวังของพวกเค้าในอับดับที่ 3 "Contactless payment" ซึ่งโรงแรมเกือบ 41% ทั่วโลกยังไม่ได้จัดการกับเรื่องตรงนี้เลย รวมถึง Contactless check-in ด้วยนะ
- และแน่นอนว่าผลสำรวจในคำถามว่า "Do you expect hotel to provide non physical interaction ?" และ 71% ของฝั่งลูกค้าตอบว่า "Agree"
เพราะงั้นตรงนี้ โรงแรมต้องตามความต้องการของลูกค้าให้ทันด้วยน้าาา
พูดถึงแต่ลูกค้าๆ มาเยอะแล้ว งั้นมาที่มุมมองสุดท้ายคือ ตัวโรงแรม กับ พนักงานโรงแรม
เป็นอย่างไรบ้างนะ ?
สิ่งที่โรงแรมมอบให้พนักงาน
- โดยส่วนใหญ่แล้ว โรงแรมให้ความร่วมมือดีมากในการอบรมพนักงาน รวมถึงเรื่องของ Social Distance
- และมีการจำกัดพนักงานในการเข้ามายังโรงแรม
แต่เราขอเดาว่า สิ่งที่เพื่อนๆคิดคือ แล้วพนักงานโรงแรมยังคงมีงานทำกันเหรอ ?
แอบเศร้า T^T
- เป็นที่ชัดเจนว่า 76-100% ถูกสั่งพักงาน (แต่ไม่ได้ให้เงินเดือน) หรืออย่างโชคดีคือ ถูกลกวันทำงาน
- อันนี้คือทั้งโลกเลยนะเพื่อนๆ เพราะฉะนั้นเราอยากให้กำลังใจเพื่อนๆคนโรงแรมที่กำลังตกงาน หรือโดนพักงานและตัดเงินเดือนอยู่ว่า "อย่าพึ่งท้อนะ ! เพื่อนๆไม่ได้เดี่ยวดายบนโลกนี้แน่นอน" และหวังว่าทุกอย่างคงกลับมาดีขึ้น :)
อยากให้เพื่อนๆมีกำลังใจขึ้นมาบ้างนะ
- อย่างน้อยที่สุด ความคิดเห็นของเหล่าผู้ประกอบการโรงแรม เกือบ 64% ได้ให้ความสำคัญกับ Retain program ที่จะออกมา support พนักงาน
จบแล้วจ้าาา นี่เป็นเนื้อหาราวๆ 80% (เพราะอีก 20% จะลงลึกเกี่ยวกับเรื่องของ Cancellation policies ซึ่งเราคิดว่าเพื่อนๆอาจจะปวดหัวได้ถ้าอ่าน แต่ถ้าอยากอ่าน เดี๋ยวเรามาเขียนเพิ่มให้ในคอมเม้นได้นะ)
ณ เวลานี้ที่เราเขียนอยู่ก็ได้เห็นข่าวเรื่องของการพบการติดเชื้อ 1 คน ในประเทศไทย โดยที่คนนั้นได้ผ่าน sq 14 วันแล้ว
ก็หวังอย่างที่สุดว่า คงไม่มีการระบาดรอบที่ 2 อีก ไม่ยั่งงั้นละก็ ผู้ประกอบการโรงแรม รวมถึง พนักงานมีหวัง...... T^T
ถึงแม้ว่าตัวผู้เขียนไม่ได้ทำงานอยู่ใน Tourism & Hotel แต่ก็ขอเป็นกำลังใจเล็กๆให้เพื่อนๆพี่ๆน้า ^^

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา