อยากเปิดร้านชาไข่มุก-ร้านกาแฟในกัมพูชาแข่งกับแบรนด์ดังต้องเตรียมตัวอย่างไร
ตลาดกัมพูชาถือเป็นตลาดกาแฟที่น่าสนใจและมีแนวโน้มมูลค่าขยายตัวต่อเนื่อง เพื่อรองรับความต้องการสินค้าของชนชั้นกลางและคนรุ่นใหม่ที่เพิ่ม จนเป็นที่หมายปองของแบรนด์กาแฟทั่วโลก ไม่วาจะเป็น"สตาร์บัคส์" กาแฟสัญชาติอเมริกัน ที่ทยอยเปิดสาขาที่กรุงพนมเปญ รวมถึงแบรนด์ดังๆของไทยไม่ต่ำกว่า 10 แบรนด์ ทั้ง อเมซอน, แบลคแคนยอน,ทรูคอฟฟี่,อินทนิน, ดอยช้าง, ดอยหล่อ และชาวดอย เป็นต้น หรือแม้แต่กาแฟท้องถิ่นของกัมพูชาเอง อย่าง”Brown Coffee” และกาแฟน้องใหม่ในตลาดกัมพูชาอย่างแบรนด์ Arabica จากญี่ปุ่น ที่เพิ่งเข้ามาเปิดสาขา
แน่นอนว่าแบรนด์ไทยอย่างอเมซอนยังคงครองส่วนแบ่งตลาดกาแฟในกัมพูชาเป็นอันดับ 1 โดยมีส่วนแบ่งตลาด 45% จากร้านกาแฟทั้งหมดในกัมพูชากว่า 140 สาขา ซึ่งบางสาขาก็ตั้งร้านประชันหน้ากับสตาร์บัคส์ ในย่านศูนย์การค้าหรูๆ โดยไม่กลัวศักดิ์ศรีเพราะมีข้อได้เปรียบคือราคาถูกกว่ากันตั้งเยอะแถมยังถูกคอผู้บริโภคอีกต่างหาก
ส่วนชานมไข่มุก มีแบรนด์ชื่อดัง เช่น Tiger Sugar, The Alley, Dakasi, KOI, The Xing Fu Tang และ Chatime เป็นต้น และแบรนด์ของไทย เช่น Fire Tiger, Crown, ชาตรามือ, Kamu, Moma’s bubble tea, Rin Rin Bubble Milk Tea และ Nobicha เป็นต้น
นอกจากจะมีชนชั้นกลางและนักศึกษาที่กินกาแฟหรูๆในกัมพูชากันมาแล้วส่วนหนึ่งก็จะมีนักท่องเที่ยวและนักลงทุนหลากหลายประเทศที่เข้ามาลงทุนในกัมพูชาซึ่งก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ระบาดไวรัสโควิด-19 เศรษฐกิจก็ค่อนข้างคึกคัก โดยในปี 62 หน่วยงานด้านการส่งเสริมการลงทุนของกัมพูชาอนุมัติโครงการลงทุนรวม 197 โครงการ เงินลงทุน 9,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตีเป็นเงินไทยก็เฉียด3แสนล้านบาท พบว่าจีนเป็นนักลงทุนอันดับ 1 ของกัมพูชา 3,718 ล้านดอลลาร์สหรัฐ รองลงมาเป็น เป็นหมู่เกาะบริติชเวอร์จิน (BVI) 463 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ญี่ปุ่น 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนไทยเป็นอันดับ 4 ลงทุน 73 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามด้วยเวียดนาม 66 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และสิงคโปร์ 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในอุตสาหกรรมเสื้อผ้าสำเร็จรูป รองลงมาก็เป็นอุตสาหกรรมกระเป๋า, รองเท้า เป็นต้น ก่อนหน้านี้ก็จะเป็นกลุ่มโรงแรมและบริการท่องเที่ยว เพื่อรองรับการเข้ามาท่องเที่ยวของต่างชาติโดยเฉพาะเมืองเสียมราฐ ที่มีแหล่งท่องเที่ยวระดับโลกอย่างปราสาทนครวัด และเมืองนครธม โดยผลจากการเข้ามาลงทุนทำให้เกิดมหาเศรษฐีหรือคนรวยจากการขายที่ดินจำนวนมากทั้งที่เป็นเจ้าของที่ดินเองและนายหน้าค้าที่ดิน
ส่วนเจ้าของกาแฟหรือชานมไข่มุกไทยที่สนใจจะไปลงทุนหรือขยายสาขาในประเทศกัมพูชานั้น “จิรวุฒิ สุวรรณอาจ” ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงพนมเปญ กัมพูชา แนะนำว่าปัจจุบันกัมพูชามีร้านกาแฟและชานม เปิดให้บริการกว่า 300 ร้าน ในกรุงพนมเปญ และประมาณ 500 ร้านทั่วประเทศ หากผู้ประกอบการไทยที่สนใจเข้าไปลงทุนกิจการร้านกาแฟ ร้านชานม ในกัมพูชา จะต้องศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจที่จะลงทุนก่อน หรือสอบถามหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ หรือสอบถามมายังสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศก็ได้ และควรจะเดินทางไปสำรวจตลาด พบปะหน่วยงาน บริษัท หรือบุคคลที่เกี่ยวข้อง เพื่อสอบถามข้อมูลและหาโอกาสทำธุรกิจและทำการประเมิน วางแผนการทำธุรกิจว่าจะเริ่มต้นอย่างไร เพื่อให้ร้านของตนเองมีเอกลักษณ์หรือแตกต่างจากคู่แข่ง
สำหรับรูปแบบการทำธุรกิจ สามารถทำได้ใน 3 ลักษณะ คือ ดำเนินกิจการเองทั้ง 100% ซึ่งเหมาะสำหรับร้านที่มีชื่อเสียงอยู่แล้ว ร่วมลงทุนกับนักลงทุนท้องถิ่น หากได้คู่สัญญาที่มีศักยภาพจะช่วยเติมเต็มการทำธุรกิจ แต่ต้องทำสัญญาให้ละเอียดชัดเจนและรัดกุม และขายแฟรนไชส์ให้กับนักลงทุนท้องถิ่น ซึ่งช่วยประหยัดต้นทุนและเวลา และต้องเข้าไปช่วยในการทำตลาด คิดโปรโมชั่น แต่ต้องระวังในเรื่องผู้ซื้อแฟรนไชส์ไม่สามารถทำตามเงื่อนไข ก็อาจทำให้แบรนด์เสียหายได้
นอกจากนี้ ควรคำนึงถึงสถานที่ตั้งของร้านว่าจะตั้งในที่ใด โดยมี 2 ทางเลือก คือ ตั้งในห้างสรรพสินค้า มีข้อดีคือ มีสิ่งอำนวยความสะดวก มีคนสัญจรไปมา แต่ค่าเช่า ค่าส่วนกลางค่อนข้างสูง และตั้งร้านแบบนอกห้างสรรพสินค้า (Stand Alone) มีอิสระในการดำเนินกิจการ แต่ต้องใช้เงินลงทุนสูง และต้องศึกษาศักยภาพของพื้นที่ด้วยตนเอง
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
