19 ส.ค. 2020 เวลา 01:50 • การตลาด
Book Review : คิดอย่างไรให้รวย
ผู้เขียน : KJ millionaire
สำนักพิมพ์ : ยิปซี
หน้าปกหนังสือเป็นรูปเจ้าพ่อ Facebook นายมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก พาให้ผมเข้าใจเมื่อแรกเห็นว่านี่คงเป็นหนังสือชีวประวัติหรือเทคนิคของนายคนนี้อีกแล้วสินะ ผมจึงลองเปิดอ่านดูสองสามหน้าพบว่า ไม่ใช่ครับ และพออ่านจบ เรื่องของนายมาร์ก มีเพียง 20% ของหนังสือเท่านั้น โดยผู้เขียน ได้ถ่ายทอดการทำตลาดด้วยเครื่องมือที่มาร์ก สร้างขึ้นคือ Facebook ซึ่งในช่วงแรกได้อธิบายถึง Passion ของเขาที่จะแก้ปัญหาบางอย่างให้กับผู้คน ซึ่งตอนนี้มันมีผลกระทบไปทั้งโลกและเขายืนอยู่จุดสูงสุดของสนารบแห่งนี้
----
ยิ่งเยอะยิ่งดีเป็นความคิดที่ผิดในการเริ่มทำธุรกิจ เช่นกำไรเยอะ มีส่วนแบ่งตลาดเยอะ สินค้าต้องตอบสนองเพื่อคนหมู่มาก อันที่จริงแล้ว เรื่องที่ว่าอาจต้องทำเป็นอันดับท้ายๆ เสียด้วยซ้ำเมื่อเป้าหมายแรกสำเร็จแล้วคือ คุณต้องการจะแก้ปัญหาอะไรให้กับผู้คน โจมตีจากจุดนั้นจุดเดียวก่อนโฟกัสปัญหาเล็กๆ ที่เราต้องการแก้ไขให้ได้ เช่น มาร์กต้องการแก้ปัญหาระบบหนังสือรุ่นที่ยังไม่ออนไลน์และเข้าถึงได้ยากเกินไป วันหนึ่งหลังจากเขาถูกปฏิเสธจากสาวที่เขาออกเดทด้วย และเขาเมานิดหน่อย จึงกลับมาที่ห้องพัก และเริ่มเขียนโปรแกรมแก้แค้นผู้หญิง(อันนี้ผมเสริมเองนะครับ) โดยการ Hack เจาะเข้าระบบทะเบียนนักศึกษาของ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด แล้วเอารูปสาวๆ มาขึ้นเว็บโดย ให้ผู้เข้าเว็บเลือกว่าคนไหนเจ๋งกว่าซ้ายหรือขวา ผลคือไม่กี่ชั่วโมงระบบของ ฮาร์วาร์ด ล่ม เพราะมี คนเข้ามาใช้เยอะเกินกว่าอุปกรณ์จะรับไหว(เพิ่มเติมให้จากหนังThe Social Network) พี่มาร์กของเราโดนทัณฑ์บน
----
มันเกิดขึ้นจากความบังเอิญก็จริงครับแต่หลังจากนั้นมาร์กและทีมของเขาเห็นโอกาสที่จะขยายแนวคิดนี้ให้ใหญ่ขึ้นโดยเขาเริ่มชักชวนคนที่มีความสามารถระดับยอดมนุษย์ X-MEN เข้ามาร่วมทีม โปรแกรมเมอร์ การตลาด คนที่เคยทำงานเป็น CEO ของ Coca-Cola ทำให้ช่วงเริ่มแรกของ Facebook เติบโตเร็วมาก และ มาร์กก็ไม่พูดถึงเรื่องเรียนหนังสืออีกเลย ตลอดทางจนถึงตอนนี้ไม่ใช่จะโรยด้วยกลับกุหลาบเสมอไปมาร์กล้มเหลวมามาก อย่างเรื่องที่เรารู้ๆ กันจากหนังThe Social Network เขาโดนฟ้องจากเพื่อนสนิทเรื่องการขโมยไอเดียร์การสร้าง Facebook และล่าสุด เขาโดยฟ้องเรียกค่าเสียหายจากรัฐบาลและประชาชนผู้ปกป้องสิทธิข้อมูลส่วนบุคคล
----
แต่นั่นเป็นหนึ่งจุดเล็กๆที่จะทำให้ Facebook แข็งแกร่งขึ้น
ตอนนี้เขากำลังจะเปิดตัวโลกเสมือนจริงแล้วด้วยซ้ำไป
----
ประเด็นการถอดบทเรียนของนายมาร์กอยู่แค่ช่วงแรกของเล่มเท่านั้นครับ ต่อจากนี้ก็จะเป็นเรื่องการตลาดบน Facebook ล้วนๆ ซึ่งผู้เขียนเล่าจากมุมมองและประสบการณ์ของตัวเองและเล่าได้สนุกมาก ผมใช้เวลาอ่านเล่มนี้เพียงแค่ 2 วันหลังเลิกงาน ก็สามารถอ่านจนจบเล่มได้ ย่อยได้ง่าย มีตัวอย่างและข้อคิดโดนใจตลอดเล่ม ถึงแม้เป็นหนังสือเก่า 6 ปีแล้ว แต่พอนำมาอ่านในปี 2020 ก็ยังดูทันสมัยอยู่ “การตลาด ไม่มีวันตาย มันแค่เปลี่ยนรูปแบบและช่องทางไปเท่านั้น”
----
การสร้างแบรนด์ต้องมาก่อนการเพิ่มยอดขาย ผู้เขียนเน้นและกล่าวย้ำตลอดเล่ม ว่าเราต้องสร้างแบรนด์ให้ไปอยู่ในใจลูกค้าที่เราคาดหวังให้ได้เสียก่อน เน้นไปที่ปัญหาของเขาและเราจะมีส่วนร่วมเข้าไปช่วยได้อย่างไร ต่อให้มันจะเป็นบริการที่ฟรีก็ต้องทำ ฉะนั้น Facebook จึงเป็นเครื่องมือสำคัญในการส่งต่อคุณค่านั้น บทความที่มีประโยชน์ รูปภาพ หรือข้อคิดที่กินใจ คือการสร้างความสัมพันธ์ที่ดี เกิดความประทับใจ สร้างการจดจำแบรนด์ จากนั้นก็ค่อยขายไปแบบเนียนๆ ห้ามขายตรงๆ ถ้าเป็นเพจที่มีแต่ขายๆๆๆๆ และขาย รับรองว่าเจ๊งในไม่นาน
----
เลิกบอกว่าทุกคนคือลูกค้า เช่นถ้าผมถามว่า
----
ใครคือลูกค้าของข้าวมันไก่
ตอบ ทุกคน
ผิดนะครับ
----
คนที่รักสุขภาพและกำลังลดน้ำหนักเขาไม่ทานข้าวมันไก่นะครับ
แต่กลุ่มที่กินข้าวมันไก่คือ คนที่ไม่ค่อยมีเวลาวัยทำงาน หรือมื้ออาหารที่ต้องการความรวดเร็ว อิ่มท้อง
----
อีกสักหนึ่งตัวอย่าง เคยสงสัยไหมครับว่าทำไมยาสระผมปัจจุบันถึงมีเป็น 100 สูตร ทั้งๆที่เมื่อ 50 ปีที่แล้ว มันมีแค่แบบเดียว
----
ก็เพราะว่าคนที่มีผมทุกคนมีความแตกต่าง แม้แต่คนหัวล้านยังต้องใช้ยาสระผม ข้อนี้ทำให้เห็นความสำคัญของความแตกต่างครับ
----
หาให้เจอว่าลูกค้ามีปัญหาอะไรและมีปัญหาอะไรที่ยังไม่ได้แก้ หรือปัญหาที่เราแก้ไขได้ดีกว่า
----
เมื่อเจอแล้วก็เริ่มสร้างแบรนด์ผ่าน Facebook ได้เลย content ที่ง่ายและมีประโยชน์ ที่สำคัญต้องสั้น ใช้เวลาไม่เกิน 3 วินาที ก็รู้เรื่องว่าจะสื่ออะไร ก็จะดีที่สุดครับ เรียกว่ากลยุทธ์ หยุดนิ้วโป้ง(อันนี้ผมเสริมเอง อีกแล้ว นะครับ) เพราะสื่อหลักคือสมาร์ทโฟน เวลาลูกค้าสไลด์ ไถดู Feed ข้อความแบบไหนจะหยุด นิ้วโป้งไม่ให้สไลด์ต่อได้และกดอ่านสิ่งที่เราต้องการสื่อสาร
----
ในส่วนสุดท้าย ของเล่ม ก็จะยกเคสที่เริ่มทำตลาดบน Facebook จากศูนย์ บางคนใช้เวลาหลายปี บางคนค้นหาตัวเองเจอ บางคนไม่ได้ตั้งใจจะทำกำไรด้วยซ้ำ แต่เมื่อโอกาสมาแบรนด์เกิดขึ้นแล้ว พวกเขาคว้าไว้อย่างไม่ลังเลและไม่หยุดนำเสนอสิ่งที่เป็นประโยชน์ ให้กับผู้คน “ยิ่งเน้นขายก็จะยิ่งขายไม่ได้” นะครับ สำคัญคือต้องมีประโยชน์กับผู้คนก่อน แล้วค่อยขายแบบเนียนๆ ในเล่มยังมีประโยชน์จากเนื้อหาที่เป็นประสบการณ์ตรงจากผู้เขียนอีกมาก สิ่งที่ควรหรือไม่ควรทำบน Facebook ชอบที่สุดคือ อย่าเน้นมากเกินไปให้แก้ปัญหาให้กับลูกค้าก่อน จากนั้นเขาจะจำเราได้และจะอยู่ในใจเขาไปนานเท่าที่เรายังทำมันอยู่
---
ลูกค้าอาจไม่ใช่พระเจ้าเสมอไป ลองคิดว่าพวกเขาเป็นเพื่อนดูครับ เขาก็จะจดจำคุณในฐานะเพื่อนเช่นเดียวกัน...
โฆษณา