21 ส.ค. 2020 เวลา 10:00 • ประวัติศาสตร์
มีชีวิตเป็นเดิมพัน! ย้อนอดีตสุดโหดของการต่อสู้ระหว่างคนกับสัตว์แห่งโคลอสเซียม
WIKIPEDIA PD
ร่วมเป็นผู้สนับสนุนให้เรามีกำลังผลิตงานต่อไปได้ทาง บัญชีกสิกรไทย
0698966939
บริษัท สโป๊คดาร์ค จำกัด
ในโรมโบราณการต่อสู้ในโคลอสเซียมเป็นความบันเทิงอย่างสูงสุดของผู้ชม นอกจากการต่อสู้ระหว่างคนกับคนด้วยกันแล้ว ก็ยังมีการต่อสู้ระหว่างคนกับสัตว์ด้วย นี่คือเรื่องราวอันโหดร้ายที่อยู่เบื้องหลังความบันเทิงนี้
1. ส่วนใหญ่แล้วผู้ที่ทำการต่อสู้กับสัตว์จะเป็นมืออาชีพที่ถูกฝึกมาเป็นอย่างดี แต่อย่างไรก็ตามมีการนำอาชญากรที่ถูกตัดสินโทษประหารหรือนักโทษสงครามให้ต่อสู้กับสัตว์โดยไม่มีอาวุธเครื่องและป้องกันทำให้มีผู้เสียชีวิตมากมาย จนทำให้หลายคนเลือกที่จะฆ่าตัวตายก่อนที่จะต้องลงไปสู้กับสัตว์ด้วยมือเปล่า
2. การนำสัตว์มาต่อสู้กับมนุษย์ในโคลอสเซียมส่งผลให้สัตว์อย่าง สิงโตหรือเสือลดจำนวนลงอย่างรวดเร็วจนทำให้แทบจะสูญพันธุ์ไปจากแอฟริกาเหนือและเขตเมดิเตอร์เรเนียน
WIKIPEDIA PD
3. จักรพรรดิก็อมมอดุสทรงโปรดการห้ำหั่นกันของคนและสัตว์ในสนามเป็นอย่างมากถึงขนาดที่เคยจัดการฆ่าหมีมากกว่าร้อยตัว แต่ไม่มีรายงานว่าพระองค์ใช้วิธีใด อาจจะเป็นการสังหารหมีโดยที่พวกมันถูกล่ามอยู่ก็เป็นได้
4. "Damnatio ad bestias”คือการประหารโดยสัตว์ในสนาม ซึ่งจะแตกต่างกับการที่นักโทษต้องสู้ แต่ Damnatio ad bestias นักโทษจะถูกมัดและตรึงไว้กับที่หรือต้องเปลือยกายต่อสู้โดยมีอาวุธเป็นแค่ไม้
การประหารแบบ Damnatio ad bestias ครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อเอมิลลัส พอลลัส ได้ลงโทษทหารที่หนีทัพด้วยการให้ถูกช้างรุมเหยียบจนถึงแก่ความตาย การประหารลักษณะนี้ได้รับความนิยมจากผู้คนเป็นอย่างมากและกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันในกรุงโรม ทุกเช้าชาวโรมันจะเข้าไปยังโคลอสเซียมเพื่อชมการประหารด้วยสัตว์และหลังจากเที่ยงวันจะเป็นการต่อสู้ของแกลดิเอเตอร์
5. ปกติแล้วการฆ่าสัตว์นั้นจะเกิดขึ้นโดยผู้ที่ทำหน้าที่นี้หรือนักโทษแต่ในบางครั้งคนทั่วไปก็มีโอกาสที่จะได้จัดการกับสัตว์เพื่อความบันเทิงด้วย
จักรพรรดิโพรบัสได้จัดการเปลี่ยนลู่วิ่งในโรมให้กลายเป็นป่าและปล่อยสัตว์หลายร้อยอย่างเช่น แพะ แกะ นกกระจอกเทศและสัตว์ป่าอื่นๆ เข้าไป จากนั้นก็อนุญาตให้คนทั่วไปสามารถเข้าไปล่าสัตว์เหล่านี้และสามารถนำสัตว์ที่ล่าได้กลับบ้านได้ด้วย หลังจากนั้นไม่กี่วันนอกจากสัตว์กินพืชที่ไร้ทางสู้แล้วยังมีสิงโต 400 ตัวและหมีอีก 300 ตัวถูกแทงจนตายเพราะคนยังไม่พอใจแค่เนื้อนกกระจอกเทศที่ได้ไปก่อนหน้านี้
WIKIPEDIA PD
6. ออร์ฟีอัสเป็นนักดนตรีที่ความสามารถระดับตำนานของกรีก ว่ากันว่าเขามีพรสวรรค์ขนาดที่หว่านเสน่ห์ได้เพียงแค่บรรเลงพิณเท่านั้น ชาวโรมันชื่นชอบตำนานนี้เป็นอย่างมากถึงขนาดที่เอานักโทษมาแต่งชุดเป็นออร์ฟีอัสและให้พิณแก่พวกเขาก่อนจะถูกบังคับให้ลงไปในสนามเพื่อต่อสู้กับหมีที่หิวโหยและโกรธเกรี้ยวจากการถูกทุบตี
หรือมีการเล่นดนตรีให้ชายที่ถูกตรึงไว้กับที่ก่อนจะส่งไปให้หมีจัดการปลิดชีวิต แต่ถ้าหากใครสามารถที่จะต่อสู้กับสัตว์โดยใช้พิณจนชนะก็จะถูกปลดปล่อยให้เป็นอิสระไม่ต้องรับโทษอีกต่อไป
7. คาร์โพฟอรัส(Carpophorus) เป็นนักต่อสู้กับสัตว์ที่มีชื่อเสียงที่สุด เขาเคยฆ่าสัตว์ที่โหดร้ายถึง 20 ตัวในวันเดียว แต่นอกจากความสามารถในการต่อสู้กับสัตว์แล้ว เขายังมีชื่อเสียงด้านการฝึกสัตว์อีกด้วย เขาฝึกสัตว์ได้หลายชนิดรวมถึงยีราฟ เขาฝึกให้ยีราฟข่มขืนผู้หญิงโดยการรอให้ยีราฟตัวเมียมีความพร้อมที่จะผสมพันธุ์เพื่อเก็บฉี่และสารคัดหลั่งเพื่อนำไปกระตุ้นตัวผู้
คาร์โพฟอรัสนำสารที่เก็บมาจากยีราฟตัวเมียทายังร่างกายของทาสหญิงหรือหญิงไร้บ้านและล่อลวงพวกเธอไปยังสนามโคลอสเซียมเพื่อเริ่มการโชว์อันโหดร้ายป่าเถื่อนต่อผู้ชม เขาต้องใช้ผู้หญิงหลายคนเพื่อที่จะฝึกยีราฟตัวผู้ให้สำเร็จ
WIKIPEDIA PD
8 .ชาวโรมันนั้นไม่ได้ดูแลสัตว์ที่นำมาต่อสู้ในสนามดีสักเท่าไหร่ หลังจากที่การต่อสู้จบลงสัตว์ส่วนใหญ่จะถูกฆ่าเพื่อลดค่าใช้จ่ายในการดูแลและค่าอาหารลง การใช้สัตว์ตัวใหม่นั้นมีต้นทุนที่ต่ำกว่าการดูแลสัตว์ไปนานๆ
ซิเซโร นักปรัชญาชาวกรีกได้บันทึกไว้ว่า สิงโตตัวหนึ่งฆ่าผู้คนไปราว 200 คนก่อนจะถูกกำจัด และช้าง 18 เชือกได้ไล่เหยียบคนเพื่อที่จะหนีออกจากสนาม โดยช้างพวกนี้ควรจะต้องถูกกำจัดด้วยการรุมเป่าลูกดอกแต่พวกมันไล่พังรั้วและไล่วิ่งเหยียบผู้คน ซึ่งหลังเหตุการณ์นี้ทางโรมันต้องทำรั้วร่องลึกขนาดใหญ่เพื่อกั้นระหว่างสนามและผู้ชม
ร่วมเป็นผู้สนับสนุนให้เรามีกำลังผลิตงานต่อไปได้ทาง บัญชีกสิกรไทย
0698966939
บริษัท สโป๊คดาร์ค จำกัด
WIKIPEDIA PD

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา