19 ส.ค. 2020 เวลา 10:02 • ประวัติศาสตร์
“แผ่นดินไหวครั้งใหญ่แห่งลิสบอน (The Great Lisbon Earthquake)” แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่นำพายุโรปเข้าสู่ยุคสมัยใหม่
“แผ่นดินไหวครั้งใหญ่แห่งลิสบอน (The Great Lisbon Earthquake)” เป็นเหตุการณ์สำคัญครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ยุโรป
ในช่วงกลางศตวรรษที่ 18 ลิสบอน ซึ่งเป็นเมืองหลวงของโปรตุเกส เป็นเมืองที่หรูหรา รุ่งเรือง
แต่ในขณะเดียวกัน ก็มีปัญหาการเมืองภายในและปัญหาอื่นๆ อีกมาก
แต่ดูเหมือนเหตุการณ์แผ่นดินไหวนี้จะเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้ลิสบอนเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง และเป็นเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งที่ร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์
ในปีค.ศ.1755 (พ.ศ.2298) ลิสบอนเป็นเมืองที่เจริญรุ่งเรือง ร่ำรวยจากการค้าเครื่องเทศ ทองคำ และทาส
เมืองนี้มีประชากรเกือบ 250,000 คน และมีตึกที่หรูหราและทรัพย์สมบัติจำนวนมาก
ในแต่ละวัน จะมีเรือสำเภาผ่านเข้าออกท่าเรือลิสบอนเป็นจำนวนมาก โดยเรือเหล่านี้เป็นเรือสินค้าที่นำสินค้ามาขาย
ผู้ปกครองโปรตุเกสในเวลานั้นคือ “พระเจ้าโจเซฟที่ 1 (Joseph I of Portugal)” และมีผู้บริหารประเทศคือนายกรัฐมนตรี “ Sebastião José de Carvalho e Melo, the Marquis de Pombal”
พระเจ้าโจเซฟที่ 1 (Joseph I of Portugal)
Sebastião José de Carvalho e Melo, the Marquis de Pombal
ทั้งพระเจ้าโจเซฟที่ 1 และ Pombal นั้นเป็นผู้ที่มีหัวก้าวหน้า ต้องการเห็นความเปลี่ยนแปลง แต่ก็ทำได้ยาก เนื่องจากเหล่าขุนนางหัวโบราณต่างก็ยังยึดติดกับอำนาจ ไม่ต้องการเห็นความเปลี่ยนแปลง เนื่องจากจะกระทบกับอำนาจของตน (คุ้นๆ จังครับ)
ต่อมา วันที่ 1 พฤศจิกายน ค.ศ.1755 (พ.ศ.2298) ขณะที่ชาวเมืองลิสบอนกำลังฉลองเทศกาลประจำเมือง อยู่ๆ ก็เกิดแผ่นดินไหวที่รุนแรง เป็นเวลากว่าหกนาทีที่แผ่นดินไหวได้ทำลายเมืองลิสบอนราบคาบ
ชาวเมืองต่างวิ่งไปยังชายหาดเพื่อหวังเอาชีวิตรอด แต่ในเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง ก็ได้เกิดคลื่นสึนามิพัดเข้าฝั่ง ทำลายทุกอย่างที่ขวางหน้า
ความรุนแรงของแผ่นดินไหว ทำให้เทียนที่จุดในงานเทศกาลเกิดติดไฟและลุกลามไปอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดความเสียหายหนักยิ่งขึ้น
เมื่อแผ่นดินไหวครั้งนี้จบลง ปรากฎว่ามีผู้เสียชีวิตระหว่าง 10,000-100,000 คน
ไม่เพียงแต่ลิสบอนเท่านั้น หากแต่เมืองต่างๆ ใกล้เคียงก็ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหว
Pombal สั่งให้ฝังศพคนตายและเยียวยาผู้รอดชีวิต ในขณะที่พระเจ้าโจเซฟที่ 1 ทรงปลอดภัยดี เนื่องจากวันนั้นพระองค์ประทับอยู่ในชนบท
Pombal สั่งให้นำศพผู้เสียชีวิตไปลอยยังแม่น้ำ ซึ่งทำให้คริสตจักรคาทอลิกไม่พอใจ เนื่องจากไม่ได้ทำพิธีทางศาสนา แต่การแก้ปัญหาของ Pombal ก็ช่วยป้องกันไม่ให้เกิดโรคระบาด
พระเจ้าโจเซฟที่ 1 ก็ทรงมีรับสั่งให้ทำลายเมืองและสร้างตึกใหม่ๆ เข้ามาแทนที่
แผ่นดินไหวครั้งนี้ นอกจากความเสียหายที่เกิดขึ้นแล้ว ยังส่งผลต่อความเชื่อและความเปลี่ยนแปลงทางสังคมอีกหลายประการ
เดิมที ชาวคาทอลิกที่เคร่งครัดจะเชื่อมั่นในกฎแห่งกรรมมาก แต่เหตุการณ์นี้ได้ทำให้ชาวบ้านที่บริสุทธิ์ต้องล้มตายเป็นจำนวนมาก เหมือนว่าพระเจ้ากลั่นแกล้ง ทำให้เริ่มมีการยอมรับว่าคริสตจักรไม่ใช่ว่าจะเข้าใจเรื่องราวของจักรวาลและธรรมชาติ หากแต่เป็น “วิทยาศาสตร์” ต่างหากที่ควรมุ่งศึกษา
นอกจากจะได้รับความเสียหายทางด้านชีวิตและทรัพย์สินแล้ว แผ่นดินไหวครั้งนี้ยังทำให้เศรษฐกิจของโปรตุเกสติดลบหนัก มีการประเมินว่าความเสียหายนั้น หากตีเป็นเงินจะสูงกว่าจีดีพีโปรตุเกสในเวลานั้นถึง 178%
แต่แผ่นดินไหวนี้ก็เป็นโอกาสดีในการปฏิรูปโปรตุเกส ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสังคม การเมือง ประชาชน
นอกจากนั้น ยังมีการเก็บข้อมูลความเสียหายจากแผ่นดินไหวในดินแดนอื่นๆ โดยเชื่อกันว่า แผ่นดินไหวครั้งนี้ ทำให้เกิดการศึกษาเรื่องแผ่นดินไหว มองในแง่ของวิทยาศาสตร์ ไม่งมงายดังเช่นอดีต
ถึงแม้เหตุการณ์นี้จะเกิดความสูญเสียมหาศาล แต่ก็นับเป็นเหตุการณ์ที่นำพาไปสู่ความเปลี่ยนแปลง
โฆษณา