พระฝรั่ง...ที่คนไทยศรัทธา ด้วยปัญญาญาณ
พระเทพพัชรญาณมุนี เกิดวันที่ 7 มกราคม 2501 เกาะไอล์ออฟไวต์ ประเทศอังกฤษ เมื่อยังเล็กท่านมีสุขภาพไม่ดี มีอาการหอบหืด แม้จะต้องหยุดโรงเรียนบ่อย แต่ก็ได้ใช้เวลาในการศึกษาด้วยตนเองครับ
ด้วยความเป็นคนที่ช่างคิด ช่างค้นคว้าจึงมีผลการเรียนที่ดีเยี่ยมจนบิดามีความหวังให้เข้าสอบชิงทุนเพื่อเรียนต่อในมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงในประเทศอังกฤษ แต่สิ่งที่สนใจจริงแล้วก็คืออะไรคือสิ่งสูงสุดที่เราจะได้จากการเป็นมนุษย์ครับ
อะไรคือความจริงสากลที่ไม่ขึ้นอยู่กับสมมุติของแต่ละสังคม ทำไมคนเราอยากจะอยู่อย่างเป็นมิตรแต่กลับรบราฆ่าฟันกันอยู่เรื่อยไปครับ
พระโพธิญาณเถระ หรือหลวงพ่อชา สุภทฺโท อดีตสมภารวัดหนองป่าพง จ.อุบลราชธานี นับได้ว่าเป็นพระมหาเถระในฝ่ายมหานิกายที่สามารถต่อหน่อเนื้อแห่งสังฆะได้มีคุณภาพครับ
ไม่ใช่สักแต่ว่าบวชๆ ให้ไปแบบอุปัชฌาย์เป็ด คือ เช้าบวชวัด บ่ายบวชอีกวัด แต่ไม่เคยได้ให้การอบรมอะไรต่อผู้ที่เข้ามาบวชครับ
พระฝรั่งจำนวนมากที่มาอยู่ศึกษาพระธรรมวินัยกับหลวงพ่อ ต่างต้องผ่านการอบรมจากคณะสงฆ์ของหลวงพ่อชาก่อน เมื่อเห็นว่าสมควรให้บวช ท่านก็จะทวงถามกับคณะสงฆ์ว่าสมควรบวชให้ได้หรือไม่ เมื่อคณะสงฆ์ไม่ปฏิเสธหลวงพ่อก็บวชให้ครับ
ใครเคยไปวัดป่านานาชาติจะเห็นพระฝรั่งมากมาย ทั้งพรรษามาก พรรษาน้อย ต่างก็ผ่านการอบรมด้วยดีมาแล้วทั้งสิ้น บางรูปฉันจังหัน (อาหารอาสนะเดียว มื้อเดียวหนเดียว) กับพริกกล้วยและส้มตำ แบบไม่มีสิทธิเลือก ฉันตามมีตามเกิดครับ
สมัยผมอยู่ดงขมิ้น เคยไปอยู่วัดหนองป่าพง ไปเพื่อให้รู้ที่นี่เขาสอนอะไร ก็ได้รับการต้อนรับแบบเสมอภาคกับอาคันตุกะรูปอื่นๆ เป็นผู้มาใหม่แม้พรรษามากกว่าก็ไล่ให้ไปนั่งหลังพระบวชใหม่ครับ
แรกๆ ก็คิดค้านว่าไม่นั่งเรียงตามพรรษาเหมือนว่าจะขัดกับพระธรรมวินัย แต่เมื่อทราบถึงกุศลเจตนาแล้วก็สาธุ เพราะต้องการให้หลอมละลายอัตตาของเราครับ
การอยู่ที่วัดหนองป่าพง ไม่ว่ายุคสมัยใดพระอาคันตุกะอยู่ได้เพียงแค่ 7 วัน แม้จะมีจดหมายแนบจากพระราชาคณะมหาเถระฝากมาก็ตาม ครบวันที่ 7 ผมต้องออกพ้นนอกวัดไปจำวัดอื่น 1 คืน จึงกลับเข้ามาใหม่ได้ ราวกับออกไปต่อวีซ่าฉันนั้นแลครับ
หมู่คณะของวัดหนองป่าพง บอกได้คำเดียวว่าเป็นสถานที่ฝึกจิตฝึกใจและฝึกตนที่ดีของพระสงฆ์ในสายกรรมฐานเป็นอย่างมาก การส่งเสียงคุยกันนั้นเกือบจะไม่มีให้ได้ยิน ยามบ่ายใครเผลอจำวัดไม่ภาวนาจะเป็นเป้าหมายที่ต้องพิจารณาตัวเองครับ
วันหนึ่งพระฝรั่งที่นามว่า ชยสาโร มาที่วัดหนองป่าพง ผมได้พบท่านและได้สนทนาธรรมกัน บอกเลยชื่นชอบเพราะท่านเป็นพระที่ไม่มีทิฐิมานะถือตัวแต่ประการใดครับ
นามเดิมของท่าน ฌอน ชิเวอร์ตัน เป็นชาวอังกฤษ เมื่อบวชพระแล้วได้รับฉายาจากพระโพธิญาณเถระ (หลวงพ่อชา) ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์ว่า...
ชยสาโร ท่านอยู่ในร่มกาสาวพัสตร์มากว่า 36 ปีแล้ว ปัจจุบันพำนักอยู่ที่สถานพำนักสงฆ์บ้านไร่ทอสี ที่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมาครับ
แม้ว่าท่านจะได้ปฏิบัติมาบ้างเมื่ออยู่กับพระอาจารย์สุเมโธมาแล้วก็ตาม แต่หลวงพ่อชาก็ยังไม่บวชให้ ท่านรับการฝึกฝนเคี่ยวเข็ญด้วยอุบายต่างๆ จากหลวงพ่อชาครับ
ท่านเล่าให้ฟังว่า เมื่อหลวงพ่อชาถามว่า อยากบวชไหม หากบอกว่า อยาก ท่านก็จะตอบว่า ยังไม่ให้บวช จนกว่าจะตอบว่า "แล้วแต่หลวงพ่อ" ครับ
ท่านจึงได้บวช เมื่อ พ.ศ. 2523 โดยอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ที่วัดหนองป่าพง โดยมีพระโพธิญาณเถร (ชา สุภทฺโท) เป็นพระอุปัชฌาย์ให้ครับ
ก่อนเดินทางมาประเทศไทย ท่านได้ตั้งใจว่าจะอยู่ที่วัดหนองป่าพง ให้ครบ 5 ปี โดยไม่มีเงื่อนไขเพื่อศึกษาปฏิบัติธรรม เมื่อมาพบหลวงพ่อชา ก็เกิดความเลื่อมใสศรัทธาในปฏิปทาและความเป็นครูที่มีทั้งเมตตา และปัญญาในการสอนอย่างลึกซึ้งครับ
จึงสามารถทนต่อความยากลำบากในการปรับตัวให้เข้ากับการใช้ชีวิตแบบพระวัดป่า ที่เข้มงวดในวินัย และการฝึกปฏิบัติตามรอยพระพุทธเจ้า และการอยู่ร่วมกับคณะสงฆ์ชาวไทยจนเกิดความก้าวหน้าและเบิกบานในธรรมครับ
แนวการสอนของหลวงพ่อชาเน้นการปฏิบัติการรักษาศีล และข้อวัตรปฏิบัติ ความอดทน ความเพียร การใคร่ครวญหลักธรรม และน้อมมาสู่ใจให้เฝ้าสังเกตจนรู้ทันอารมณ์ของตนเองครับ
และสามารถใช้สติปัญญาในการสร้างประโยชน์ตน และประโยชน์ผู้อื่นพร้อมกันไป ทำให้ท่านผูกพันกับหลวงพ่อชามากครับ
เหตุที่เลือกยึดหลักเถรวาท เพราะท่านมีความตั้งใจ ต้องการจะทุ่มเทกาย ถวายชีวิตให้กับพระพุทธศาสนา เพื่อบรรลุมรรคผลนิพพานครับ
และที่ชอบฝ่ายเถรวาท เพราะถูกจริต ตรงไปตรงมา ไม่มีพิธีรีตองมากมายเข้ามาเกี่ยวข้องครับ
แต่เข้ามาเกี่ยวกับกาย กับใจ กับทุกข์ การที่จะอยู่กับป่ากับ ธรรมชาติ อย่างที่สาวกพระพุทธเจ้าเคยปฏิบัติในสมัยพุทธกาลครับ
ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามเรามาโดยตลอดครับ