19 ส.ค. 2020 เวลา 11:51 • หุ้น & เศรษฐกิจ
ฝันอยากเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ...ไทยต้องเร่งสร้างนักวิจัยรุ่นใหม่รับมือการค้าที่รุนแรง
ปัจจุบันประเทศต่างๆทั่วโลกต่างให้ความสำคัญในการส่งเสริมการวิจัยและ พัฒนาในแง่มุมต่างๆ เพื่อจุดประกายในการร่วมกันขับเคลื่อนโครงสร้างเศรษฐกิจให้มีศักยภาพแบบยั่งยืนทั้งการใช้ความคิดสร้างสรรค์ ปัญญา การศึกษา การค้น ความรู้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม ผ่านงานวิจัย เพื่อรองรับการแข่งขันการค้าโลกที่มีความรุนแรง หากประเทศใดมีนักวิจัยเยอะๆ มีการสนับสนุนกันอย่างจริงจังเชื่อว่าประเทศนั้นก็จะเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจต่อไปในอนาคต
สำหรับในส่วนของไทยนั้นแม้ว่ารัฐบาลและหน่วยงานต่างๆกันอย่างหนักและดีขึ้นมากเมื่อเทียบกับอดีต แต่ก็ยังไม่ได้อยู่ในระดับท็อปเทนของโลก เห็นได้จากการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศต่าง ๆ ใน 141 ประเทศทั่วโลก (The Global Competitiveness Report) พบว่า ระดับความสามารถในการแข่งขันโดยรวมของประเทศไทยอยู่อันดับที่ 40 และความสามารถด้านนวัตกรรมอยู่อันดับที่ 50 โดยการวิจัยและพัฒนา (Research & Development) อยู่อันดับที่ 56 และมีงบประมาณเพื่อการวิจัยและพัฒนา (R&D expenditures) อยู่อันดับที่ 54
อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาถึงงานวิจัยที่มีคุณภาพดีเด่น ทางด้านวิทยาศาสตร์ จากการจัดอันดับของ nature index ranking พบว่า ขีดความสามารถทางด้านวิทยาศาสตร์ของประเทศไทย อยู่ในอันดับที่ 41 ของโลก จาก 172 ประเทศ และเป็นอันดับที่ 9 ในกลุ่มเอเชีย แฟซิซิก จาก 30 ประเทศ และเมื่อพิจารณา ในกลุ่มอาเซียน 10 ประเทศ อันดับ 1 คือประเทศสิงคโปร์ ส่วนประเทศไทยเป็นอันดับที่ 2 ตามด้วยประเทศ เวียดนาม มาเลเซีย และ อินโดนีเซีย ขณะที่ผลงานวิจัยที่มีคุณภาพดีเด่นทางด้านวิทยาศาสตร์ของประเทศไทยพบว่ามีเพียง 7.7% เท่านั้น เมื่อเทียบกับประเทศสิงคโปร์
ดังนั้น เพื่อเป็นการยกระดับประเทศไทยให้ก้าวไปสู่การพัฒนาแบบก้าวกระโดด เช่นเดียวกับประเทศชั้นนำในเอเชีย ไม่ว่าจะเป็น ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ หรือสิงคโปร์นั้น ไทยจำเป็นต้องอาศัยปัจจัยด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น การส่งเสริมความเป็นเลิศในสาขาวิจัยที่สร้างศักยภาพให้กับประเทศ การเชื่อมโยงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม การสนับสนุนนักวิจัยและผู้นำกลุ่มนักวิจัยชั้นแนวหน้า และการสนับสนุนให้เกิดการลงทุนด้านการวิจัย เพื่อเร่งสร้างนักวิทยาศาสตร์ นักวิจัยฯลฯ ที่มีคุณภาพ ให้เพียงพอต่อความต้องการ และให้ทันต่อการพัฒนาประเทศชาติให้มีความเข้มแข็งและยั่งยืนอย่างแท้จริง
ศ.ดร.จำรัส ลิ้มตระกูล ประธานคณะกรรมการรางวัลนักวิทยาศาสตร์ดีเด่น กล่าวว่า การพัฒนาและขับเคลื่อนการปฏิรูปเศรษฐกิจของประเทศไทย จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องอาศัยนักวิจัยเพื่อคิดค้นองค์ความรู้ สร้างสรรค์เทคโนโลยีที่มีศักยภาพเพื่อต่อยอดไปสู่การสร้างนวัตกรรมใหม่ พร้อมเปลี่ยนจากประเทศผู้ซื้อเทคโนโลยีมาเป็นผู้สร้างสรรค์เทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อตอบสนองความต้องการของประเทศ และสอดคล้องกับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในปัจจุบันในด้านต่างๆ เพื่อรองรับอุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศ โดยเฉพาะโครงการเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EECi) ซึ่งจะนำมาสู่การพัฒนาและขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทยให้ก้าวสู่การเปลี่ยนแปลงภายใต้โมเดล “ประเทศไทย 4.0” ของรัฐบาล
ศ.ดร.จำรัส ยังกล่าวอีกว่า ในปีนี้ทางมูลนิธิส่งเสริมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้เปิดตัวนักวิทยาศาสตร์ดีเด่นและนักวิทยาศาสตร์รุ่นใหม่ประจำปี 2563 ซึ่งจัดขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 38 โดยผู้ได้รับรางวัลนักวิทยาศาสตร์ดีเด่น ได้รับพระราชทานรางวัลจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และเงินรางวัล 400,000 บาท ประกอบด้วย
1.ดร.วรรณพ วิเศษสงวน ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ผลงานวิจัย “ผู้สร้างสรรค์ต่อยอดภูมิปัญญาอาหารหมักไทย ด้วยวิทยาศาสตร์ทางอาหารและเทคโนโลยีชีวภาพ ร่วมกับพันธมิตรสร้างทางเลือกในการแก้ไขปัญหาในการผลิตและแปรรูป ยกระดับคุณภาพและมาตรฐานสร้างอุตสาหกรรมอาหารใหม่มูลค่าเพิ่มด้วยนวัตกรรม” โดยคิดค้นองค์ความรู้และพัฒนาระเบียบวิธีใหม่ทางเทคโนโลยีชีวภาพในกระบวนการผลิตอาหาร โดยใช้เซลล์จุลินทรีย์ และเอนไซม์หรือสิ่งที่จุลินทรีย์สร้างขึ้น เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่สำหรับแก้ไขปัญหาในกระบวนผลิตและแปรรูป
2. ศ.ดร.สุทธิชัย อัสสะบำรุงรัตน์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผลงานวิจัย "เครื่องปฏิกรณ์แบบหลายหน้าที่ (Multifunctional reactor) และการรวมกระบวนการ (Process intensification) สำหรับอุตสาหกรรมเคมี ปิโตรเคมี และไบโอรีไฟเนอรี" โดยการศึกษาครอบคลุมตั้งแต่งานวิจัยพื้นฐานและงานวิจัยประยุกต์
เช่น การเลือกปฏิกิริยา การพัฒนาสูตรตัวเร่งปฏิกิริยา การออกแบบตัวเร่งปฏิกิริยา ตลอดจนการออกแบบกระบวนการผลิต
ที่ยั่งยืน ส่งผลให้เพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลของกระบวนการผลิต มีความปลอดภัย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมยิ่งขึ้น
ส่วนรางวัลนักวิทยาศาสตร์รุ่นใหม่ ประจำปี 2563 ได้รับพระราชทานรางวัลจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และเงินรางวัล 100,000 บาท ได้แก่
1. ดร.พิชญ พัฒนสัตยวงศ์ สำนักวิชาวิทยาการโมเลกุล สถาบันวิทยสิริเมธี (VISTEC) ผลงานวิจัย “วัสดุไฮบริดเพื่ออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ยุคใหม่”
2. รศ.ดร.ทวีธรรม ลิมปานุภาพ หัวหน้าสาขาวิชาเคมี วิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยมหิดล ผลงานวิจัย
“การใช้แบบจำลองคอมพิวเตอร์เพื่อศึกษาปฏิกิริยาเคมีและการพัฒนาสื่อการสอนวิทยาศาสตร์”
โฆษณา