คุณจะพบว่าประเทศอินเดียใช้ขิงในการทำเครื่องเทศประกอบอาหารมากมาย ซึ่งเป็นอาหารประเภทแกงเสียส่วนใหญ่ นอกจากนี้ขิงยังถูกนำมาผลิตเป็นลูกกวาด ขายให้กับผู้โดยสารรถประจำทางที่จอดตามป้ายรถประจำทางต่างๆและในร้านขายน้ำชาด้วย และในประเทศพม่านั้นขิงถูกนำมาใช้ในการทำอาหารประเภทน้ำสลัด และเป็นส่วนผสมของยา
ในประเทศอินโดนีเซียขิงถูกนำมาทำเป็นเครื่องดื่ม
ในประเทศจีนขิงถูกนำมาเป็นส่วนประกอบของอาหารประเภทปลาเพื่อเพิ่มความหอมอร่อยและมีคุณค่าทางอาหารมากขึ้น ในประเทศญี่ปุ่นขิงถูกทำเป็นเครื่องดื่มและใช้รับประทานคู่กับเต้าหู้และบะหมี่ และที่เด่นที่สุดน่าเป็นประเทศเกาหลีที่นำขิงมาทำกิมจิซึ่งเป็นอาหารหมักดองขึ้นชื่อของประเทศที่รู้จักไปทั่วภูมิภาคสำหรับในครัวชาวตะวันตกขิงถูกนำมาใช้ในการประกอบอาหารและขนมต่างๆ มากมายเช่นเดียวกันไม่ว่าจะเป็นขนมปังขิง เค้กขิง ไวท์ขิง และขิงยังถูกใช้เป็นเครื่องเทศที่เติมลงไปในกาแฟและชาอีกด้วย
เอาล่ะตอนนี้คุณรู้แล้วว่าขิงไม่ได้มีแต่ประเทศไทยเท่านั้น แต่มันมีอยู่ในทุกประเทศทุกภูมิภาคและส่วนใหญ่แล้วมันถูกนำมาประกอบอาหารเพื่อสุขภาพ สารอาหารที่มีอยู่ในขิงมีอะไรบ้างมาดูกันเลย
💚คาร์โบไฮเดรต
💚น้ำตาล
💚ใยอาหาร
💚โปรตีน
💚วิตามินบี1
💚วิตามินบี2
💚วิตามินบี3
💚วิตามินบี5
💚วิตามินบี6
💚โฟเลท
💚วิตามินซี
💚แคลเซียม
💚เหล็ก
💚แมกนีเซียม
💚ฟอสฟอรัส
💚โพแทสเซียม
💚สังกะสี
นอกจากนี้ยังมีสารเคมีที่สำคัญอีก นั่นคือน้ำมันหอมระเหยประมาณ1-3%ประกอบด้วยสารเคมีที่สำคัญคือ ซิงจิเบอรีน(Zingiberene)ซิงจิเบอรอล(Zingiberol)ไบซาโบลีน(bisabolene)และ
แคมฟีน(Camphene) มีน้ำมัน( oleo-resin)ในปริมาณสูงเป็นส่วนที่ทำให้ขิงมีกลิ่นฉุน และมีรสเผ็ด และยังมีสารจำพวกฟีนนอลิค ได้แก่จินเจอรอล(Zingiberol)
โวกาออล(shogaol)ซิงเจอโรน์( Zingerine) ซึ่งมีคุณสมบัติเป็นยากันบูด กันหืน ใช้ใส่ในน้ำมัน หรือไขมัน เพื่อป้องกันการบูดหืน
มาดูสรรพคุณของขิงบ้าง ว่ามันสามารถช่วยในการปกป้องสุขภาพและความสวยของคุณได้อย่างไรสรรพคุณของขิงที่มีต่อร่างกายนั่นคือ
💚ช่วยบรรเทาอาการอาหารไม่ย่อย
💚ช่วยในการขับลม แก้ท้องอืด จุกเสียด แน่นเฟ้อ
💚ช่วยบรรเทาอาการคลื่นไส้อาเจียน จากการเมารถ เมาเรือ
💚ช่วยบรรเทาอาการหอบไอ ขับเสมหะ
💚ช่วยรักษาอาการโรคบิด
💚ช่วยทำให้เจริญอาหาร
💚ช่วยกระตุ้นการบีบตัวของกระเพาะอาหารและลำไส้
💚ช่วยบรรเทาอาการแน่นท้อง
💚ช่วยบำรุงน้ำนม
💚ช่วยบรรเทาอาการไข้ คอแห้ง เจ็บคอ
💚ช่วยในการขับเหงื่อ
💚ช่วยป้องกันโรคตาฟาง
💚ช่วยป้องกันและรักษาผู้ป่วยโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์
💚ช่วยบรรเทาอาการปวดกระเพาะอาหาร
💚ช่วยแก้อาการสะอึก
💚ช่วยขับพยาธิตัวกลมในลำไส้
ในเรื่องความงามนั้นขิงมีสรรพคุณในการส่งเสริมความงามไม่แพ้สมุนไพรอื่นๆ หากคุณต้องการกำจัดเซลล์ลูไลท์ที่ต้นขาและสะโพกของคุณ คุณสามารถนำขิงสดมาขูดให้ละเอียดแล้วนำไปนวดบริเวณที่มีเซลล์ลูไลท์ จะช่วยให้เซลลูไลท์หายไปได้ และผิวกลับมาเรียบเนียนกระชับอีกครั้ง แน่นอนว่าคุณอาจต้องทนความแสบร้อนของมันเล็กน้อย เพื่อความงามบนเรือนร่างของคุณ ซึ่งสถานเสริมความงามไม่น้อยที่ใช้ขิงเป็นส่วนผสมของครีมขัดผิวและบำรุงผิวต่างๆ เพื่อทำให้ผิวพรรณของลูกค้าสวยสดใสยิ่งขึ้น
💚บอกให้รู้💚
สำหรับผู้ที่มีปัญหาเลือดแข็งตัวช้าไม่ควรรับประทานขิง หรือผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของขิงเพราะจะทำให้เกิดอันตรายได้ เนื่องจากขิงมีฤทธิ์ที่ให้เลือดแข็งตัวช้า สำหรับชาขิงควรดื่มวันละ2ถ้วยจึงจะดีต่อสุขภาพ
#happpy now#ปกป้องสุขภาพและความสวยด้วยขิง