21 ส.ค. 2020 เวลา 08:04 • การศึกษา
รู้หมือไร่ หมอเคยต้องกินฉี่มาก่อนน!!
 
ในวงการแพทย์ปัจจุบัน มีการส่องกล้องเพื่อตรวจหาโรคและบอกระดับความแข็งแรงของสุขภาพในปัสสาวะ ซึ่งเป็นกระบวนการที่พัฒนามาจาก uroscopy ที่ใช้ตรวจหาโรคของผู้ป่วยจากปัสสาวะ โดยกระบวนการ uroscopy ตามประวัติศาสตร์ต้องย้อนไปในช่วงกรีกโรมันโบราณหรือยุคคลาสสิค โดยมีบันทึกไว้ในหนังสือของ Hippocrates(ฮิปโปเครติส)นายแพทย์ที่มีชื่อเสียงในยุคนั้น โดยให้สังเกตสีและความสม่ำเสมอของปัสาวะเพื่อใช้ในการพยากรณ์โรคเพราะฮิปโปเครติสเชื่อว่าปัสสาวะของของเสียเป็นพิษที่ร่างกายพยายามขับออก
People showing a sample of urine to the physician Constantine the African.
จนมาในช่วงยุคกลาง uroscopy ก็เป็นที่แพร่หลายมาก แต่หลังจากการล่มสลายของอาณาจักรโรมัน uroscopy ก็หลายมาเป็นที่นิยมทางการแพทย์ในอาณาจักร(ไบเซนไทน์) โดยนายแพทย์ Isaac Israeli ben Solomon ชาวอาหรับ ได้สร้างวิธีจำแนกโรคของปัสสาวะจากเฉดฉี ประมาณ20เฉด ซึ่งสามารถระบุโรคที่รุ้จักได้เกือบทุกชนิดในเวลานั้นและใช้ชื่อว่า “wheel of urine”
A Medieval urine wheel and other version
wheel of urine จะแบ่งออกเป็น 20 ส่วน จำแนกโดยสีของปัสสาวะ และแพทย์ในยุคนั้นจะต้องชิมรสชาติและดมกลิ่นของปัสสาวะประกอบเพื่อใช้ในการวินิจฉัยโรค เนื่องจากโรคบางโรคเช่นเบาหวานปัสสาวะจะมีลักษณะเฉพาะ คือ จะมีความใสออกไปทางขาว รสหวานแต่ฝาด ตามบันทึกของแพทย์อียิปต์โบราณ หรืออาการดีซ่านหากผู้ป่วยมีปัสสาวะสีน้ำตาล มักจะมีอาการของโรคนี้ร่วมด้วย แม้กระทั้งในยุคศตวรรษที่19 ก็มีระบุว่า พระเจ้า จอร์จที่3ของอังกฤษมีปัสสาวะเป็นสีม่วงซึ่งถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรค “porphyria”เป็นโรคเลือดที่เกิดจากความผิดปกติของเลือด จากการที่ร่างกายขาดเอนไซม์ ( Enzymes ) ที่ใช้สร้างร่างกาย ที่เรียกว่า "Heme" ซึ่งอาการของโรคจะแสดงออกมาสองลักษณะใหญ่คือทางจิต และทางผิวหนังร่างกาย ชื่อ Porphyria มาจากภาษากรีซ คำว่า porphyrus ซึ่งแปลว่า สีม่วง ( purple ) การจำแจกโรคด้วย wheel of urine และการชิมนั้นก็หมดความนิยมลงไปในช่วงปลายศตวรรษที่19 เมื่อการส่องกล้องและการทดสอบทางเคมีถูกคิดค้นขึ้นทำให้แพทย์ไม่จำเป็นต้องชิมปัสสวะอีกต่อไป
George III of the United Kingdom (1771) By Johann Zoffany. ( Public Domain ) This king allegedly had blue-tinged or purple pee.
โฆษณา