21 ส.ค. 2020 เวลา 15:28 • กีฬา
เพชฌฆาต ที่ต้องรีไทร์เร็วกว่าที่คาด
มาร์โก ฟาน บาสเท่น หรือที่สมัยก่อนเราเรียกกันติดปากว่า
มาร์โก แวน บาสเท่น เจ้าของฉายา “เพชฌฆาตพรายกระซิบ”
อดีตศูนย์หน้าทีมชาติฮอลแลนด์และสโมสรอาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม
และเอซีมิลาน
ฟาน บาสเท่น นับเป็นศูนย์หน้าที่เก่งที่สุดและได้การยอมรับมากที่สุด
ในโลกลูกหนังคนหนึ่ง แฟนบอลกลางยุค 80 ถึงกลางยุค 90 คงจะทราบถึง
ความเก่งกาจของเขาดีในการเล่นแบบศูนย์หน้าเบอร์ 9 ตัวเป้า ซึ่งหน้าที่หลัก
คือยิงประตูคู่แข่งอย่างเดียว ด้วยสรีระที่เหมาะกับการเป็นศูนย์หน้าบวกกับ
ความสูงเกือบ 190 ซม. ทำให้สถิติการยิงประตูของเขาน่าทึ่งอย่างมาก
ทั้งกับทีมชาติและสโมสร
สถิติที่น่าทึ่งคือ 6 ฤดูกาลกับอาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม เขายิงไป 152 ประตู
จากการลงเล่น 172 นัด จากทุกรายการ เฉลี่ย 0.88 ประตูต่อหนึ่งนัด
โดยเฉพาะสองฤดูกาลสุดท้ายกับอาแจ็กซ์คือฤดูกาล
1985-86 ถล่มไป 37 ประตู จากการลงเล่น 26 นัด (นับเฉพาะในลีค) 1986-87 ถล่มไป 31 ประตู จากการลงเล่น 27 นัด (นับเฉพาะในลีค)
หลายคนอาจคิดว่าเป็นเพราะเล่นในลีคฮอลแลนด์ การทำสถิติแบบนี้
ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร แต่ไม่ใช่เอซี มิลาน สโมสรชั้นนำในอิตาลี
ที่ต้องการซื้อตัวเขาเพื่อไปลุ้นแชมป์กัลโช่เซเรีย อา กับหลายๆทีม เช่น นาโปลีที่มี
ดีเอโก้ มาราโดน่ากับกาเรก้า สองนักเตะอเมริกาใต้เป็นนักเตะชูโรง สุดท้าย
ฟาน บาสเท่นก็ได้ย้ายไปพิสูจน์ตัวเองในลีคที่แข็งแกร่งและเป็นแหล่งรวม
กองหลังระดับโลกอย่างในลีคกัลโช่ พร้อมกับเพื่อนร่วมทีมชาติ
รุด กุลลิท ในฤดูกาล 1987-88
แต่ดูเหมือนว่าการย้ายไปเล่นในอิตาลีที่แข็งแกร่งกว่าลีคฮอลแลนด์
รวมไปถึงประสบกับอาการบาดเจ็บข้อเท้าที่รบกวนตัวเขาเกือบทั้งฤดูกาล
ทำให้ ฟาน บาสเท่น ผลิตสกอร์ได้เพียงน้อยนิดเพียง 3 ประตู จากการ
ลงเล่น 11 นัด ซึ่งนับว่าน้อยที่สุดตั้งแต่เขาเริ่มอาชีพไล่ล่าลูกหนังบนสนามหญ้า
เมื่อรักษาอาการบาดเจ็บข้อเท้าได้ ก็ไม่มีอะไรที่จะมาหยุดยั้งความเป็น
“เพชฌฆาตพรายกระซิบ” ของเขา ในศึกยูโร 88 ซึ่งจัดขึ้นที่ประเทศเยอรมัน
ตะวันตก ทีมชาติฮอลแลนด์เจ้าของฉายา “อัศวินสีส้ม” สามารถคว้าแชมป์
ในรายการนี้ได้สำเร็จ โดย ฟาน บาสเท่นซึ่งได้รับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยม
ประจำทัวร์นาเม้นต์และรางวัลดาวซัลโว เขาจัดการยิงไป 5 ประตู
โดยไฮไลท์สำคัญคือการยิงลูกใบไม้ร่วงที่ต้องบอกว่าสุดยอดแห่งความคลาสสิค
ใส่สหภาพโซเวียตในนัดชิงชนะเลิศ อีกหนึ่งไฮไลท์ที่แฟนบอลอาจจะลืมไปแล้ว
ก็คือการซัดแฮททริคใส่ทีมชาติอังกฤษในการแข่งขันรอบแรก
ในสีเสื้อทีมชาติฮอลแลนด์ ขณะทำศึกยโร 88
หลังจบศึกยูโร 88 สถานะความเป็นยอดนักเตะของ ฟาน บาสเท่น เริ่มชัดเจน
ขึ้นเรื่อยๆ เขาได้รับรางวัลบัลลง ดอร์ ในปี 1988,1989,1992
รางวัล FIFA World Player of the Year ในปี 1992
ในส่วนการเล่นให้เอซี มิลาน 6 ฤดูกาล เขายิงไปทั้งหมด 125 ประตู
จากการลงเล่น 201นัด ในทุกรายการ อยู่ในเอซี มิลาน ชุดดรีมทีม ช่วยให้
คว้าแชมป์กัลโช่เซเรีย เอ 3 ครั้ง (1987-88, 1991–92, 1992–93)
แชมป์ยูโรเปี้ยนคัพ 2 ครั้ง (1988-89, 1989–90)
ภายใต้เครื่องแบบปิศาจแดงดำ ซัดไป 125 ประตู
26 พ.ค. 1993 เป็นวันสุดท้ายที่เราได้มีโอกาสเห็นเขาลงสนามในฐานะนักฟุตบอลเป็นนัดสุดท้าย คือนัดชิงชนะเลิศยูฟ่า แชมป์เปี้ยน ลีคฤดูกาล 1992-93
เขาถูกบาซิล โบลี่ ปราการหลังของโอลิมปิค- มาร์กเซย์ เสียบสกัดอย่างรุนแรง
บริเวณข้อเท้าในนาทีที่ 86 นั่นก็ทำให้เขาต้องผ่าตัดข้อเท้าเป็นครั้งที่ 3
และสุดท้ายต้องจบอาชีพนักฟุตบอลในวัยพียง 29 ปี ท่ามกลางความเสียดาย
ของแฟนฟุตบอลทั่วโลก
โฆษณา