26 ส.ค. 2020 เวลา 05:15 • ปรัชญา
3 ลำดับจิตวิทยาความรักที่ทำให้เราถูกหลอกลวงได้อย่างแนบเนียน ระวัง!!!!
ที่มา: https://www.youtube.com/watch?v=0gGYfN7xocY
"เงิน" เป็นสิ่งสำคัญขิงชีวิตที่ไม่อาจตัดขาดได้อีกแล้วในยุคทุนนิยมปัจจุบัน เนื่องจากว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่ยกระดับคุณภาพชีวิตให้มีความอุดมสมบูรณ์ทางวัตถุนิมยมที่เรามีความสุขเมื่อได้ครอบครองมัน เช่น บ้าน รถ ของแบรนด์เนม เรืออสำราญ เที่ยวต่างประเทศ ๆลๆ
แต่ทว่า คำว่า"เงิน"เพียงคำเดียวนี้เองที่ทำให้ใครหลายๆคนยอมเปย์และทุ่มเทให้กับใครซักคนหนึ่ง เพื่อและมากับคำว่า"รัก"
แต่ความจริงที่น่าเศร้าก็คือ เมื่อมนุษย์รักใครซักคนเพราะ"เงิน" มันก็จะจบด้วยคำว่า"เงิน" เพราะจุดเริ่มต้นเป็นฉันใด จุดจบก็ย่อมมาจากจุดเริ่มต้นฉันนั้น....
และสิ่งสำคัญที่ทำให้เรายอมจ่ายเงินให้ใครซักคน จุดเริ่มต้นมันก็มักจะมาจากการชอบสิ่งๆนั้นเป็นอันดับแรก และเมื่อใดก็ตามที่เราชอบสิ่งๆนั้น มันก็ย่อมมีจิตวิทยาที่อยู่เบื้องหลังสิ่งที่เราชอบ ไม่ว่าจะเป็น รูป เสียง กลิ่น รส และสัมผัส ที่เขาหรือเธอได้เตรียมเอาไว้แล้วเพื่อหว่านเสน่ห์เรา ผลก็คือ บางครั้งเรากลับตัดสินใจผิดพลาด ดังเรื่องที่ Near us จะอธิบายต่อไปนี้ครับ
Rolf Dobelli นักเขียนจิตวิทยาชื่อดังระดับโลกและอดีต CEO ของบริษัทในครือสวิสแอร์ ได้อธิบายถึงปรากฏการณ์ทางจิตวิทยาที่เขาได้พบเจอมาจากประสบการณ์ที่พบเจอและการศึกษางานวิจจัยทางจิตวิทยาจำนวนมาก ได้กล่าวเอาไว้ว่า "ไม่ว่าจะฉลาดหรือเก่งแค่ไหน ความคิดของเราก็ยังเต็มไปด้วยจุดบอดและข้อผิดพลาด"
Rolf Dobelli
และสิ่งที่เรามักจะผิดพลาดมากที่สุดในชีวิตของเรา ก็คงจะหนีไม่พ้น"ความรัก"
เรื่องราวที่จะเล่าต่อไปนี้เป็นเรื่องราวที่ผู้หญิงคนหนึ่งที่ได้ไปออกรายการ ตีสิบ เนื่องจากโดนผู้ชายหลอกเงินถึง 23,006,459 บาทภายในระยะเวลาเพียง 2 ปี ด้วยความรักจอมปลอมและการใช้หลักการทางจิตวิทยาที่โจมตีหลอกลวงผู้หญิงคนนี้ จนสุดท้ายเธอมีเงินเหลือเพียง 15 บาท
ก่อนที่ Near us เจาะลึกว่าอะไรคือจิตวิทยาที่ทำให้ผู้หญิงคนนี้ต้องสูญเสียเงินถึง 23 ล้านบาท Near us จะขอเล่าเรื่องราวของผู้หญิงคนนี้เป็นลำดับหมายเลขนะครับ ซึ่ง Near us ได้สรุปออกมาจากรายการเรียบร้อยแล้ว เพื่อที่จะได้นำเอาจิตวิทยามาตีความตามขั้นตอนเพื่อให้ผู้อ่านอ่านแล้วจะได้ไม่งง
1.จุดเริ่มต้นมาจากหลังจากที่คุณพ่อกับคุณแม่ของผู้หญิงคนนี้ได้เสียชีวิตได้ทิ้งมรดกเอาไว้ถึง 7-8ล้านบาท เธอจึงเริ่มทำเงินต่อเงินโดยการปล่อยกู้และเป็นนายหน้าที่ดิน เพราะเป็นคนที่ชอบงานอิสระเพราะชอบพบปะผู้คน
1
2.วันหนึ่ง ผู้หญิงคนนี้ได้พบกับผู้ชายที่เป็นบาร์เท็นเดอร์คนหนึ่งที่สถานบันเทิงในวันเกิดเพื่อน และได้ไปพบกับบาร์เทนเดอร์คนหนึ่งและถูกสเปคและหลังจากนั้นก็กลับไปหาผู้ชายคนนี้ 3-4 ครั้งติดกัน และเริ่มคุยกันผ่าน Line มากขึ้น เพราะผู้ชายเป็นคนที่หุ่นล่ำขาวตี้ ตรงสเป็กผู้หญิงคนนี้มากๆ
3.ผู้ชายคนนี้มีความรู้สึกหึงหวงและให้ค่าต่อผู้หญิงคนนี้ตลอดเวลาอยู่ด้วยกัน เช่น พอมีคนมองมาก็อยากให้ผู้หญิงคนนี้หลบตามาหาเขา และยังพาไปหาพ่อแม่เพื่อพิสูจน์ความจริงใจที่มีให้ต่อเธอ (พูดง่ายๆก็คือ เขาจะพยายามทำให้ผู้หญิงคนนี้รู้สึกว่า"เจอเพชรในแอ่งโคลน")
1
4.หลักจากที่อยู่ด้วยกันไปซักพักใหญ่ๆ ผู้ชายคนนี้จึงบอกว่าทำให้เขาเสียเวลาและรายได้ในการทำงานหลังจากมาอยู่ด้วยกัน ผู้หญิงจึงให้เงินชดเชยรายได้ตรงนี้ โดยให้วันละ 3000 บาท(เดือนละ90,000) หลังจากคบกันได้ 10 เดือน
5.หลังจากนั้นผู้ชายถึงได้ดราม่าปัญหาชีวิตของเขาได้แก่ 1.)ปัญหาเรื่องรถยนต์ที่จำนำไว้ มูลค่า 1.5-2แสนบาท 2.)ขายสร้างทองใช้หนี้พนันบอล 5 บาท (147,250บาท อ้างอิงราคาวันที่ 22/8/33) 3.)ซื้อของแบรนด์เนม ราวๆ 3-4 หมื่นบาททุกวัน 4)ค่าใช้จ่ายจุกจิงทางบ้าน1-2แสนในทึกครั้งที่เขากล่าวอ้าง โดยจะเน้นให้ตัวเองดูสงสารมากกว่าบังคับผู้หญิง
6.จากเหตุการณ์ข้างต้นทั้งหมด ผู้หญิงเสียเงินไปแล้ว 20 ล้านแล้วภายใน 18 เดือน จนเหลือเงิน 3 ล้านบาท ทำให้ผู้หญิงเริ่มไม่มีเงินเปย์ต่อ ผู้ชายจึงเริ่มดราม่าทำนองว่า "ทำไมตัวเองถึงงกจัง" หรือไม่ก็ "ทำไมตัวเองถึงทำให้ชีวิตเราแย่ลง"
7.พอฝ่ายหญิงเริ่มใจอ่อน จึงได้เริ่มเปย์ให้กับผู้ชายคนนี้อีกครั้ง ทั้งกินหรู้ ช๊อปหรู จนกระทั่งเงินเหลือ 3 หมื่นสุดท้าย
1
8.สุดท้าย ผู้หญิงคนนี้ก็โดนปล้นเงินใน Mobile Banking ไปอีก 3 หมื่นเพราะผู้ชายคนนี้รู้ Password ของผู้หญิงคนนี้หมดแล้วตั้งแต่วันแรกที่ผู้หญิงเปย์ให้ จนทำให้เงิน 30,000 เหลือ 15 บาท ซึ่งรวมระยะเวลาทั้งสิ้น 2 ปี....
ที่มา: https://www.youtube.com/watch?v=0gGYfN7xocY
คำถามก็คือ ผู้ชายคนนี้ใช้จิตวิทยาอะไรที่ทำให้ผู้หญิงคนนี้ไม่รู้สึกเอะใจผู้ชายคนนี้เลยแม้แต่นิดเดียว?
จิตวิทยานี้ประกอบไปด้วย 3 ชั้นด้วยกันครับ ได้แก่
จิตวิทยาเริ่มแรก "อคติจากความถูกใจ"
Rolf Dobelli ได้อธิบายว่า "ยิ่งเราชอบใครซักคนมากเท่าไหร่ เราก็ยิ่งมีแนวโน้มที่จะช่วยเหลือหรือซื้อของให้เขามากขึ้นเท่านั้น มันเป็นอะไรที่เรียบง่ายมาก แต่น่าแปลกที่คนเรายังคงพลาดท่าให้มันอยู่เสมอ เพราะเราจะมองว่าอีกฝ่ายน่าคบหาถ้าเขา 1.รูปร่างหน้าตาดี 2.มีภูมิหลังและนิสัยหรือความในใจคล้ายคลึงกับเรา และ 3.ชอบเรา"
จากหมายเลข 2 ข้างต้น เราจะสังเกตุได้ว่า ผู้หญิงคนนี้มีจุดเริ่มต้นในความรักด้วยการชอบที่ผู้ชายหุ่นล่ำขาวตี้ก่อนเป็นดันดับแรก เพราะในรายการเธอได้ให้สัมพาทย์กับพิธีกรรายการว่า ผู้ชายคนนี้เป็นคนที่ตรงสเปคเธอมากในครั้งแรกที่ได้สบตากัน และนั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เธอเปิดใจกับผู้ชายคนนั้น
เพราะฉะนั้น หากว่าใครก็ตามที่มีลักษณะรูปร่างหน้าตาดีและมีนิสัยที่คล้ายคลึงกับเราจนทำให้เราหลงใจไปหาเขาหรือเธอคนนั้นมากผิดปกติเมื่อเทียบกับคนอื่นๆที่คุณเคยถูกใจ คุณอาจจะกำลังตกหลุมพรางอคติจากความถูกใจก็เป็นได้ครับ
จิตวิทยาขั้นที่ 2 "ภาพลวงตาที่ว่าด้วยการใครครวญความคิดของตัวเอง"
Rolf Dobelli ได้อธิบายว่า "คนเรามักคิดว่าความเชื่อของตัวเองเป็นสิ่งที่น่าเชื่อถือที่สุด การยึดมั่นในความเชื่อของตัวเองเช่นนี้เป็นเรื่องธรรมชาติแต่ก็อันตราย เพราะการใคร่ครวญความคิดของตัวเองมักทำให้เราปรุงแต่งเรื่องราวขึ้นมา การเชื่อมั่นในความคิดของตัวเองอย่างแรงกล้าและยาวนานเกินไปจะทำให้คุณมองเห็นความเป็นจริงได้ยากขึ้น"
จากหมายเลข 3 และ 4 คุณจะสังเกตุได้ว่า ฝ่ายผู้ชายเริ่มการหลอกลวงขั้นที่ 2 ด้วยการเติมเต็มคุณค่าและความจริงใจด้วยการแสดงความหึงหวงเพื่อให้ฝ่ายหญิงรู้สึกว่าคนๆนี้มีเพียงแค่เธอคนเดียว อีกทั้งยังพาเธอไปพบกับพ่อแม่ของเขาเพื่อเป็นการแสดงความจริงใจออกมาว่า เราจริงจังกับเธอจริงๆ
แต่สิ่งที่ผู้ชายต้องการ ณ ตอนนี้ก็คือ เขาต้องการสร้างละครเพื่อให้ฝ่ายหญิงตกหลุมพราง "ภาพลวงตาที่ว่าด้วยการใครครวญความคิดของตัวเอง" เนื่องจากว่าทุกๆการกระทำของฝ่ายชายจะถูกบันทึกไว้ในสมองของฝ่ายหญิงเสมอ และฝ่ายหญิงจะทำมาใครครวญและวิเคราะห์ว่าฝ่ายชายเป็นคนอย่างไร
ซึ่งจิตวิทยาขั้นตอนนี้สำคัญมากครับ เพราะมันจะเป็นการวัดใจเลยว่าจะสามารถหลอกลวงได้หรือไม่ เพราะยิ่งผู้หญิงเชื่อมั่นในภาพลวงตานี้มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งหลอกเอาเงินได้ง่ายขึ้นเท่านั้น และถ้าทำสำเร็จ ทุกอย่างมันจะง่ายไปหมดสำหรับฝ่ายชาย เพราะฉะนั้นฝ่ายหญิงก็ต้องระวังด้วยนะครับ(รวมถึงฝ่ายชายที่กำลังโดนหลอกด้วย)
Rolf Dobelli ยังได้ทิ้งท้ายอีกว่า "ยิ่งเชื่อในอะไรซักอย่างมากเท่าไหร่ คุณยิ่งต้องพยายามโต้แย้งความเชื่อของตัวเองมากขึ้นเท่านั้น คนฉลาดจะไม่ยอมรับสิ่งที่ไร้ข้อพิสูจน์ ดังนั้น คุณต้องเป็นนักวิจารณ์ที่โหดกับตัวเองที่สุด!"
จิตวิทยาขั้นที่ 3 "การใช้ความพยายามเป็นข้ออ้าง"
1
Rolf Dobelli ได้อธิบายว่า "เรามักจะประเมินค่าของสิ่งที่เราทุ่มเทแรงกายแรงใจไว้สูงจนเกินจริง กระบวนการนี้เกิดขึ้นโดยที่เราไม่รู้ตัวและป้องกันได้ยากมาก"
1
จากหมายเลข 4-8 คุณจะสังเกตุได้ว่าหลังจากที่ฝ่ายหญิงเริ่มมีความเชื่ออย่างสุดใจแล้วว่าผู้ชายคนนี้คือความหวังในความรักของชีวิตที่ไม่อาจมีใครแทนที่ได้แล้ว ฝ่ายชายก็จะสามารถทำอะไรก็ได้ เพราะฝ่ายหญิงก็ต้องจำยอมจ่ายเงินเพื่อให้ฝ่ายชายได้ตามที่ต้องการ เพราะในเมื่อฝ่ายหญิงได้คิดและตัดสินใจมาแล้วว่าผู้ชายคนนี้คือคนที่ดีที่สุดแบบโงหัวไม่ขึ้นแล้ว ฝ่ายหญิงก็ย่อมโกหกตัวเองและยอมทุ่มเทได้อย่างง่ายดาย ทำนองว่า "ถ้าวันนี้เขาไม่ดี วันข้างหน้าเขาก็ต้องดีเอง เชื่อสิ!!!"
Rolf Dobelli ยังได้อธิบายต่อว่า "เมื่อคุณรู้จักใช้ความพยายามเป็นข้ออ้างแล้ว คุณก็สามารถประเมินผลงานของตัวเองได้อย่างเป็นกลางมากขึ้น ลองถอยออกมาพิจารณาผลลัพธ์จากการทุ่มเทเวลาและแรงกายให้มันอย่างมหาศาสดูสิ"
Reference
1. 52 วิธีคิดให้ได้อย่างเฉียบคม
2. 52 วิธีตัดสินใจไม่ให้พลาด
โฆษณา