25 ส.ค. 2020 เวลา 04:58 • ประวัติศาสตร์
#ท่านเซอร์เจ้าเข่ เจ้าฟ้าเมืองสี่ป่อ ลำดับที่48 ผู้สร้างพระตำหนักสุคันธาร
ตำหนักฤดูร้อนบนเนินเขา อันใหญ่โตกว้างขวาง งดงามเทียบเท่าราชสำนักสี่ป่อ
ในสไตล์นีโอคลาสสิค เมื่อ จ.ศ 1284
ค.ศ 1924 หรือ พ.ศ 2467 ปีขึ้นหอคำหลวง
สคานส่า สคานด่า (สุคันธาร )
ตอนที่ท่านยังทรงพระเยาว์ ท่านได้ถูกถวายเข้าวังท่านเติบโตขึ้นในพระราชวังหลวงมัณฑะเลย์ สมัยพระเจ้าธีบอ ครองราชย์
ท่านได้รับการศึกษาในวังหลวงมันฑะเลย์
และ ได้ไปศึกษาที่อังกฤษ และ ออสเตเรีย
( เจ้าเข่ คงเป็นพระญาติสายมารดาเจ้าธีบอ
เพราะ พระเจ้าธีบอ(พระเจ้าสีป่อ)
เป็น พระราชโอรสของพระเจ้ามินดง
กับเจ้าหญิงจากเมืองสีป่อ ในดินแดนไทใหญ่ มีพระนามเดิมว่า เจ้าชายหม่องปู เมื่อเจริญพระชันษาขึ้น ได้ผนวชเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนาเพื่อศึกษาวิชาการต่างๆ เมื่อทรงลาผนวชแล้ว พระราชบิดาจึงทรงแต่งตั้งให้เป็นเจ้าเมืองสีป่อ ซึ่งเป็นที่มาของพระนามเมื่อเสวยราชสมบัติในเวลาต่อมา)
1
ต่อมา เจ้าเข่ ได้ขึ้นครองราชเป็นเจ้าฟ้าหลวง
เมืองสี่ป่อ รัฐฉาน ไทใหญ่ ท่านมี มหาเทวีคือ เจ้านางหนุ่ม และ นางฟ้าอีก 40 เจ้านาง
บุตรธิดา4องค์ และ ยังมีบุตรบุญธรรมอีก 12 องค์
ท่านเซ่อร์เจ้าเข่ เจ้าฟ้าเมืองสีป้อเป็น บิดาเจ้านางจ่ายุ้นท์มหาเทวีของเจ้าฟ้ากองไต เเห่งเชียงตุงและเป็นบิดา เจ้าโอ่งจาเจ้าฟ้าเมืองสีป้อ องค์ถัดมา
ในสมัยอดีต หอเจ้าฟ้าสุคันธารหรือในภาษาไตเรียก "จะคานส่า" เป็นที่รู้จักกันในฐานะเป็น วังฤดูร้อน ตั้งอยู่บนเนินเขาเมืองจ้อกเม ติดกับเมืองสี่ป้อ ซึ่งเป็นสถานที่ซึ่งเชื้อพระวงศ์เจ้าฟ้าสี่ป้อจะมาพักผ่อนในช่วงฤดูร้อน หอเจ้าฟ้าแห่งนี้เป็นที่รู้จักเท่ากับหอตะวันออก ในเมืองสี่ป้อ “หอจะคานส่า” สร้างขึ้นในช่วงปี ค.ศ. 1900 โดยเจ้าเข้ หรือ ท่านเซอร์เจ้าเข้ เจ้าฟ้าสี่ป้ออีกองค์หนึ่งของเมืองสี่ป้อ
ก่อนหน้ายุคเจ้าจ่าแสง -เจ้านางอิงเง โดย อิงเง เซอร์เจน หรือมหาเทวีสุจันทรีในยุคเจ้าจ่าแสงเคยอธิบายเกี่ยวกับหอแห่งนี้เอาไว้ใน หนังสือสิ้นแสงฉาน ว่า “เป็นสถาปัตยกรรม เหมือนกับ คฤหาสน์ทางตอนเหนือของประเทศอิตาลี เป็นอาคารนีโอคลาสสิคสีครีมนวล บันไดหินอ่อนสีขาวนั้นสั่งตรงมาจากเมดิเตอเรเนียน หน้าต่างมีขนาดใหญ่ เสาสูงชะลูด แสงส่องลอดผ่านเข้าสู่หอผ่านทางระเบียงโล่ง”
#ขอบคุณภาพจาก เหนือฟ้า ปัญญาดี

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา