25 ส.ค. 2020 เวลา 09:11 • ประวัติศาสตร์
"สีป้อ"
เมืองนี้ แต่เดิมรู้จักกันในชื่อ “อุงป่อง” บ้าง “โอ่งป่วน” บ้างต่อมาเปลี่ยนเป็น “ สี่ป๊อก/สี่ป้อ” คือมีสี่กลุ่มหมู่บ้านที่ตั้งขึ้นในตอนแรก มีหัวหน้าปกครอง ๔ คน บางครั้งพบว่าเรียกรวมกันเป็น “อุงป่องสี่ป้อ” ประวัติศาสตร์เมืองสีป้อตอนที่เป็นตำนานมีเนื้อเรื่องเดียวกับประวัติศาสตร์ของทุกเมืองในรัฐไทใหญ่คือเริ่มตั้งแต่ ขุนลุงขุนไลหรือขุนโหลงขุนหลาย ก่ายบันไดลงมาจากฟ้า...จนกระทั่งแจกแบ่งเมืองกันไปปกครอง ประวัติเมืองจึงแตกต่างกันไป เมืองสีป้อมีเจ้าฟ้าครองเมืองรวมทั้งหมด ๙๒ องค์ (ไม่นับรวมชาวอังกฤษและพม่าที่มาปกครองช่วงที่อังกฤษยึดเมืองพม่ารวมทั้งเจ้าเมืองคนสุดท้ายที่เป็นลูกเจ้าฟ้าน้ำสั่น)
สีป้อ เป็นเมืองที่ใกล้ชิดกับราชสำนักพม่ามากกว่าเมืองอื่นๆ ดังนั้นวัฒนธรรมหลายอย่างจึงมี “สาบม่าน” อยู่โดยเฉพาะด้านภาษามีคำพม่าปะปนมาก ไม่ว่าจะเป็นภาษาพูดหรือภาษาเขียน “จ้าดไต” (ลิเกไทใหญ่) เมืองสีป้อ และหนองหวอน มีชื่อเสียงที่สุด ได้รับว่าจ้างให้ไปแสดงตามเมืองต่างๆ ในรัฐฉาน ซึ่งแน่นอนว่าต้องมี “คำม่าน” ปนอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะหากเป็นเรื่องแบบจักรๆ วงศ์ๆ ในยุคเจ้าฟ้าเข้ครองเมืองสีป้อ ท่านก็เข้าไปอยู่ในวังมัณฑะเลย์ตั้งแต่เด็กๆเพราะท่านเป็นญาติกับเพราะพระเจ้าสีป้อ(กษัตริย์องค์สุดท้ายของพม่า)เพราะมารดาของพระเจ้าสีป้อเป็นเจ้าหญิงจากสีป้อ จึงไม่แปลกใจที่เจ้านางจ่ายุ้นท์มเหสีของเจ้าฟ้ากองไตยแห่งเชียงตุงนิยมวัฒนธรรมพม่ามากกว่าไทย อังกฤษจึงเลือกเจ้าฟ้ากองไตยเป็นเจ้าหลวงเชียงตุง ไม่เลือกเจ้าพรหมลือ ที่มีมเหสีเป็นคนไทย

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา