25 ส.ค. 2020 เวลา 17:27 • ธุรกิจ
มาดูกันว่าเทรนด์ความชื่นชอบในแบรนด์ ของคนทั้ง 3 Generations เป็นอย่างไร ?
ความผูกพันของแบรนด์มีบทบาทสำคัญมากๆเลยสำหรับคนแต่ละรุ่น
ต้องเริ่มจากการบอกว่า ในปัจจุบันสิ่งของใช้ ของกิน หรือ ปัจจัย 5 (รวมเทคโนโลยี) ต่างๆ ต้องมีสักเกือบๆ 50% แหละ ที่เป็นแบรนด์ดังต่างๆ และเข้าใจว่าอีก 50% อาจจะเป็นการใช้ของที่ไม่ได้ยึดติดกับแบรนด์
แล้วค่านิยมของแบรนด์ รวมถึงความชอบต่างๆของแบรนด์แต่ละแบรนด์เนี่ย เราต้องขอบอกว่าพวกเค้าเนี่ย โตมากับรุ่นสู่รุ่นเลยละ และไม่ใช่แค่ว่า Gen Baby Boomer จะต้องชอบแต่แบรนด์ที่มีอายุเท่าพวกเค้าเสมอไปนะ
ในบทความนี้เราจะมาย่อยสิ่งน่ารู้ต่างๆเกี่ยวกับ แบรนด์ และ Generation กัน !
1
ปล. กลุ่มตัวอย่างที่ Visual Capitalist เค้าไปเก็บมาทำ research นี้คือผลสำรวจความชอบแบรนด์ใน S&P500, Fortune 500, และ survey จากผู้คนในประเทศ U.S และ U.K ประมาณ 4,000 คน (เหมือนกับบทความก่อนหน้านี้เลย)
ก่อนอื่น ก่อนที่เราจะไปดูกันว่าแต่ละ Gen เค้ามีความชอบหรือความผูกพันในแบรนด์ต่างๆได้อย่างไร ?
1. User relationship
- ก็คือว่า แบรนด์เหล่านั้นได้มี engagement กับกลุ่มลูกค้ามากแค่ไหน
2. Emotional connection
- ความรู้สึกในแง่บวก ในแง่ดี ต่อแบรนด์นั้นๆของลูกค้า ซึ่งเราขอ define ว่ามันคือความผูกพันนะ ง่ายดี
- ซึ่งนั้นรวมถึงการบอกต่อและเผยแพร่ด้วย ซึ่งจะเห็นง่ายมากโดยเฉพาะ กลุ่มครอบครัว จากพ่อแม่สู่ลูก หรือแม้กระทั่งจากเพื่อนสู่เพื่อน
3. Dept and Intensity
- เอาให้เข้าใจง่ายๆก็คือ แบรนด์เหล่านั้นมีความสัมพันธ์กับลูกค้า ทั้งข้อ 1 (Relationship) และข้อ 2 (Emotional connection) มากและลึกแค่ไหน ถ้าไม่มากพอ แน่นอนว่าก็อาจจะไม่ได้เป็นที่จดจำหรือติดใจจนถึงปัจจุบัน
4. 6 Archetypes of Intimacy หรือ 6 ตัวประกอบในการสร้างความผูกพัน สนิทสนม
- Fulfillment สิ่งนี้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าใช่ไหม ?
- Identity สิ่งนี้สามารถแสดงสถานะและเอกลักษณ์ของลูกค้าใช่ไหม ?
- Enhancement สิ่งนี้สามารถเพิ่มประสิทธิภาพของการใช้งานให้ลูกค้าได้ไหม ?
- Ritual บางคนก็มีความต้องการผูกพันในเชิงศีลธรรม
- Nostalgia สิ่งนี้ทำให้ลูกค้าสามารถติดใจ คิดถึง หรือมีความอยากใช้งานต่อเรื่อยๆไหม ?
- Indulgence แปลตรงๆคือความหมกหมุ่น การดื่มด่ำ ความหลงระเริง เราขอแปลในแบบของเราว่า สิ่งนี้ทำให้ลูกค้าสามารถดื่มด่ำกับความคุ้มค่าของพวกเค้าได้มากแค่ไหน ?
เมื่อเพื่อนๆเข้าใจพื้นฐานวิธีในการที่แบรนด์ต่างๆสามารถเปิดประตูเข้าไปนั่งในหัวใจของคนแต่ละรุ่นแล้ว งั้นเราไปต่อกันได้เลย !
Baby Boomer ที่มีแบรนด์เทคโนโลยีล้ำสมัยอย่าง Amazon เข้ามานั่งในใจเป็นอันดับที่ 1 !!
- ต้องบอกว่า ไม่ใช่เรื่องยากของ Amazon เลยที่จะเข้ามานั่งแท่นอันดับ 1 ของ Baby Boomer ก็เพราะว่า ความสะดวก ง่าย และรวดเร็วมากๆของการบริการนั้นเอง และแน่นอนว่า ไม่ใช่แค่ Gen Z ที่ต้องการความรวดเร็ว แต่ Baby Boomer ก็ไม่แพ้กัน (คือ พี่ๆเค้าต้องการความคุ้มค่ามากกว่า แพงเท่าไรก็เปย์ได้สำหรับปัจจัย 4 แต่ชั้นต้องขอแบบคุ้มค่าที่สุด)
- เกือบ 50% ของ Baby Boomer มีความชอบ หรือติดกับแบรนด์ประเภทของ consumer packaged goods (CPG) อย่าง Kellogg's, Macy’s, Hershey’s, Pepsi
- เพื่อนๆอาจมีข้อสัยว่าทำไม Pepsi ถึงติดอันดับ อันนี้จากการที่เราวิเคราะห์ เราคิดว่า เพราะผลสำรวจส่วนใหญ่มาจากประชากรชาว U.S และ U.K และพวกเค้ายังมองว่า Coca Cola เป็นแบรนด์ของคนรุ่นใหม่ (ซึ่งจริงๆแล้วกำเนิดก่อน PepsiCo ด้วยจ้าาา)
- เพื่อนจะสังเกตได้จากนักท่องเที่ยวฝรั่งต่างๆ ที่พูดติดปากเสมอว่า Can i have Pepsi ? จะไม่ค่อยเห็นว่าแบบ Can i have Soda, หรือ Coke เท่าไร
3
- เอ มีใครสังเกตบ้างว่า Apple แบรนด์ เทคโนโลยีอีกแบรนด์หนึ่งที่ติดอันดับที่ 3 !
เราขอบอกว่า Baby Boomer เผลอๆ ทันสมัยและไฮเทคกว่าเราอีกนะ (ตัวอย่างพ่อแม่ของเรา อายุท่านราวๆ 63 กับ 65 ปี แต่ว่ามีความเชี่ยวชาญ Social มากกว่าเราซะอีก แถมยังใช่ iPhone รู้การทำงานมากกว่าเราด้วย เช่นพวกแอพถ่ายรูป)
Gen X กลุ่มคนที่ไม่ได้เกิดมาพร้อมกับ Technology แต่เติบโตมาพร้อมๆกับการพัฒนาของ Innovation เลยละ !
1
- พวกพี่ๆ Gen X จะมีความคล้ายกับ Baby Boomer คือไม่ได้เกิดมาพร้อมกับเทคโนโลยี
- และ พี่ๆ Gen X ก็จะมีความคล้ายกับ Gen Y หรือ Millennial ตรงที่พวกเค้าก็เติบโตมาด้วยเทคโนโลยีของ Smart phone, Internet of things หรือแม้กระทั่ง Tablet
- เพื่อนๆจะเห็นได้เลยว่า Apple และ Amazon มีแชร์ขึ้นนำมาเป็นอันดับ 1 และ 2
- ถึงแม้พวกเค้าจะเติบโตมาพร้อมกับการเดินเลือกซื้อสินค้าปัจจัย 4 ด้วยการเดินเข้าห้าง ร้าน หรือ supermarket ก็ไม่แปลกใจที่ Walmart จะติด Top 10 ด้วยเนอะ
แต่ก็น่าเสียดายที่ ยังไงก็ตาม Online shopping เทรนด์มาก็แรงมากๆ และนำไปนั่งอยู่อันดับที่ 2
- จากผลสำรวจ เค้าพบว่า กลุ่มลูกค้าที่มีความ Loyalty หรือการภักดีต่อแบรนด์สินค้านั้นๆมากที่สุดเนี่ย ไม่พ้นพี่ๆ Gen X แล้วละจ้าาา
- อีกอย่างหนึ่งคือ Entertainment ทั้งรุ่นเก่า (Disney) และรุ่นใหม่ (Netflix) ล้วนก็ติด Top 10 มาด้วยทั้งนั้นเลย ก็ไม่แปลกใจนะ เพราะ พี่ๆเค้านี้เติบโตมาพร้อมๆกับ Disney เลยละ (Disney อาจจะมีก่อนซะด้วยซ้ำ)
Gen Y / Mill และ Gen Z กับความชอบและความสนใจเกือบ 90% เป็น Online Technology และ 50% ติดกลุ่มแบรนด์ที่เป็น Media และ Entertainment (game)
- เพื่อนๆ Gen Y รุ่นเรา หรือน้องๆ Gen Z ที่บางคนเกิดมาพร้อมกับโลกของเทคโนโลยีที่เพรียบพร้อม
- ด้วยพ่อแม่ที่เป็นปลาย Baby Boomer หรือ Gen X ที่ได้มีการเติบโตไปพร้อมๆกับ เทคโนโลยี ก็ไม่รอดในการส่งต่อไปให้ลูกๆ โดยเฉพาะ Gen Z และ Alpha
- Media consumption หลักๆของพวกเค้านี่มาจาก Youtube มากกว่า Netflix ซะอีกนะ (เอ้ะ แต่เรากลับชอบ Netflix มากกว่า ชอบ Content, ส่วน Youtube เราเอาไว้ดูพวก E-sport streaming บ้าง ตามอารมณ์)
- เราจะเห็นได้เลยว่าบริษัทอย่าง Nintendo เองก็ได้มีการ Remake เกมส์ต่างๆ ให้เหมาะกับความชอบละความต้องการของน้องๆยุค Gen Z และรวมถึง ผู้ที่เคยชื่นชอบเกมส์ในสมัยเด็กๆอย่าง Gen Y
- คือ Nintendo เก็บ 2 กลุ่มตลาดคน 2 Gens นี้ได้ ก็สบายแล้วจ้าา
- เพื่อนๆจะสังเกตได้อย่างนึงเลยคือ เทรนด์หลักๆของคน U.S เนี่ย Gen Y & Z เค้าแทบจะไม่ยึดติดกับ Offline Brand หรือ พวกร้านค้าที่มีหน้าร้าน (Brick and Mortar) เลยละ แทบจะไม่มีติดใน list เลย ยกเว้นแต่ Target ซึ่งก็เปรียบเสมือน Retail อยาง Lotus หรือ Big C ในบ้านเรา
จบแล้วจ้า เป็นยังไงกันบ้างเพื่อนๆ มีแบรนด์ที่ตรงกับความชอบใน Gen ของเพื่อนๆกันบ้างไหมเอ่ยย ?
ต้องบอกเลยว่าจาก Baby Boomer จนถึง Gen Z (หรือถ้านับ Alpha ด้วยก็ได้นะ) เราจะเห็นได้เลยว่า Cultural shift ค่อนข้างส่งผลมากๆเลยละ
ความพึงพอใจ ความคาดหวังเนี่ย ต่างกันคนละขั้วแบบสุดไปเลย
นั้นคือถ้าเพื่อนๆกำลังจะสร้างแบรนด์ของตัวเอง การเลือก Generation ในการทำ brand position หรือ ผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์เนี่ย สำคัญมากๆเลยนะ
สมัยนี้นะ ไม่มีแล้วน้าา ชั้นทำสินค้าออกมาให้ทุกคนได้ใช้งาน
ถ้าเปลี่ยนเป็น ทำออกมาให้ใช้ได้ทุกที่ ทุกเวลา ก็จะเข้าท่ามากกว่า และจะดีมาก ถ้าเพื่อนๆ เลือก Target audience ได้ถูกต้องตรงกับ product functionality
หวังว่าเพื่อนๆคงได้รับสาระที่ไม่ยาวกันจนเกินไป :)

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา