26 ส.ค. 2020 เวลา 06:10 • ปรัชญา
นรกสวรรค์ไม่ใช่ของศาสนาพุทธ
3
1.
ในความเป็นจริงแล้ว แรกเริ่มเดิมทีโลกเรามันไม่เคยมีศาสนามาก่อน
มนุษย์ก็เป็นอยู่ปกติตามวัฏจักร เกิด แก่ เจ็บ ตาย สุข ทุกข์ สงบ วุ่นวาย สิ่งที่มนุษย์ยึดถือเป็นสรณะคือธรรมชาติ และสิ่งที่เราเรียนรู้พบเห็นจากธรรมชาติ สายฟ้า เมฆฝน ดวงอาทิตย์ ดวงดาว กองไฟ
และนั่นก็เป็นบันไดขั้นแรกๆ ของวิวัฒนาการแห่งความเชื่อ
จากการนับถือและบูชาธรรมชาติก็เริ่มยึดถือ ภูต ผีวิญญาณ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ เทพยดาฟ้าดินตามลำดับ
2. พระพุทธเจ้าและศาสนาต่างๆ อยู่ตรงไหน?
ความจริงอีกข้อที่คนไม่ค่อยรู้ก็คือ
"พระพุทธเจ้า รวมถึงศาสนาพุทธ" เกิดมาในภายหลังจากสิ่งเหล่านั้น เกิดมาหลังธรรมชาติ หรือว่าง่ายๆ คือเราบูชาผี บูชาพระอาทิตย์ บูชาไฟมาก่อน
พระพุทธเจ้า เจ้าชายสิทธัตถะ ก็เป็นมนุษย์ธรรมดาที่เกิดภายใต้วัฏจักรทางธรรมชาติเช่นกัน
นั่นหมายความว่า วัฏจักร สังสารวัฏ การเวียนว่าย นรกสวรรค์ หรือภพภูมิต่างๆ ตามที่เราเชื่อว่ามีนั้นมีอยู่แล้ว ย้ำว่ามีอยู่แล้ว
เพียงแค่พระพุทธเจ้าเป็นมนุษย์ที่ค้นพบความจริงของสิ่งเหล่านั้น...ว่ามีอยู่
3.
ดังนั้นพระพุทธเจ้าไม่ได้สร้างนรก- สวรรค์ ไม่ได้สร้างความเชื่อเรื่องนรกสวรรค์ ไม่ได้สร้างกฎแห่งกรรม
ท่านไปค้นพบว่า "มันมี"
ท่านค้นพบว่าวัฏจักรที่มีอยู่ในธรรมชาติ พบว่ามีนรกมีสวรรค์ มีวัฏจักร มีกฎแห่งกรรม มีวัฏจักรที่มีอยู่ก่อนนั้น อันเป็นวัฏจักรแห่งความทุกข์
วัฏจักรเหล่านั้นคือ? ข้างในกลไก หรือสิ่งที่ทำให้กลไกมันทำงานเสมอคือ กรรมนี่แหละ กรรมทำให้เราเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป
พบว่าการกระทำทุกอย่างส่งผลเสมอ เมื่อเราคิด พูด และทำใดๆ แล้ว จะมีผลลัพธ์เกิดขึ้นเสมอ
4.
การค้นพบทางครั้งนั้นอุปมาว่า กฎของแรงดึงดูง และแรงโน้มถ่วงของโลกของโลกมีอยู่แล้ว ไม่รู้นานกี่หมื่นกี่ล้านปี จู่ๆ อีตาเซอร์ไอแซกนิวตันก็ค้นพบว่า
กฏนี้ว่ามันอธิบายเรื่องอะไร กฏนี้ส่งผลกับอะไร อธิบายสิ่งต่างๆที่เคยเกิดขึ้นในโลกว่าอย่างไร สำคัญคือแล้วกฏนี้เอาไปพัฒนาชีวิตคนอย่างไร
พระพุทธเจ้าเองก็เป็นเช่นนั้น สิ่งเหล่านั้นที่อยู่ก่อนแล้ว ท่านแค่ค้นพบคำอธิบายต่างๆ สำคัญคือค้นพบ "วิธีการ" ใช้ประโยชน์จากสิ่งที่พบ
5.
นั่นแปลว่าแท้จริงศาสนาพุทธ พระพุทธเจ้า และพุทธะ.เกิดขึ้นเพราะเรานิยามว่าสิ่งนี้คือพระพุทธศาสนา และนักสำรวจท่านนี้ บุคคลท่านนี้คือ พระพุทธเจ้าหรือพุทธะ
แล้วท่านก็ได้บอกผู้คนต่างๆ ว่าสิ่งที่รู้มามันอธิบายชีวิตคนอย่างไร และทางที่จะช่วยชีวิตคนนั้นคืออะไร
ท่านพบว่ามนุษย์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย จากนั้นก็เวียนว่าย เป็นทุกข์ไปเป็นวงล้อ
ทางที่วงล้อนั้นจะหยุดคือต้องทำสิ่งนั้น ต้องไม่ทำสิ่งนั้น ต้องยึดมั่นสิ่งนั้น ต้องละสิ่งนั้น เป็นต้น
6.
ความจริงหากพิจารณาดีๆก็ไม่ได้แปลกอะไร หากบังเอิญคนคนหนึ่งมีความเชื่อ ในคุณงามความดี หรือหลักของความเชื่อ(ศาสนาอื่น) รวมไปถึงคนที่บอกว่าไม่มีศาสนาแต่เชื่อในคุณงามความดีด้วย ตรงกับสิ่งที่พุทธะท่านบอก หรือสิ่งที่พุทธศาสตร์ให้เราปฏิบัติพอดี
เช่น พุทธศาสนา "เชื่อ" ว่าโดยปกติแล้วคนเรา ที่เป็นคนธรรมดาๆ ไม่ได้ออกบวชนั้น จะไม่ทำสิ่งเหล่าที่ก่อให้เกิดกรรมไม่ดี หรือความดี ความไม่สบายใจสบายกายต่อตนเองและผู้อื่น 5 ประการ ได้แก่
การฆ่ากันเป็นสิ่งชั่วร้าย
การโกหกกันเป็นสิ่งที่ทำร้ายกัน
การนอกใจเป็นสิ่งที่ทำลายความสัมพันธ์
การพูดหรือทำร้ายด้วยคำพูดเป็นสิ่งที่เจ็บปวด
และการดื่มสุราคือสิ่งเสพติดเป็นสิ่งที่ทำลายสุขภาพหรือทำลายชีวิต
แน่นอนว่าแม้ไม่นับถือพุทธศาสนา หรือไม่มีศาสนา แต่เชื่อใน 5 ข้อข้างตัน และไม่กระทำทั้ง 5 สิ่งนั้น คนคนนั้นย่อมมีชีวิตที่ดีแน่ เพราะสรณะที่เขานับถือหรือยึดถือก็คือความดีและศีลธรรม
7.
ทีนี้เมื่อ แต่สิ่งแตกต่างระหว่างการยึดถือคุณงามความดี กับยึดถือหลักการของพุทธ คือ เหมือนกันแต่ลึกซึ้งกว่ากันนั่นเอง กล่าวถือ ในทางพุทธศาสนาได้ลงรายละเอียด และอธิบายกลไกทั้งหมดในภาพกว้างยิ่งขึ้น
ยกตัวอย่างเรื่องเดิมคือ เช่น เราพูดถึงสิ่งที่ไม่ควรทำ 5 อย่างในข้อก่อน ซึ่งก็คือ ศีล 5 คือ ห้ามฆ่าหรือเบียดเบียนสัตว์ ห้ามลักหรือเอาของใคร ห้ามผิดลูกเมียและทำลายความสัมพันธ์ ห้ามทำร้ายทางคำพูด ไม่จะโกหก ว่าร้าย สอดเสียดฯลฯ ห้ามดื่มสุรายาเมา
ถ้าในมิติทางปรัชญาการไม่ทำสิ่งเหล่านี้มันสิ่งพื้นฐาน ให้ชีวิตเป็นปรกติสุข
แต่มิติทางศาสนาพุทธที่ว่าลงลึก ลงรายละเอียดว่าอย่างไร
ในทางพุทธนั้นอธิบายศีลว่าว่า หากคนยึดมั่นในความปรกตินี้เสมอตลอดทั้งชีวิต ไม่เพียงชีวิตปรกติสุขแล้ว
ยังสามารถมีชีวิตที่เจริญรุ่งเรืองได้ และประการสำคัญหลัก 5 ข้อนั้นยังเป็นรากฐานไปสู่การดับทุกข์อย่างถาวร หรือนิพพานได้
ดังที่เราได้ยินพระสวดตอนที่สมาทานศีล 5 ว่า สีเลนะสุขติงยันติ สีเลนะโภสัมปะทา สีเลนะนิพพุติงยันติ
ทำไมศีล 5 ถึงเป็นบันไดหนึ่งสู่การดับทุกข์ได้ ก็เพราะสามสิ่งที่ต้องปฏิบัติสู่การพ้นทุกก็คือ ศีล สมาธิ ปัญญา ซึ่งเกี่ยวเนื่องกัน นั่นเอง กล่าวง่ายๆ คือ เราจะขาดจากศีลไม่ได้หากต้องการพ้นจากทุกข์
กล่าวโดยสรุปง่ายๆ คือ ถ้าทำดีเฉยๆ ไม่รู้และยึดในศาสนาแล้วบังเอิญว่าตรงกับศีล 5 ชีวิตก็มีความเป็นไปได้ที่จะมีความสุข สงบ ราบรื่น แต่ก็ยังไม่อาจหลุดจากการเวียนว่ายได้
3
8.
ย้ำอีกครั้งว่า กฏแห่งกรรม กฏแห่งการเวียนว่ายเกิดมาก่อนพุทธ พุทธะท่านค้นพบว่า
อ๋อเพราะแบบนี้นี่เองมนุษย์จึงยังคงทุกข์
แต่ใจความสำคัญอีกหนึ่งอย่างที่พูดศาสนาสอน คือชีวิตนั้นเวียนว่ายอยู่ในกองทุกข์ไม่รู้จบ
หากยากหลุดพ้นจากวัฏจักรที่วนเวียนไม่มีที่สิ้นสุดนี้
ท่านจึงให้มาปฏิบัติเพื่อให้รู้ว่าหนทางในการดับทุกข์อย่างถาวรคืออะไร
9.
ประการสำคัญที่สุดอย่างหนึ่งก็คือ ท่านไม่ได้ขอให้ใครเชื่อ ท่านให้ลองเพื่อให้รู้เอง
ท่านแค่อธิบายว่าถ้าไม่เชื่อ ก็ไปสังเกตไปเรียนรู้เอาเอง
ท่านบอกว่ามันไม่มีอะไรบังเอิญหรอกพวกท่าน ทุกสิ่งมันเกิดขึ้นมันมีเหตุและปัจจัยของมัน
ที่ท่านทุกข์ที่ท่านเจ็บปวดก็มีเหตุมาจากการกระทำอย่างหนึ่งอย่างใดของท่านนั่นแหละ
ท่านบอกว่าอยากมีสิ่งดีๆ ก็ทำสิ่งดีสิ
10.
บางคนบอกว่าทำดีไม่เห็นได้ดีเลย?
บางคนบอกว่าทำดีแล้วยังโชคร้ายชีวิตยังเฮงซวยอยู่เลย เพราะอะไร?
ก็นี่ไงล่ะถึงบอกว่า
มันไม่ผิดที่คนไม่มีความเชื่อไม่มีศาสนาจะเชื่อในการทำคุณงามความดี
ไม่ผิดที่ไม่มีศาสนา แต่ยังทำความดี เชื่อในความดี และมีชีวิตที่ดี
แต่เพราะบางที บางจังหวะชีวิต หรือบางมิติชีวิต แค่เชื่อในคุณงามความดี และปราศจากสรณะที่ถูกต้องอาจยังไม่เพียงพอ
เพราะแค่ทำดีอาจไม่ได้เป็นคำตอบทั้งหมด
แค่เพียงทำดีอาจไม่ได้ขจัดความไม่รู้ได้หมดสิ้นไป
เพราะพุทธศาสนาไม่เพียงแค่อธิบายว่ามันเกิดขึ้นเพราะเหตุและปัจจัยเท่านั้น
แต่ยังบอกวิธีการจัดการกับความทุกข์นั้นด้วย
11.
บ้างว่าการไม่นับถือศาสนาพุทธ ก็เท่ากับไม่ต้องลงนรก ไม่ไปสวรรค์ ไม่เวียนว่าย ไม่ต้องรับกรรม
เราบอกแล้วนรก สวรรค์ เวรกรรม ไม่ได้เป็นของพระพุทธเจ้า
สิ่งเหล่านี้มีอยู่แล้วและไม่ว่าเชื่อหรือไม่เชื่อก็เลี่ยงไม่ได้
12.
แล้วเราไม่เชื่อเรื่องนรกสวรรค์ กรรมเวร ศาสนาได้ไหม
ก็ได้นะ แล้วแต่ความศรัทธา ความสะดวกของแต่ละคน
สมมติว่าไม่เชื่อศาสนา ไม่เชื่อนรกสวรรค์ เวรกรรม แต่ยังเชื่อในความดี ยังแทงกั๊ก ทำดีบ้าง ทำไม่ดีบ้าง
ปรากฏว่ากลับมี ถึงตอนนั้นก็ยังดีนะที่มีความดีไว้
แต่กรณีไม่เชื่อ และไม่สนใจ โนสนโนแคร์ เรื่องบาปบุญคุณโทษ ใช้ชีวิตชีวิตไปสุดเหวี่ยง ไม่มีแทงกั๊ก
ถ้าหวยออกว่านรกสวรรค์ไม่มี ถือว่ารอดไป ไม่ได้ไม่เสีย
แต่สมมติหวยออกว่า มี!
อันนี้ถือว่าซวยนะ
มีครบเลยนะ นรก สวรรค์ เวรกรรม
ตัวใครตัวมันเลย
ก็บอกแล้วนรกสวรรค์ บาปบุญ เวรกรรม ไม่ได้เป็นกรรมสิทธิ์ศาสนาพุทธ
นรกสวรรค์ไม่ได้เป็นของศาสนาพุทธและของศาสนาใดๆ
แต่เป็นของธรรมชาติที่มีอยู่แล้ว
สวัสดีวันพระครับ
ลุงเอง
โฆษณา