26 ส.ค. 2020 เวลา 10:48 • ประวัติศาสตร์
เรื่องเล่าจากทวีปอเมริกาใต้
ชาวอินคาโดยทั่วไปเท่าที่ผมพบเจอ หน้าตาเหมือนคนไทยมาก โดยเฉพาะคนทางภาคอีสาน เด็กๆชาวอินคาเมื่อแรกเกิดจะมีจ้ำเขียวๆขึ้นตามตัวเป็นปื้นๆ แบบเด็กไทย และเมื่อโตขึ้นก็จะจางหายไปเอง ซึ่งปื้นหรือจ้ำเขียวนี้ทางวิทยาศาสตร์เรียกว่า Mongolian Spot จะเกิดกับเด็กที่มีเชื้อสายมองโกลอยด์เท่านั้น เด็กชาติพันธ์อื่นๆเช่น ยุโรป อาหรับ อินเดีย ไม่มีปื้นหรือจ้ำเขียวแบบนี้
จึงทำให้มีข้อสันนิษฐานว่า ชนเผ่าอินคา หรือ ชนเผ่าแอซแต็ก มายา แถวทวีปอเมริกากลางน่าจะเป็นพวกที่เคยอยู่ทวีปเอเชียมาก่อน แล้วค่อยย้ายถิ่นฐานตั้งแต่ดึกดำบรรพ์มาที่ทวีปอเมริกาใต้ อาจจะผ่านมาทางช่องแคบแบริ่ง แล้วเคลื่อนตัวลงมาทางใต้
1
เรื่องอัศจรรย์อีกเรื่องคือ มีวันนึงที่ผมต้องปฏิบัติหน้าที่ล่ามถวาย ในหลวง ร.10 ซึ่งเมื่อปี 36 พระองค์ท่านยังทรงเป็น สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ อยู่ วันนั้นท่านได้เสด็จฯไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์แห่งชาติของเปรู กลางกรุงลิมา มีห้องจัดแสดงห้องนึง มีการจัดแสดงรูปภาพ และรูปจำลองการแกะสลักหน้าผาของเมืองๆนึง (จำชื่อไม่ได้) รูปสลักตรงหน้าผานั้นมีหลายรูป ลักษณะเป็นคนกำลังนั่งขัดสมาธิ มีสวมหมวกทรงกรวยแหลมๆ คล้ายพระธิเบต
ผมดูแล้วก็แปลกใจได้ถาม ภัณฑารักษ์ ที่ดูแลพิพิธภัณฑ์ว่าทำไมรูปสลักนี้ดูเหมือน รูปสลักของพระพุทธรูปแบบธิเบตจังเลย ภัณฑารักษ์หันมาตอบผมว่า ใช่แล้ว เมื่อมีการค้นพบเจอรูปสลักนี้ ทุกคนก็มีความเห็นเหมือนกันหมดว่า เหมือนพระพุทธรูปมาก แต่คำถามคือ ใครเป็นคนสลักเมื่อหลายร้อยปีหรือเกือบพันปีมาแล้ว และ พระพุทธเจ้ามาทำอะไรที่เปรู ทวีปอเมริกาใต้ หรือ รูปสลักที่เห็นเป็นแค่การสลักที่พ้องกันจนดูเหมือนพระพุทธรูป !!???
นอกจากนี้ ลักษณะการสร้างวิหารพระอาทิตย์ของชาวอินคา การเรียงหินก่อสร้างอาคารนั้น ใช้กรรมวิธีเดียวกันกับ การสร้างนครวัด ของอารยธรรมขอมที่กัมพูชา และหรือปราสาทหินต่างๆของอารยธรรมขอมที่สามารถพบเห็นได้ในหลายที่ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น ปราสาทหินพนมรุ้ง จ.บุรีรัมย์ ปราสาทหินพิมายที่โคราช หรือ แม้แต่ปราสาทหินวัดพูที่แขวงจำปาสัก สปป.ลาว
1
จากลักษณะสถาปัตยกรรมที่คล้ายคลึงกันนั้น ทำให้เกิดทฤษฎีอันนึงว่า จะม่ีความเป็นไปได้หรือไม่ว่าถ้าบรรพบุรุษของชาวอินคาไม่ได้ข้ามช่องแคบแบริ่งจากเอเชียมาทวีปอเมริกา จะเป็นไปได้หรือไม่ทีอาจมีการหลั่งไหลทางวัฒนธรรมจาก เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยอาจมีการล่องเรือไปกับกระแสน้ำอุ่น กระแสน้ำเย็น จนพัดพาไปถึงทวีปอเมริกาใต้ ?
1
มีคนบอกผมเรื่องความมหัศจรรย์อีกอย่างคือ ถ้าเราลองลากเส้นบนแผนที่โลกโยงเอาสิ่งมหัศจรรย์ของโลกในยุคเดียวกันเช่น นครวัดที่กัมพูชา วิหารพระอาทิตย์ของอารยธรรมอินคาที่เปรู ปิรามิดที่อียิปต์ ปิรามิดของชาวมายาที่เม็กซิโก โบราณสถานบางแห่งในจีน อินเดีย และตะวันออกกลาง เข้ามาเชื่อมโยงกัน ผลที่ได้คือ แผนที่ดวงดาวอันใหญ่ที่มีความหมายทางดาราศาสตร์ โดยใช้ตำแหน่งของโบราณสถานที่เป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกเป็นตัวปักหมุดแผนที่แต่ละจุดซึ่งเมื่อลากเส้นโยงกันก็คือแผนที่ของดวงดาวอันไกลโพ้นนั่นเอง
1
ทั้งหมดยิ่งทำให้นิทานของชาวอินคาที่บอกว่า วิทยาการทั้งหลายที่พวกเขาได้สร้างขึ้นมานั้น เกิดจากเทพเจ้าผิวขาวที่ลงมาจากฟ้ามาสอนพวกเขาไว้ เลยเกิดเป็นทฤษฎีที่เกี่ยวกับอารยธรรมที่อาจจะมาจากผู้ที่เจริญกว่านอกโลกของเรา มาพร้อมกับจานบิน UFO มาสอนผู้คนบนโลกนี้
ผมยังจำได้ดีเมื่อผมนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับอารยธรรมอินคานี้เล่าในเฟซบุ๊คเมื่อหลายปีก่อน ปรากฏว่ามีเพื่อนท่านนึงเป็นคนทางใต้ได้ส่งข้อความ inbox มาบอกผมว่า หลังจากเขาได้อ่านเรื่องราวที่ผมเขียน ทำให้เขานึกถึงนิทานปรัมปราของทางใต้เรื่องนึงที่ปู่ย่าตายายเขาเล่าให้ฟังเมื่อตอนเด็กๆว่า มีชาย 2 คนชื่อ อิน กับ ข่า ได้ล่องเรือออกไปแล้วหายสาบสูญ เขาบอกว่าจะเป็นไปได้ไม๊ที่ อิน กับ ข่า นี้ ได้กลายเป็นบรรพบุรุษของชาวอินคา
1
ผมได้รับฟังเรื่องราวที่อินบ๊อกซ์เข้ามาบอกผมแล้วก็ได้แต่บอกว่า ทุกอย่างล้วนแล้วแต่เป็นไปได้ และเป็นไปไม่ได้ครับ
The answer my friend is blowing in the wind
The answer is blowing in the wind !!
โฆษณา