28 ส.ค. 2020 เวลา 04:13 • ท่องเที่ยว
#สวีเดน #เมืองหลวงสต๊อกโฮล์ม #พิพิธภัณฑ์เรือวอซา
 
เมื่อพูดถึงพิพิธภัณฑ์ในกรุงสต๊อกโฮล์ม ท่านสามารถเลือกชมได้หลากหลาย เนื่องจากในกรุงสต๊อกโฮล์ม มีพิพิธภัณฑ์ตั้งอยู่เยอะแยะมากมายเต็มไปหมด แต่วันนี้ผมจะเลือกเขียนถึงหนึ่งในพิพิธภัณฑ์ที่มีความสำคัญกับประวัติศาสตร์ส่วนหนึ่งของประเทศสวีเดน นั่นก็คือพิพิธภัณฑ์เรือวอซา พิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีความโดดเด่นไม่เหมือนที่ไหน เพราะสิ่งที่จัดแสดงอยู่ข้างในนั้นเป็นอะไรที่ใหญ่โตมาก นั่นก็คือซากเรือโบราณขนาดใหญ่นั่นเอง ปัจจุบันพิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีคนเข้าชมมากที่สุดในยุโรปเหนือ เพราะเป็นสถานที่ที่ไม่ว่าใครมาสตอกโฮล์มก็มักจะไม่พลาดที่จะแวะมาชม
พิพิธภัณฑ์เรือวอซาถูกสร้างขึ้นเมื่อปี 1990 เพื่อตั้งแสดงเรือวอซา (Vasa) ซึ่งเป็นเรือสมัยโบราณที่ถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่ปี 1626 และสร้างเสร็จในปี 1628 จากนั้นเรือวอซาได้ล่มและอับปางลงในการเดินเรือครั้งแรกที่สต็อกโฮล์มช่วงปี ค.ศ. 1628 (เค้าว่ากันว่านี่คือความอัปยศที่สุดของกองทัพเรือสวีเดนที่ยิ่งใหญ่ในยุคนั้น) หลังจากที่จมอยู่ใต้ทะเลมานานกว่า 333 ปี เรือรบที่ทรงอานุภาพลำนี้ก็ได้ถูกกู้ขึ้นมาและการเดินทางของมันก็ได้ดำเนินต่อไป ในปัจจุบัน เรือวอซาคือเรือในยุคศตวรรษที่ 17 ที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้และมีความงดงามมากที่สุดลำหนึ่งของโลก โดยสามารถเยี่ยมชมได้ที่พิพิธภัณฑ์ที่สร้างขึ้นเป็นพิเศษในสต็อกโฮล์ม เรือวอซาคือทรัพย์สมบัติทางศิลปะอันเลอค่าที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว 98 เปอร์เซ็นต์ของเรือถูกสร้างขึ้นจากชิ้นส่วนดั้งเดิมและงานแกะสลักด้วยมือหลายร้อยชิ้น
ตัวเรือที่จัดแสดงนี้ 95% คงอยู่ในสภาพเดิมจากสมัยโบราณ มีการซ่อมแซมแต่งเติมเพียงเล็กน้อย นอกจากนี้ก็ยังมีจัดแสดงของที่เกี่ยวข้องอีกหลายอย่าง เช่นวิธีการสร้างเรือ อธิบายประวัติของเรือโดยละเอียด
เรื่องราวของเรือวอซา
เหตุใดจึงต้องสร้างเรือวอซาขึ้น
เรือวอซาถูกสร้างขึ้นตามพระบัญชาของกษัตริย์กุสตาฟที่ II อดอล์ฟแห่งสวีเดน และสร้างขึ้นโดยช่างที่เป็นชายและหญิงประมาณ 400 คนที่อยู่ในสต็อกโฮล์มซึ่งเริ่มต้นขึ้นในปี ค.ศ. 1626 เรือลำนี้เป็นเรือที่ทรงอานุภาพด้วยการติดตั้งเสาเรือถึงสามเสาพร้อมด้วยใบเรือสิบใบ ตัวเรือมีความสูง 52 เมตร ยาว 69 เมตรและหนักถึง 1200 ตัน พร้อมด้วยปืนใหญ่ 64 กระบอก เรือวอซาเคยเป็นเรือที่มีความสำคัญต่อกองเรือสวีเดน
การอับปางของเรือ
ในวันที่ 10 สิงหาคม ค.ศ. 1628 มีการปล่อยเรือวอซาออกจากท่าเรือใต้ปราสาท Tre Kronor ช่องเก็บปืนใหญ่ได้เปิดขึ้น ปืนใหญ่ทั้งหมดได้หันออกไปด้านนอกและยิงสลุตเพื่อเฉลิมฉลอง เรือลำมหึมาค่อยๆ ออกจากท่าเรืออย่างช้าๆ แต่หลังจากที่มีลมพัดแรงสองสามครั้ง เรือได้สูญเสียการทรงตัวและเริ่มเอียง น้ำเริ่มไหลทะลักเข้าท่วมในตัวเรือผ่านทางช่องเก็บปืนใหญ่ และทำให้เรือวอซาล่มลง มีคนอยู่บนเรือประมาณ 150 คน และมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 30 ราย นับเป็นเวลา 333 ปีก่อนที่เรือวอซาจะได้เห็นแสงสว่างของช่วงกลางวันอีกครั้งหนึ่ง
เหตุใดเรือวอซาถึงล่ม
ในศตวรรษที่ 17 ผู้คนยังไม่ทราบเกี่ยวกับการคำนวณตามทฤษฎีที่จะช่วยทำให้เรือมีความมั่นคงไม่โคลงเคลง พวกเขาเพียงสร้างเรือตามประสบการณ์ที่เคยผ่านมา ในกรณีของเรือวอซา มีการใช้นวัตกรรมทางเทคนิคโดยให้ปืนใหญ่ที่มีน้ำหนักมากอยู่บนดาดฟ้าปืนสองจุดซึ่งจำเป็นต้องมีการทดลองและตรวจสอบข้อผิดพลาด เรือวอซามีน้ำหนักมากเกินไปเหนือระดับน้ำและไม่สามารถตั้งลำเรือให้ตรงได้เพื่อรักษาการทรงตัวของเรือ จึงทำให้เรือพลิกคว่ำเมื่อถูกลมพัด
บุคคลที่พบเรือลำนี้
แม้ว่าจะเป็นเด็ก แต่ Anders Franzén ก็มีความหลงใหลต่อซากเรือที่อับปางบริเวณหมู่เกาะของสต็อกโฮล์ม Franzén ใช้เวลาช่วงฤดูร้อนของปี 1954-1956 ด้วยการศึกษาข้อมูลจากเอกสารต่างๆ ในช่วงศตวรรษที่ 17 เพื่อค้นหาเรือวอซาโดยใช้เครื่องเกาะวัตถุรูปก้ามปูลากไปตามก้นทะเลจากเรือมอเตอร์ ในวันที่ 25 สิงหาคม เมื่อเขาและนักดำน้ำชื่อ Per Edvin Fälting กำลังค้นหาเรือ Beckholmen ที่อับปางลง เครื่องเกาะวัตถุได้เกี่ยวติดวัตถุขนาดใหญ่ทำจากไม้โอ้ค มีการค้นพบเรือวอซาแล้ว!
“ปริศนาที่ให้ความรู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก”
งานกู้ซากเรือได้เริ่มต้นขึ้นในฤดูใบไม้ร่วงของปี ค.ศ. 1957 โดยนักดำน้ำได้ขุดอุโมงค์ข้างใต้ลำเรือเพื่อให้สามารถลากสายเคเบิลเข้าไปได้ ในวันที่ 24 เมษายน ค.ศ. 1961 เรือลำนี้ได้โผล่พ้นน้ำขึ้นมา และถูกกู้ขึ้นมาโดยมีชิ้นส่วนที่ทำจากไม้ราว 14,000 ชิ้น ได้มีการเก็บรักษาตัวเรือและชิ้นส่วนทุกชิ้น จากนั้นจึงมีการนำชิ้นส่วนต่างๆ มาประกอบขึ้นเป็นตัวเรือใหม่ซึ่งเหมือนกับการต่อจิ๊กซอว์ขนาดมหึมา
ในขณะนี้เรือวอซาได้ถ่ายทอดความรู้ในยุคของมัน และยังคงมีการศึกษาวิจัยอย่างต่อเนื่องถึงวิธีการสงวนรักษาตัวเรือให้ดีที่สุดตั้งแต่ไม้ สลัก โครงเรือ ไปจนถึงเส้นใยผ้าต่างๆ วัตถุประสงค์: เพื่อให้เรือวอซาสามารถอยู่รอดไปถึงคนรุ่นใหม่ๆ ในอนาคต
พรุ่งนี้จะเดินทางข้ามประเทศสู่ประเทศนอร์เวย์ อีกหนึ่งประเทศในแถบสแกนดิเนเวียที่มีความสวยงามทางธรรมชาติ และวัฒนธรรมของไวกิ้ง ติดตามตอนต่อไปนะครับ
โฆษณา