31 ส.ค. 2020 เวลา 05:37 • สุขภาพ
เรื่องเล่าเม้าท์ไปเรื่อย ตอน เมียนมาร์กำลังแย่........
ประเทศเมียนมา ช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมากำลังเจอปัญหาหนักเพราะมีการระบาดของเชื้อโควิด 19 ลุกลามอย่างรวดเร็วจนแทบรับมือไม่ไหว มีรายงานการติดเชื้อในประเทศแล้ว 602 ราย เสียชีวิต 6 ศพ โดยระบาดในรัฐยะไข่ ทั้งนี้ ฝั่งตะวันตกของประเทศเมียนมายังมีพรมแดนติดกับบังกลาเทศและอินเดียที่มีการระบาด
2
Timeline ของการระบาดมีดังนี้
- วันที่ 16 ส.ค. 63 ที่ผ่านมาตรวจพบ Local Transmission ในเมียนมาขึ่้น 1 กรณี หลังจากที่ไม่เกิดมาเลย 1 เดือนเต็ม นี่คือวันแรกของ 2nd Wave ในเมียนมา
- วันที่ 21 ส.ค. 63 ตรวจพบผู้ติดเชื้อ 2nd Wave รวม 45 คนหลังจากผ่านมาได้ 6 วันนับจากวันแรก
- วันที่ 24 ส.ค. 63 ตรวจพบผู้ติดเชื้อ ของ 2nd Wave รวม 100 คน เพิ่มขึ้น 2 เท่าภายใน 3 วัน มีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มเป็นสองเท่า ในระยะเวลาแค่ 3 วัน
- วันที่ 26 ส.ค. 63 ตรวจพบผู้ติดเชื้อ ของ 2nd Wave รวม 206 คน มีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มเป็นสองเท่าเพียง 2-3 วัน
1
จะเห็นได้ว่าสถานการณ์ช่วง 10 วันที่ผ่านมา ยืนยันได้แน่นอนว่าเป็นการระบาดในระลอกที่ 2 ซึ่งมีความรุนแรงกว่าการระบาดในระลอกแรกมาก
ทำให้รัฐบาลเมียนมาร์ ต้องออกประกาศให้มีการ Lockdown บางส่วน บังคับให้ประชาชนอยู่กับบ้าน และประกาศเคอร์ฟิว เวลา 21.00- 04.00 น. คนเดินทางออกจากยะไข่จะถูกกักตัว 14 วันและให้กักในที่พักอีก 7 วันรวม 21 วัน
2
สิ่งที่น่ากลัวกว่านั้นคือ รองผู้อำนวยการสำนักวิจัยทางการแพทย์ของพม่าได้ออกมายอมรับว่า เชื้อไวรัสที่พบครั้งนี้เป็นแบบเดียวกับเชื้อไวรัสกลายพันธุ์ที่พบในมาเลเซียเมื่อต้นสัปดาห์ ซึ่งพบระบาดในยุโรป อเมริกาเหนือ และบางพื้นที่ของเอเชีย เป็นสายพันธุ์ที่ทำให้เกิดการติดเชื้อมากกว่าเดิม และอัตราการแพร่เชื้อเร็วขึ้น
1
ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ส่วนใหญ่พบในเมืองสิตตะเว ที่เจ้าหน้าที่ได้ออกคำสั่งเคอร์ฟิวและให้ประชาชนอยู่กับบ้าน ส่วนสายการบินภายในประเทศก็ระงับบริการเที่ยวบินระหว่างเมืองสิตตะเวและนครย่างกุ้ง
2
เมืองสิตตะเวแห่งนี้ยังเป็นที่ตั้งของค่ายพักที่ชาวมุสลิมโรฮิงญาราว 100,000 คน และมีประชาชนหลายหมื่นคนอาศัยอยู่ในค่ายผู้พลัดถิ่นทั่วรัฐยะไข่ เนื่องจากการต่อสู้ระหว่างกองกำลังของรัฐบาลและกลุ่มก่อความไม่สงบชาติพันธุ์
1
นั่นยิ่งทำให้การค้นหาและการควบคุมยิ่งทำได้ยากขึ้นไปอีก..........
1
อย่างที่ทราบกันว่า ประเทศเมียนมาร์มีพรมแดนที่ติดกับประเทศไทย ดังนั้นพื้นที่พรมแดนของไทย จึงได้มีมาตรการป้องกันอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันและเฝ้าระวังแรงงานต่างด้าวในพื้นที่พรมแดน อย่างไรก็ตามไทยมีพรมแดนทางบกที่ติดต่อกับประเทศเมียนมาร์หลายร้อยกิโลเมตร ทำให้ยากลำบากที่จะเฝ้าระวัง
ฝ่ายมั่นคง ทั้งทหารและปกครอง หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้เพิ่มความถี่และความเข้มงวด ในการตรวจตรา ร่วมกับหน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่ อสม.ท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เพื่อป้องกัน เฝ้าระวัง ดูแลสอดส่องคนแปลกหน้าในพื้นที่ และแรงงานต่างด้าวที่อาจหลบหนีเข้ามายังประเทศไทย
ด่านขนส่งสินค้าชายแดนก็ได้ปรับความเข้นข้นของการเฝ้าระวัง โดยมีมาตรการคุมรถขนส่งสินค้า ที่มาจากประเทศเมียนมาร์ ไม่ให้มีการลงรถ ให้ขนถ่ายสินค้าขึ้นรถแล้วกลับเลย ส่วนท่าข้ามธรรมชาติ เพิ่มเจ้าหน้าที่ดูแลตลอด 24 ชั่วโมง ให้ อสม.เข้ามาร่วมลาดตระเวน
ตอนนี้แนวโน้มการระบาดของเชื้อโควิด19 ในเมียนมาร์ยังไม่มีทีท่าจะดีขึ้น ความเป็นไปได้เลวร้ายที่สุดคือเมียนมาร์ถูกโควิดตีแตก และระบาดไปทั่วแบบประเทศฟิลิปปินส์ นั่นย่อมส่งผลโดยตรงต่อประเทศไทยอย่างแน่นอน ทั้งแรงงานต่างด้าว การค้าชายแดน รวมถึงการเข้าออกชายแดนอย่างผิดกฎหมาย
นั่นทำให้ไทยต้องเฝ้าระวังอย่างเข้มข้นต่อเนื่อง.........
โฆษณา