29 ส.ค. 2020 เวลา 16:04
รีวิว Tenet
การกลับมาครั้งสำคัญของผู้กำกับ คริสโตเฟอร์ โนแลน อีกหนึ่งผู้กำกับในดวงใจของนักดูหนังทั่วโลก ที่ทุกผลงานของเขาต้องสร้างให้เกิดความคาดหวังได้ทุกครั้ง
รวมทั้งผลงานล่าสุด Tenet ที่ไม่ใช่แค่ความคาดหวังในตัวคุณภาพของหนัง แต่ยังเป็นความคาดหวังของธุรกิจโรงหนังหลังสถานการณ์โควิด-19 ที่ว่าพลังในชื่อเสียงและคุณภาพงานของผู้กำกับที่ไม่เคยทำให้ผิดหวัง จะช่วยดึงให้คอหนัง หวนกลับมาตีตั๋วดูหนังในโรงภาพยนต์กันแบบคึกคักอีกครั้ง
ซึ่งเมื่อว่ากันถึงกระแสปากต่อปาก สังเกตจากความเคลื่อนไหวในโลกโซเชียล เราจะเห็นคนโพสต์เชิญชวนไปดูหนัง Tenet โผล่ขึ้นมาในฟีดกันพอสมควร อย่างไรก็ตาม ถึงใครจะเชิญไม่เชิญ ถ้าคุณเป็นคนชอบดูหนังคุณภาพที่มีความเป็นแมสควบคู่กันไปด้วย Tenet เป็นอีกเรื่อง ที่หากคุณพลาดชมในโรงภาพยนตร์ จะเป็นสิ่งที่น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่ง
Tenet ถือเป็นงานถนัดอีกครั้งของ คริสโตเฟอร์ โนแลน ที่เขาชอบเล่นสนุกกับเรื่องของ "เวลา" หนังสร้างชื่อของเขา ล้วนปั่นหัวคนดูให้ได้ขบคิดกันอย่างหนัก(แต่สนุก) ในเรื่องของเวลาทั้งสิ้น ทั้ง Memento Inception และ Interstellar สำหรับ Tenet ก็ไม่ต่างกันนัก แต่ส่วนที่ต่างกว่าทุกเรื่องก็คือ Tenet สามารถปั่นหัวคนดูให้กระเจิดกระเจิงและงงงวยกับเรื่องของเวลาแบบไม่บันยะบันยังมากที่สุด
Tenet เป็นอีกครั้งที่แสดงให้เราได้เห็นถึงความฉลาดปราดเปรื่องในวิธีการเล่าเรื่องของ โนแลน และหาทางออกในการเล่าเรื่องของเวลา ที่ไม่ไปซ้ำกับงานเดิมๆของเขา ดังนั้นใครที่กำลังเกิดคำถามในใจว่า "เล่าเรื่องของเวลาอีกแล้วเหรอ?" และกำลังคิดว่า "แบบนั้นก็คงจะเดิม ๆ ไม่น่าจะมีอะไรใหม่" คุณกำลังคิดผิดแน่นอน
เล่าเรื่องชายหนุ่มสายลับ ที่ต้องทำหน้าที่กอบกู้โลก จากหายนะที่ยิ่งใหญ่ยิ่งกว่าระเบิดนิวเคลียร์ แต่มันคือการย้อนกลับไปสู่จุดที่ไม่เคยมีแม้กระทั่งโลกนี้หรือมนุษย์เกิดขึ้นมา
ช่วงแรก ๆ ไปจนถึงช่วงกลาง ๆ ของหนัง อาจดูนิ่ง ๆ เรียบ ๆ มีความน่าเบื่อ(เบา ๆ) แต่จงตั้งใจดูไปเถอะแล้วจะเกิดผล เพราะมันเป็นช่วงเก็บรายละเอียด รายละเอียดเยอะขนาดตั้งใจดูก็อาจจะยังตามหนังไม่ทัน แต่ก็แปลกที่แม้จะดูไปงงไป แต่ Tenet ก็ทำให้เรารู้สึกอยากติดตามอยู่ตลอด เพราะอยากจะรู้ว่า "นี่ฉันกำลังดูอะไรอยู่?" เป็นความอยากเอาชนะความงงงวยสับสนต่าง ๆ ที่อยู่บนจอให้ได้ แต่ในที่สุดก็ยังงงอยู่ดี
แต่ที่บอกว่า จงตั้งใจดูไปเถอะแล้วจะเกิดผล เพราะเมื่อผ่านช่วงกลางของหนัง เรื่อยไปจนหนังจบ ไอ้สิ่งที่เรางง ๆ มาตลอดตั้งแต่ต้นเรื่อง ก็จะเริ่มคลี่คลาย ให้เราเกิดความเข้าใจขึ้นมา(บ้าง) บวกกับฉากแอ็คชันที่ทั้งมันส์และแปลกใหม่ รับรองว่าไม่เคยเห็นในหนังเรื่องไหนมาก่อนแน่ ทำให้ภาพรวมของ Tenet กลายเป็นหนังที่ดูแล้ว "งงที่สุด แต่ก็สนุกที่สุด" ได้ในเวลาเดียวกัน ซึ่งหนังเหมาะที่จะดูมากกว่าหนึ่งรอบ อาจต้องสองหรือสามรอบ เพื่อเก็บรายละเอียดที่เราอาจตกหล่นไประหว่างทาง เพราะรายละเอียดเยอะจริง ๆ อย่างที่บอก
ทีมนักแสดงเล่นดีหมด แจ้งเกิดอย่างเต็มตัวแน่ ๆ ก็คือพระเอกของเรื่อง จอห์น เดวิด วอชิงตัน ลูกชายของพระเอกรุ่นใหญ่ แดนเซล วอชิงตัน แต่ที่โดดเด่นที่สุด ก็คือตัวร้ายของเรื่อง รับบทโดย เคนเนจ บราน่าห์ ที่แสดงได้เหี้ยมและเลือดเย็นสุด ๆ ขณะที่ โรเบิร์ต แพททินสัน บทสมทบของเขาใน Tenet จะทำให้เขากลับมาถูกพูดถึงและได้อยู่ในกระแสหลักของฮอลลีวูดอีกครั้ง เป็นการปูทางที่ดี ก่อนที่เขาจะกลับมาอยู่ในกระแสหลักอย่างเต็มตัว กับบทบาท Batman คนใหม่
สรุป Tenet ไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอน ในแง่ความเป็นหนังคุณภาพ ด้วยความแปลกใหม่ในวิธีการนำเสนอ มีชั้นเชิง และชาญฉลาดในการหลอกล่อคนดูให้อยากติดตามหนังไปจนจบ
ส่วนคอหนังตลาด ก็ดูได้อย่างสนุกมาก(แบบงง ๆ) เช่นกัน เหมาะกับคนที่อยากดูหนังที่ทั้งได้ลุ้นระทึก และได้บริหารสมองไปด้วยพร้อม ๆ กัน
โฆษณา