30 ส.ค. 2020 เวลา 13:53 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
รีวิว TENET หนังแห่งปีที่สุดจะทะเยอทะยาน ทั้งคนทำหนังและคนดู (ไม่สปอยล์)
TENET หนังเรื่องใหม่ของคริสโตเฟอร์ โนแลน ที่เล่าเรื่องได้เหนือความคาดหมายของคนดู และยากเกินที่จะคาดเดาได้ง่าย และชวนคนดูกลับเข้าโรงหนังอีกครั้ง
หลังจากโรงหนังในบ้านเราได้เปิดบริการ หลังจากที่มีการแพร่ระบาดของ ไวรัสโควิด-19 ก็ยังไม่มีหนังใหญ่ๆ หนัง Blockbuster เข้ามาฉายมากนัก ส่วนใหญ่เป็นหนังเล็กๆ หนังที่ยังค้างอยู่ในตารางฉายเดิม ไม่ก็หนังสารคดี หนังนอกกระแส
แต่ในตอนนี้ ดูเหมือนว่าจะมีหนังใหม่ Blockbuster ที่เริ่มพร้อมจะกลับเข้ามาฉายในโรงหนังบ้านเราอีกครั้ง เรื่องแรกคือ Tenet หนังใหม่ของ คริสโตเฟอร์ โนแลน ที่นำเสนอโดย จอห์น เดวิด วอชิงตัน และ โรเบิร์ต แพตตินสัน ซึ่งเป็นหนังที่ชาวโลกรอคอยเพื่อที่จะดู แต่ก็ดันเจอโควิด-19 ซะก่อน จึงถูกเลื่อนฉายมาเรื่อยๆ
ความน่าสนใจของ Tenet คือ เป็นหนังที่กล่าวไว้ว่า เป็นหนังที่ทะเยอทะยานที่สุดเท่าที่เคยทำมา ไม่ว่าจะเป็น The Dark Knight Trilogy , Inception , Interstellar และ Dunkirk และเป็นหนังที่เก็บความลับของตัวละครและเนื้อเรื่องได้เก่งมาก จนกระทั่งถึงวันนี้ เราก็ยังไม่รู้เลยว่าหนังจะเล่าถึงอะไรกันแน่ (ยกเว้นคนที่ไปดูหรืออ่านสปอยล์แล้ว)
คำเตือน : เนื้อหาทั้งหมดอาจจะเปิดเผยเรื่องย่อและเนื้อหาของหนังบางส่วน โปรดเลี่ยง ถ้าผู้อ่านต้องการสุนทรียภาพในการชม Tenet
Tenet เรื่องถึงสายลับหนุ่ม (รับบทโดย จอห์น เดวิด วอชิงตัน) ได้เข้าไปมีส่วนรู้เห็นเกี่ยวกับอาวุธ สิ่งของที่อาจจะก่อให้เกิดอันตรายต่อมวลมนุษยชาติ เข้าจึงต้องรับภารกิจเพื่อหยุดยั้งสงครามโลกครั้งที่ 3 หรืออาจจะรุนแรงกว่านั้น โดยสิ่งที่เขาต้องพบเจอจะไม่ใช่เหตุการณ์ธรรมดา เพราะมันเป็นเหตุการณ์ที่จะต้องเจอกับรังสีที่ทำให้วัตถุสามารถย้อนเวลาได้ และอันตราย โดยมีผู้ช่วยอย่าง นีล (รับบทโดย โรเบิร์ต แพตตินสัน) มาช่วยสายลับหนุ่มตลอดภารกิจ
หลังจากรับชม ต้องยอมรับว่า หนังเรื่องนี้ ทะเยอทะยาน ตามที่ทุกคนเคยกล่าวไว้จริงๆ หนังมีความฉลาดในการเขียนบทและกำกับค่อนข้างสูง ไม่ว่าจะเป็นการใช้ทฤษฎีทางฟิสิกส์มาใช้ประกอบการเล่าเรื่องและเหตุการณ์ในหนังทั้งหมด เช่น การไหลย้อนกลับของวัตถุ การที่มนุษย์เคลื่อนที่ถอยหลัง มีการอ้างอิงทางกฏฟิสิกส์ด้วยกันทั้งนั้น ซึ่งในจุดนี้ อาจจะทำให้ผู้ชมทั่วไป ยากที่จะเข้าถึงได้ง่าย จนอาจจะต้องไปดูซ้ำรอบ 2 ก็เป็นได้ (เอ๊ะ นี่เป็นแผนของผู้สร้างหรือเปล่า)
ในส่วนของการแสดง ทำให้เรารู้สึกว่า ผู้กำกับกำลังทำหนังสายลับเจมส์ บอนด์ ในแบบฉบับของตนเอง โดยมีเนื้อเรื่องที่เข้าใจยากกว่า และซับซ้อนกว่านั้น ส่วนเรื่องราวที่มาของตัวละคร ค่อนข้างปูที่มาที่ไปค่อนข้างน้อย ผู้ชมอาจจะไม่ผูกพันกับตัวละคร แต่อาจจะชื่นชอบนักแสดงในหนังเรื่องนี้ก็เป็นได้ (แน่นอน ไม่พ้น โรเบิร์ต แพตตินสัน แน่ๆ)
Tenet จะเป็นอะไรที่ใหม่สำหรับ คริสโตเฟอร์ โนแลน อย่างมาก นอกจากเนื้อเรื่องที่ซับซ้อนแล้ว เขายังต้องทำงานกับทีมงานคนใหม่ๆ เพราะเดิมที คริสโตเฟอร์ โนแลน จะมีทีมงานหน้าเดิมๆ อย่างเช่น นักแสดงอย่าง ไมเคิล เคน ที่เรื่องนี้มาเล่นด้วยในบทเล็กๆ น้อยๆ
ส่วนที่ได้ทีมงานใหม่อย่าง คนทำดนตรีประกอบ เพราะเดิมที คนทำหน้าที่นี้จะเป็น ฮาน ซิมเมอร์ แต่ครั้งนี้ ฮาน ซิมเมอร์ไม่สามารถมาร่วมงานได้ เนื่องจากต้องไปทำดนตรีประกอบให้หนังเรื่อง Dune ที่จะเข้าฉายในปลายปีนี้ ครั้งนี้ได้ ลุดวิก เยอรันส์ซอน นัดนตรีชาวสวีเดน ที่เคยฝ่กผลงานใน Black Panther มาทำดนตรีประกอบให้ และยังได้คนตัดต่อคนใหม่อย่าง เจนนิเฟอร์ เลม นักตัดต่อสาวที่เคยฝากผลงานอย่าง Marriage Story มารับหน้าที่นี้แทน ลี สมิธ นักตัดต่อเจ้าประจำของโนแลน
อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่า หนังพูดเรื่องของ "เวลา" ที่ทั้งพูดถึงอดีต ปัจจุบัน อนาคต ที่มันผกผันอยู่ตลอดทั้งเรื่อง อาจจะทำให้ผู้ชมบางส่วนที่มาดูหนังเรื่องนี้เป็นครั้งแรก งงกับหนัง ซึ่งมันไม่ผิดแถมอาจจะเป็นเรื่องธรรมดาด้วยซ้ำ เพราะไม่เคยมีภาพยนตร์เรื่องไหน เล่าเรื่องแบบนี้มาก่อน นี่จะเป็นหนังแอ็คชั่น ไซไฟ ทริลเลอร์ สายลับที่น่าจะเป็นที่พูดถึงตลอดไป เหมือนที่ Inception เคยคว้าตำแหน่งหนังซ้ำซ้อนและคาใจคนดูมาอย่างยาวนาน
ดังนั้น การจะบอกว่า Tenet เป็นหนังที่ดีไหม ถ้าพูดถึงเนื้อเรื่อง หนังมีความยากที่จะให้คนดูเข้าใจ แต่ถ้าพูดถึงแนวคิดของหนัง และการนำเสนอ มันจะเป็นหนังที่ยอดเยี่ยมแห่งปีและศตวรรษนี้ก็เป็นได้ ยิ่งถ้าคุณมีความรู้ทางด้านฟิสิกส์ คุณจะรักหนังเรื่องนี้และยอมซื้อตั๋วดูหลายๆ รอบจนกระจ่างกันไปข้างนึงเลย และสุดท้าย ควรชมในโรงภาพยนตร์เท่านั้น ยิ่งดูในโรง IMAX คุณภาพของภาพและเสียง จะทำให้คุณได้สุนทรียในการดูหนังที่ดีเยี่ยมกันไปเลย
โฆษณา