31 ส.ค. 2020 เวลา 00:30 • สุขภาพ
จับตาแนวชายแดน เมื่อเพื่อนบ้านเริ่มลักลอบหนีโควิดเข้าไทย
เมียนมาร์- เวียดนาม ระบาดหนัก ดักจับแทบรายวัน
เวลานี้ต้องยอมรับว่าประเทศไทยเป็นเหมือนป้อมปราการที่ดีที่สุดของโลกในการลี้จากภัยของการแพร่ระบาดไวรัสวิด – 19 ซึ่งผู้คนนานาประเทศต่างอยากจะเข้ามาลี้ภัยไวรัสในไทยหากเป็นไปได้ รวมทั้งผู้คนในประเทศเพื่อนบ้านที่ทั้งพรมแดนอยู่ติดและไม่ติดกับไทย ต่างก็เริ่มดิ้นรนหนีตายจากสถานการณ์ในประเทศที่กำลังย่ำแย่จากเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจนตกงาน เพื่อลักลอบข้ามพรมแดนเข้ามา แม้จะเสี่ยงต่อการถูกจับกุมก็ตาม
1
ล่าสุดสำนักข่าว VN Express ของประเทศเวียดนามได้มีการรายงานว่า ชาวเวียดนาม 13 คน ถูกจับรวบตัวที่ชายแดนลาว - เวียดนาม ขณะที่กำลังพยายามข้ามพรมแดนเข้าสู่ประเทศลาว โดยมีจุดหมายปลายทางอยู่ที่ประเทศไทย
พวกเขายอมจ่ายเงินคนละ 17 ล้านด่อง หรือราว 22,830 บาท ให้กับนายหน้าค้ามนุษย์เพื่อพาเข้าประเทศลาวก่อนพักในโรงแรมลับแห่งหนึ่ง แล้วจึงเดินทางต่อไปยังประเทศไทยโดยมีนายหน้ารับช่วงต่อ ซึ่งนายหน้าค้ามนุษย์เหล่านี้ได้ให้สัญญาว่าเมื่อมาถึงประเทศไทยแล้วจะมีงานทำอย่างแน่นอน แต่พอถูกตัดตอนขบวนการลักลอบเดินทางเสียก่อนนายหน้าคนนี้ก็หายตัวไป
แม้จะมีการสั่งปิดพรมแดนระหว่างลาวกับเวียดนามมาตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน พร้อมกับตั้งหน่วยเฝ้าระวังตามแนวชายแดนถึง 84 แห่ง มีกำลังเจ้าหน้าที่กว่า 400 นายคอยลาดตระเวนตลอดระยะทางยาว 179 กิโลเมตร แต่ก็มีช่องทางธรรมชาติที่เป็นภูเขาสูงและป่ารกทึบที่สามารถให้ผู้ลักลอบเล็ดรอดข้ามพรมแดนได้ ซึ่งเป็นงานยากอย่างยิ่งในการตรวจสกัดและป้องกัน
นับจากวันที่เวียดนามถูกตีแตกจนเกิดการระบาดเป็นรอบที่ 2 สถานการณ์ในประเทศก็เริ่มแย่ลง มีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นรายวัน และทางการเวียดนามยอมรับว่าไม่มีความเสี่ยงที่กระแพร่ระบาดในประเทศจะรุนแรง จนไม่สามารถแก้ไขได้ทัน อีกทั้งระบบสาธารณสุขในประเทศเวียดนามโดยเฉพาะโรงพยาบาลของรัฐที่ยังไม่พัฒนาเท่าที่ควร ทำให้การรักษาผู้ป่วยอาจจะรับมือไม่ไหว โดยเมื่อต้นเดือนสิงหาคมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขของเวียดก็ออกมายอมรับเอง
2
ประกอบกับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นที่ทำให้เศรษฐกิจหดตัว และส่งผลให้มีผู้คนตกงานเป็นจำนวนมาก รัฐบาลเวียดนามคาดการณ์ว่าน่าจะมีผู้ตกงานสูงถึง 5 ล้านคน มันจึงเป็นเหตุผลให้เกิดความพยายามในการเดินทางหนีออกนอกประเทศของประชาชน ซึ่งจุดหมายปลายทางก็คือประเทศไทยซึ่งมีความปลอดภัยจากการระบาดของไวรัสสูงที่สุดของโลกและหางานทำในระดับชนชั้นกรรมาชีพง่ายกว่า
อีกหนึ่งประเทศที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสยังน่าเป็นห่วงและต้องจับตาเฝ้าระวังแนวชายแดนให้ดีก็คือ เมียนมา เพราะสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสในเมียนมาเองก็รุนแรงเพิ่มขึ้น และคุมสถานการณ์ไม่อยู่อีกต่อไป จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนล่าสุด 30 สิงหาคม มีผู้ติดเชื้อเพิ่มเป็น 750 ราย โดยเฉพาะในค่ายผู้ลี้ภัยชาวโรฮีนจาที่มีการแพร่ระบาดอย่างกว้างขวาง จนเข้าขั้นเรียกว่าเป็น “หายนะ” ทางการนครย่างกุ้งเริ่มก่อสร้างโรงพยาบาลสนาม และปรับพื้นที่อาคารบางแห่งให้กลายเป็นโรงพยาบาลชั่วคราวแล้ว
การรับมือที่เชื่องช้า คำสั่งในมาตรการจำกัดทางสังคมที่ไม่เข้มงวดของทางการเมียนมาส่งผลกระทบต่อการแพร่ระบาดของไวรัส การให้ความรู้ต่อประชาชนที่ไม่สามารถเข้าถึงได้ในทุกกลุ่มกำลังกัดกินสังคมเมียนมา จนทำให้มีความพยายามเดินทางลักลอบข้ามพรมแดนเข้าสู่ประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง
ประเทศไทยกับเมียนมาถือว่าเป็นประเทศที่มีพรมแดนติดกันตั้งแต่เหนือจรดใต้ยาวถึง 2,202 กิโลเมตรจาก 10 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ตาก กาญจนบุรี ราชบุรี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ระนอง และชุมพร โดยมีจุดผ่านแดนทั้งถาวรและชั่วคราว 17 จุด นอกนั้นเป็นแนวพรมแดนธรรมชาติซึ่งมีทั้งจุดอับและจุดบอดอยู่มาตามลักษณะภูมิประเทศ ซึ่งยากแก่การตรวจตราอย่างทั่วถึง
1
อีกทั้งนับตั้งแต่เกิดกระระบาดระรอกที่ 2 ในเมียนมา ก็พบว่ามีชาวเมียนมายอมเสี่ยงที่จะถูกจับกุมลักลอบข้ามพรมแดนในจุดช่องทางธรรมชาติ และมีคนไทยบางส่วนรู้เห็นในการพากลุ่มคนเหล่านี้เข้าประเทศ โดยชาวเมียนมาเหล่านี้ต้องจ่ายเงิน 3,000 – 5,000 บาทเป็นค่านายหน้าเพื่อลักลอบเข้าประเทศไทย
1
อย่างไรก็ตามเวลานี้ประเทศไทยค่อนข้างเป็นจุดที่ปลอดภัยที่หลายๆ ประเทศเริ่มหาทางเข้ามาให้ได้ ไม่ว่าจะถูกกฎหมายหรือผิดกฎหมาย ซึ่งความปลอดภัยนี่เองก็เหมือนเป็นดาบสองคมที่ทำให้เป็นที่หมายปองในการลี้ภัยไวรัสและหางานทำ ซึ่งมันเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงได้ยาก
โฆษณา