31 ส.ค. 2020 เวลา 00:24 • นิยาย เรื่องสั้น
วัยรุ่นคะนองกรุง ตอนที่ ๔
#ปุ๊กรุงเกษม
ปังตอหนาหนักและคมกริบ กระหน่ำลงบนแผงอกหนุ่มแน่นรุ่นใหญ่กว่าจังเบอร์! เสียงดังแน่นทึบสะเทือนรูหูอย่าบอกใคร! แต่แทนที่จะฝังคมจมลึกลงไป หรือเปิดบาดแผลเหวอะหวะเลือดกระฉูด มีดสับเล่มโตกลับกระเด้งคืนอย่างไม่น่าเชื่อ และโดยที่คนถูกฟันไม่มีบาดแผลให้เห็นแม้เพียงน้อยนิด มันไม่ผิดอะไรกับฟันยางรถยนต์!
เสียงเคลื่อนไหวพรวดพราดกะทันหันและเสียงปังตอกระทบเป้า ทำเอาบรรดาโชเฟ่อร์สามล้อเครื่องรวมทั้งพ่อค้าแม่ขายที่ตั้งวางหาบริมทางบริเวณใกล้เคียง ตลอดจนชาวบ้านนักช้อปปิ้งที่เดินหาซื้อของต่างสะบัดหน้าหันขวับมามองทันควัน! และแล้วก็สะดุ้งผวากันเป็นระนาว ตามด้วยเสียงเอะอะมะเทิ่ง โวยวายเจี๊ยวจ๊าวประสานกันเซ็งแซ่! ก็ใครจะเฉยอยู่ได้ เมื่อเห็นคนฟันกันด้วยปังตอเล่มบะเร่อตำตา ขณะเดียวกันหนุ่มกำยำเลยวัยเบญจเพสซึ่งถูกมีดสับถล่มกลางอก และผงะเซซังถอยไปสองสามก้าวด้วยแรงปะทะ หนักหน่วงก็ยังตะลึงเซ่ออย่างไม่วายตื่นตระหนก เพราะความดุดันร้อนแรงของเด็กรุ่นหลังกับอาวุธที่กำติดมือ เป็นสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก! ส่วนจอมระห่ำจากสะพานขาว เพียงแต่แปลกใจและมึนงงที่ปังตอไม่ระคายผิวปรปักษ์ ทั้งๆที่ฟันเต็มเรี่ยวแรง และฟันด้วยคมแน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์!
เขาชะงักอยู่ไม่กี่วินาทีก็เงือดเงื้อมีดสับขาวปราบน่าหวาดเสียว ทะยานเข้าใส่คนสูงวัยกว่าเป็นคำรบสอง ท่ามกลางเสียงร้องกรีดกราดของแม่ค้าประดามี ที่ทิ้งหาบกระเจิงหนีกันจ้าละหวั่น! พริบตาเดียวก็ถึงตัวฝ่ายตรงข้ามซึ่งยังงงไม่ทันตั้งสติ ปังตอหวดลงไปสุดลิ่มทิ่มประตูเช่นเคย
บึ้ม....!!!
"อั่กก์....!!"
พระเจ้า!
มีดสับคมกริบกระเด้งวืดราวกับติดสปริง! หนุ่มใหญ่เพียงแต่สำลักเสียงจุกเสียดออกมาสั้นๆ และผงะเซแซ่ดๆ ถอยหลังด้วยแรงฟันชนิดโหมใส่ทั้งตัว! แผงอกซึ่งเป็นเป้าหมายไม่มีบาดแผล! ถึงตรงนี้ ไอ้รุ่นหน้าจืดตระหนักแน่แล้วว่า มาเจอเอาคนมี #ของดี หรือไม่ก็หนังเหนียว ขืนโอ้เอ้ชักช้ารอให้พี่แกตั้งตัวได้ ย่อมจะประสบเภทภัยมากกว่าวาสนา ชะดีชะร้ายยังจะถูกตำรวจซิวเข้าซังเตอีกต่างหาก! เขาหมุนตัวหันกลับ ก้มลงฉกมือซ้ายคว้าสมุดบัญชีที่ใช้เป็น "ซองปังตอ" ซึ่งหล่นแบหงายอยู่กับพื้นก่อนอื่น จากนั้นก็พยักหน้ากับ #ตี๋มากเวอริค ซึ่งยืนคุมเชิงอยู่ไม่ห่างเพื่อคอยขัดขวางช่วยเหลือยามเพลี่ยงพล้ำ
"เผ่นกันเร็ว"
ไม่ทันขาดคำ สองไอ้รุ่นโจนแผล็วเข้าปนไปกับฝูงชน ที่กำลังแตกตื่นวิ่งพล่านสับสนเรรวนไม่เป็นส่ำ! และก็อาศัยความชุลมุนวุ่นวายเป็นฉากกำบังปลีกตัวหนีจากที่เกิดเหตุได้ไม่ยากเย็น เรื่องแบบนี้ พวกเขาผ่านประสบการณ์มาอย่างโชกโชนและช่ำชอง!
สิบกว่านาทีให้หลังหล่อกับตี๋ก็อ้อมไปยืนเกร่อยู่ริมถนนอีกฟากหนึ่งของสนามหลวง รอรถประจำทางกลับถิ่นย่านมหานาคสะพานขาว ผู้คนรอบข้างไม่มีใครรู้หรือแม้แต่ระแคะระคายว่าทั้งคู่เพิ่งก่อเหตุร้ายมาหยกๆ หล่อจอมระห่ำ หนีบสมุดยาวติดซอกรักแร้ซ้ายในลักษณะเดิม ท่าทางเหมือนนักเรียนนักศึกษาทั่วไป และนอกจากอาตี๋เพื่อนคู่หู ไม่มีใครรู้อีกเช่นกันว่าในสมุดซ่อนมีดสับๆไว้เล่มบะเร่อ! ปังตอคมกริบที่ทำให้เขาผิดหวัง ด้วยว่ามันไม่ระคายผิวคู่ต่อสู้ แต่นั้นก็เป็นครั้งแรกและครั้งเดียว หลังจากนั้น ปังตอไม่เคยเด้งหนีเป้าฉัวะฉับก็เลือดสาดทุกครั้งครา
ช่วงเดียวกับที่ #หล่อปังตอ และ #แดงไบร์เล่ย์ เบ่งบารมีเติบโตขึ้นในแวดวงยุทธจักรวัยรุ่นฝั่งพระนคร #ปุ๊วัดมอญ ตัวแสบย่านวงเวียนเล็กก็ซ่าสุดเดชอยู่ทางฝั่งธนบุรี เขากร่างมันไปทั่วแทบจะทุกตรอกซอกซอย! ใครดังขึ้นมาในพื้นที่ไหน ปุ๊มักจะเที่ยวไปลองของวัดชั้นกันให้รู้ว่าหมู่หรือจ่า บางครั้งไปเจอเอาของแข็งขนาดเคี้ยวไม่ลงก็ยังมี! คู่ซี้ที่ติดสอยห้อยตามกันเป็นปาท่องโก๋คือ #เจตน์หลังวัง ซึ่งเปรียบเสมือนตัวเบรกอารมณ์ร้อนมุทะลุของปุ๊ วัดมอญ เพราะตามปกติ เจตน์จะสุขุมรอบคอบเยือกเย็นกว่าและมีความคิดอ่านในการวางแผน แหล่งสิงสู่ของปุ๊กับพรรคพวก จะอยู่ที่ร้านสัมพันธ์หรือไม่ก็ร้าน "หมวยจู" ในละแวกเดียวกันย่านเชิงสะพานพุทธ แต่ที่ปักหลักนั่งสุมกันบ่อยกว่าน่าจะได้แก่ร้านหลัง เนื่องจากหมวยจูเป็นสาวรุ่นเชื้อจีนผิวขาว ผ่องหน้าตาจิ้มลิ้มสะสวย อกอวบเอวเล็กเอวบาง ขณะที่สะโพกผาดผายงอนช้อยแน่นหนั่น มองเพลินเจริญตาและวาดจินตนาการไปได้ไกลลิบ! สะโพกสาวเจ้าจึงเป็นเสน่ห์ของร้านไปโดยปริยาย
ใครต่อใครชอบมานั่งมองกันเป็นประจำ! ค่ำนั้น ร้านหมวยจูก็คึกคักไปด้วยวัยรุ่นจากย่านวงเวียนเล็กเช่นเคย แน่ละหัวโจกย่อมเป็นปุ๊ วัดมอญ เคียงข้างด้วยเจตน์ หลังวังที่มาพร้อมกับแมวและหมูน้องชาย ซึ่งคนหลังสุด ปัจจุบันคือจุลศักดิ์ อมรเวชการ์ตูนนิสต์ชื่อดัง รุ่นใหญ่ระดับปรมาจารย์ เจ้าของนามปากกา จุก เบี้ยวสกุล ทั้งกลุ่มนั่งล้อมโต๊ะใหญ่กลางร้านและด้วยนิสัยรักทั้งดีและชั่ว ก็เลยกินเหล้าแกล้มถั่วชุปแป้งทอด หรือที่เรียกง่ายๆว่าถั่วแผ่นเป็นที่ครึกครื้นรื่นเริง เพราะนานๆที จะมีโอกาสได้ตั้งวงเสพสุรากันซักหน และส่วนใหญ่ หมูซึ่งมีรายได้เป็นกอบเป็นกำจากการเขียนการ์ตูนส่งสำนักพิมพ์หลายแห่ง มักจะรับหน้าที่สปอร์นเซอร์ควักเงินเลี้ยงเหล้าพวกพ้องอยู่เสมอ ซึ่งสำหรับเขา ไม่นับว่าเป็นเรื่องสิ้นเปลืองมากมายอันใด เปล่าหรอก หมู แมว และ เจตน์ ไม่ใช่ลูกเจ้าสัวมหาเศรษฐีเงินถัง แต่สมัยนั้น แม่โขงราคาขวดละสิบบาท กวางทองแปด โซดาหกสิบสตางค์ น้ำแข็งยิ่งไม่ต้องพูดถึง เรียกว่าวางเงินลงไปแค่ยี่สิบบาทก็เมากันได้ทั้งโต๊ะ! นักเขียนการ์ตูนมือทองอย่างหมูหรือจุกเบี้ยวสกุล ย่อมจ่ายได้โดยไม่สะทกสะเทือน!
เสพสุราไปพลาง พูดคุยสรวลเสเฮฮา เล็งแลสะโพกอร้าอร่ามของหมวยจูเป็นอาหารตา ตะโกนหยอกเย้าเจ้าตัวบ้าง พอครึ้มๆ ได้ที่และสมควรแก่เวลาซึ่งเริ่มจะคล้อยดึกเหล่าเด็กหนุ่มวัยคะนองแห่งย่านวงเวียนเล็ก ก็ยกขบวนออกจากร้าน จุดหมายต่อไปที่ทุกคนเห็นพ้องต้องกันโดยไม่มีใครโต้แย้งก็คือวัดประยูรวงศาวาส เพราะที่นั่น กำลังมีงานประจำปี! ทั้งกลุ่ม เดินเลาะบาทวิถีไปจนกระทั่งถึงบริเวณเชิงสะพานพุทธ สองสามคนในจำนวนนั้นก็ขยับท่าจะก้าวลงถนนเพื่อข้ามไปยังฝั่งวัดประยูรฯ ที่มองเห็นอยู่ข้างหน้า แต่ ปุ๊ วัดมอญ กางแขนท้วงไว้
"อย่าเพิ่ง !"
เจตน์ชะงัก หันมาขมวดคิ้ว
"ทำไมล่ะ? ก็ถนนออกว่าง"
"ข้ารู้ แต่เดินข้ามมันธรรมดาเกินไป"
"เอ็งจะให้เหาะข้ามข้ามเรอะ?"
"ไม่ ! แน่จริงต้องคลานข้าม !"
หัวโจกตอบหน้าตาเฉย และทั้งๆ ที่มันเป็นความคิดเพี้ยนๆซึ่งผู้คนปกติไม่ทำกัน แต่เหล่าวัยรุ่นซ่าต่างก็เออออห่อหมกเห็นดีเห็นงามไปด้วยทั้งทีม! ครู่ต่อจากนั้น บรรดาเด็กหนุ่มคะนองทั้งหลายแหล่ ก็ลงคลานข้ามถนนตามกันเป็นทิว! พฤติกรรมพิลึกพิลั่นของบรรดาวัยรุ่นคะนองที่ชักแถวกันคลานสี่ขาข้ามถนนกลางกรุงเป็นภาพที่ไม่มีทางเกิดขึ้นได้ในพ.ศ.นี้ ไม่มีอย่างเด็ดขาด!
ภาพที่ปรากฏ ทำเอาผู้คนบทบาทวิถีทั้งสอฟากฝั่งซึ่งยังมีอยู่ประปราย เหลียวมองกันคอแทบเคล็ด และด้วยสายตาที่บอกความรู้สึกแตกต่างกัน หลายคนเพียงแต่อมยิ้ม บางรายหัวเราะด้วยความขบขัน แต่บางคนก็ทำหน้าเบื่อหน่ายทุเรศทุรังโคลงศรีษะอย่างอิดหนาระอาใจกับความพิเรนของวัยรุ่นพวกนี้ ซึ่งมักก่อเรื่องต่อยตีกันระหว่างกลุ่มเป็นอาจิณ! ช่วงหลังกึ่งพุทธกาลเล็กน้อย ถนนหนทางยังค่อนข้างว่างโล่ง แม้จะเป็นกลางวันก็ไม่สู้จะมีรถรามากนัก กลางคืนดึกดื่นยิ่งแล้วใหญ่ บางสายกลายเป็นถนนเปลี่ยวไปโดยอัตโนมัติ! ถนนประชาธิปกซึ่งยิงตรงจากเชิงสะพานพุทธฯ ไปยันวงเวียนใหญ่แม้จะไม่ถึงกับปลอดเปลี่ยวในยามค่ำคืน การจราจรก็เรียกได้ว่าอยู่ในระดับเบาบาง เหล่าเทวฤทธิ์จอมเพี้ยนจึงคลานกระต้วมกระเตี้ยมตามกันข้ามไปยังอีกฟากฝั่งได้อย่างปลอดภัย หากเป็นสมัยปัจจุบัน คงต้องต่อโลงไว้รอสถานเดียว!
พอคลานพ้นผิวจราจรขึ้นบาทวิถีฝั่งตรงข้ามทุกคนลุกเดินตีหน้าตายทำไม่รู้ไม่ชี้ รวมกันว่าไอ้การข้ามถนนวิธีนั้นเป็นเรื่องปกติธรรมดาเสียเหลือเกิน อีกเพียงครู่ใหญ่ๆ ต่อจากนั้น กลุ่มไอ้รุ่นสุดซ่าก็เข้าไปเป็นส่วนประกอบในงานประจำปีซึ่งมีการละเล่นหลากหลายมากมาย ทั้งลิเก ดนตรี หนังกลางแปลง ชิงช้าสวรรค์ มอเตอร์ไซด์ไต่ถัง และอื่นๆอีกสารพัดตามแบบฉบับของวัดทั่วไป เสียงประกาศผ่านไมโครโฟนโฆษณาอวดสรรพคุณอะไรต่อมิอะไร รวมทั้งเชิญชวนชักจูงคนดูจึงดังแข่งกันอึงคะนึงอยู่ไม่ขาดระยะ ขณะที่ทั่วบริเวณคลาคล่ำไปด้วยชาวบ้านร้านตลาดที่อุ้มลูกจูงหลานมาเที่ยวเตร่หาความสนุกสนานไปตามเรื่อง บ้างก็จับกลุ่มปักหลักดูการละเล่นที่ตัวเองชื่นชอบ บางส่วนก็ตระเวนดูโน่นดูนี่ เดินสวนกันขวักไขว่
หลายหนุ่มในกลุ่มของปุ๊ วัดมอญ เร่เข้าหา "หนังตู้" ขนาดเท่าเครื่องรับโทรทัศน์ มีกระบอกจ่อตาดูได้ทีละคนแบบ "ถ้ำมอง" หรือ "ปี๊บโชว์" ซึ่งตั้งรายเรียงกันอยู่ช้างเมรุเผาศพ แต่ #จุกเบี้ยวสกุล ซึ่งพวกพ้องเอาชื่อพี่ชายมาต่อท้ายเรียกกันว่า "หมูเจตน์" เพื่อไม่ให้สับสนปนเปกับ "หมู" อื่นๆ ที่มีอีกเป็นโหล ไม่แยแสหนังตู้ด้วยว่าเคยดูแล้วมันไม่โป๊ซักที! เขาผละแยกไปหาร้านยิงปืนอัดลมแบบเด็กเล่นที่ใช้จุกไม้ก๊อกเป็นกระสุนซึ่งอยู่ไม่ไกลกันนัก ไม่ใช่เพราะอะไรหรอก สาวรุ่นสวยจิ้มลิ้มคนหนึ่ง กำลังยืนยิงเป้าตุ๊กตุ่นตุ๊กตารูปสัตว์สารพันชนิดอยู่ตามลำพังอย่างเพลิดเพลิน และนั่นแหละ คือสิ่งที่หมูเจตน์สนใจตามนิสัยขี้หลีซึ่งติดตัวมาแต่กำเนิด! เขากะลิ้มกะเหลี่ยเข้าไปยืนใกล้ๆคนสวย ซื้อจุกไม้ก๊อกเต็มกำมือใส่กระป๋องนมเปล่าที่ตอกตะปูไว้ตรงหน้า คว้าปืนมาสาวคันโยกอัดลมบรรจุกระสุนประทับรอ และพอน้องนางตั้งท่าเล็งตุ๊กตาตัวไหน พ่อยอดชายก็ยิงมันตัวนั้นเพื่อที่จะหาทางพูดคุยผูกสัมพันธไมตรี หนักๆ เข้า สาวเจ้าก็หันมาค้อนควักตวัดเสียงอย่างไม่สบอารมณ์
"อย่ามายุ่งกะฉันได้มั้ย ?"
จุก เบี้ยวสกุล เลิกคิ้วทำหน้าซื่อไร้เดียวสา
"เอ๊ะ ? ผมยุ่งตรงไหน ?"
"ก็เป้ามีออกตั้งเยอะแยะ ทำไมต้องมาเจาะจงยิงตัวที่ฉันเล็ง ?"
"คุณเล็งไว้เรอะ ? อ๋อ........งั้นก็แสดงว่าใจเราตรงกัน"
ตอนท้าย จอมหลีทอดเสียงนุ่มพลางทำตาซึ้งซะไม่มี! แต่ไม่ทันได้วาดลวดลายอะไรมากไปกว่านั้นมือหนึ่งก็เสือกพรวดเข้ามาผลักหน้าอกเต็มแรง!
จุก เบี้ยวสกุล หรือหมูเจตน์ สำลักเสียงขลุกขลักอยู่ในลำคอฟังไม่ได้ศัพพ์ ร่างท้วมสันทัดถึงกับเซถลารูดเปะปะไปตามคอกกั้นด้านหน้าร้านยิงเป้าอย่างไม่เป็นองค์! พอขืนตัวตั้งหลักได้และฉวัดตามอง เขาก็ได้พบว่าเจ้าของมือที่ผลักอกเป็นเด็กหนุ่มวัยไล่เลี่ยกัน แต่หุ้นกำยำสูงใหญ่กว่าคนละพิกัด กำลังยืนปักหลักจังก้าท่าทางเอาเรื่อง โดยมีสาวจิ้มลิ้มเบียดกระแซะอยู่ข้างหลัง หมอถลึงตาใส่หน้านักเขียนการ์ตูนมือทองพลางแค่นคำรามดุดัน
"อย่าเสือกมาสี ผู้หญิงคนนี้แฟนเรา !"
"จะไปรู้เรอะ.....!" จอมหลีลอยหน้าเถียง ".....ไม่ได้ติดป้ายแขวนคอไว้นี่หว่า"
"ยังจะปากดีอีกเรอะ ?"
ไอ้หนุ่มแฟนสวยแค่นเสียงและขยับจะสืบเท้าเข้าหา พริบตานั้น เสียงดุกระด้างแผดเกี้ยวขึ้นอย่างปัจจุบันทันด่วน!
"หมูถอยไป !"
พร้อมกับคำท้าทาย ร่างหนึ่งโผนพรวดเข้ามาอย่างรวดเร็ว! ไม่ใช่ใครที่ไหน #เจตน์หลังวัง !
ถาพน้องชายร่วมสายเลือดที่ถูกผลักอกจนกระเด้งกระดอนเซถลาเห็นอยู่คาตา ทำให้ความสุขุมเยือกเย็นอันเป็นคุณสมบัติประจำตัว ละลายหายวับไปทันใด! ที่พล่านพลุ่งลุกโพลงขึ้นมาแทน คือโทสะกล้าร้อนแรงราวไฟนรก! เขาทะยานผละจากพรรคพวกมาโดยที่ส่วนใหญ่ยังไม่รู้เนื้อรู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้น และไม่มีใครตามทัน! พอโลดเข้ามาถึง เจตน์ หลังวัง ก็กระชากปืนจากมือจอมเจ้าชู้หมุนขวับไปหาคู่กรณีทันควัน ปืนยาวที่เงือดเงื้อขึ้นที่สูง ฟาดตูมลงไปโดยไม่เสียเวลาพูดพล่ามทำเพลง
ผัวะ....!!
เสียงดังสนั่นหู เมื่อส่วนด้ามเข่นลงบนท่อนแขนซ้ายที่หมอนั่นลนลานกวัดขึ้นรับไปตามมีตามเกิด ผู้คนรอบข้างรวมทั้งในบริเวณใกล้เคียงที่เห็นเหตุการณ์แตกฮือ! เสียงหวีดว้ายเจี๊ยวจ๊าวและเสียงเอะอะตื่นตระหนก ดังระเบ็งเซ็งแซ่ขึ้นเช่นเคย! มันคละเคล้าไปกับเสียงฝีเท้าชาวบ้านประดามี กระเจิงหนีออกห่างที่เกิดเหตุกันสับสนอลหม่าน! ก็ลูกหลงมันอร่อยซะเมื่อไหร่ ท่ามกลางความชุลมุนวุ่นวายแทบไม่รู้ใครเป็นใคร ไอ้หนุ่มแฟนสวยผลักผู้หญิงเซถลาไปทางหนึ่ง ก่อนฉวัดมือขวาคว้าปืนที่วางพิงคอกกั้นเรียงกันเป็นตับ! แต่ก็เท่านั้น มันมีโอกาสเพียงได้คว้าลำกล้อง ด้ามปืนที่เจตน์เหวี่ยงกลับแบบแบ็คแฮนด์ ก็ตีวงสวิงวูบเข้าตะวันต้นแขนข้างนั้นอย่างจริงจัง
ผัวะ....!!
"โอ๊ยย์.....!!."
หมอนั้นหลุดเสียงร้องเจ็บปวด แขนขวาตกห้อยร่องแร่งหมดเรี่ยวแรงไปทันที! พี่แกตาลีตาเหลือกยกแขนซ้ายข้นหมายปิดป้อง ทว่า เจตน์ หลังวัง กลับเฉลียนเครื่องทุ่นแรงวกลงต่ำตีช้อนเข้าใต้การ์ด
บึ้ก....!!
ไม้เนื้อแข็งด้ามปืน กระหน่ำชายโครงซ้ายเต็มบาทเต็มใบเสียงดังแน่นทึบยังกระทุบกระสอบแกลบ ไอ้หนุ่มแฟนสวยทำตัวโก่ง ลดมือซ้ายลงกุมชายโครงแยกเขี้ยวเบี้ยวปากหลับตาปี๋! ก็ยิ่งเจ็บหนัก
ในสถานการณ์อันเร่าร้อนดุเดือดเลือดพล่าน เจตน์ หลังวัง ซึ่งกำลังโกรธเกรี้ยวรุนแรงสุดขีดปานพายุป่วนคลั่ง ไม่คำนึงถึงพระธรรมบทข้อใดทั้งสิ้น! ประการที่อยู่ในความคิดก็คือถล่มฝ่ายตรงข้ามให้แหลกยับไปคามือ! จะหวะที่ไอ้หนุ่มแฟนสวยไม่อยู่ในสภาพที่จะปิดป้องตอบโต้หรือแม้แต่หลบเลี่ยง เขาวาดปืนเฉียงขึ้นเหนือไหล่ขวาสุดเหยียด! แต่ยังไม่ทันได้เหนี่ยวลงจวกเป้าที่หมายเอาไว้บริเวณทัดดอกไม้ หางตาก็สะดุดเข้ากับบางอย่างที่เคลื่อนไหวพรวดพราดทางขวามือ บางอย่างที่ว่า คือ เด็กหนุ่มอีกนายหนึ่งที่โจนผึงเข้ามาหมายขัดขวางช่วยเหลือคนแรก มือขวากำมีดสปริงที่ดีดใบออกจากด้าม ต้องแสงไฟฉีกประกายแวบวับ! เครื่องทุ่นแรงที่เงือดเงื้อขึ้นสูงเลยถูกระชากตวัดเฉียงออกข้าง สกัดหมอนั่นไว้ก่อนอื่น
โผะ....!!
ด้ามปืนแข็งแกร่งตะบันแผงกรามแถบขวาของไอ้รุ่นที่โลดเข้ามาใหม่ เหมาะเจาะยังกะผีจับยัด และหนักหน่วงรุนแรงเหลือรับ! พ่อเจ้าประคุณรุนช่องถึงกับหน้าสะบัดคอแทบหัก กางขาขวามือร่อนคว้างเหมือนอีแร้งลงทุ่งแหวกเข้าไปในกลุ่มไทยมุงซึ่งรายล้อมสอดรู้สอดเห็นอย่างห่างพอสมควร เจตน์ หลังวัง ไม่เสียเวลาหันไปดูผลว่ามันจะเป็นรูปใด น้ำหนักของแรงปะทะที่กระเทือนข้อ มันบอกให้รู้ชัดอยู่แล้วว่าต่อให้ใหญ่กว่านี้ก็ต้องน็อค แต่แม้จะตีอย่างไม่ยั้ง อาวุธในมือของเขาก็ยังอยู่ในสภาพปกติไม่แตกหักบุบสลาย เพราะถึงจะเป็นปืนอัดลมแบบห่วยๆ มันก็ถูกประกอบขึ้นเพื่อให้ทนมือทนตีนมนุษย์ทุกประเภทที่ต้องแวะเวียนเปลี่ยนหน้ามาจับถือเหนี่ยวกระชากแทบทุกวี่ทุกวัน!
โครงสร้างตลอดจนเนื้อไม้ จึงเหนียวแน่นแข็งแรงทนทานพออาศัย หนุ่มเลือดเดือดขบเขี้ยวเคี้ยวกรามสะอึกเข้าหาคนที่บังอาจผลักอกน้องขายอีกครา ขานั้นกำลังจะผละหนี เนื่อวจากรับเข้าเต็มๆ หลายดอกและเห็นทีจะด้านไม่ไหว แต่ก็สายไปซะแล้ว! ขยับได้แค่ครึ่งกระเบียด เจตน์ก็เหวี่ยงเครื่องทุ่นแรงเข้ากระหน่ำอย่างไม่ปรานีปราศัย
ผัวะ....!!
พานท้ายแกร่งกระด้าง ตบอัดบ้องหูข้างซ้ายเต็มเงี่ยงเต็มงา! คราวนี้ด้ามปืนหักกระเด็น! ส่วนคนถูกตีถึงกับหัวทิ่ม หมุนจี๋เข้าชนกระแทกคอกกั้นหน้าร้านยิงเป้าพังราบไปทันตา! ทว่า แรงส่งยังไม่หมดแค่นั้น หมอยังเซสะเปะสะปะถลาเลยไปเอียงสีข้างตอกชั้นวางตุ๊กตุ่นตุ๊กตาอีกโครมสนั่น! ชั้นไม้สูงแค่อกโค่นครืน! วินาทีติดต่อกัน หลังคาผ้าใบก็ยุบฮวบ! กระนั้นก็ยังไม่สะใจคนโมโหร้าย เขาทำท่าจะรื้อผ้าใบตามไล่เหยียบอีกฝ่ายอย่างไม่ยอมเลิกรา จุก เบี้ยวสกุลซึ่งยืนสะล้าละลังหันรีหันขวางอยู่ข้างหลังต้องตะเบ็งเสียงร้องห้ามเอ็ดอึง
"พอแล้วเจตน์ พอ ! เผ่นกันเถอะ ! เดี๋ยวตำรวจมา !"
คำว่าตำรวจทำให้เจต์ชะงัก เขาโยนลำกล้องปืนที่ยังติดมือหล่นปุลงบนผืนผ้าใบแล้วพาน้องชายเปิดหนีออกจากที่นั่นอย่างไม่รอช้า พรรคพวกซึ่งเพิ่งทิ้งหนังตู้ตามมาสมทบ ก็ เผ่นกระเจิงไปคนละทิศ เพียงชั่วไม่กี่นาที บริเวณนั้นก็ไม่มีวัยรุ่นซ่าจากย่านวงเวียนเล็กหลงเหลืออยู่แม้แต่คนเดียว!
หลังจากมีเรื่องในงานประยูรวงศาวาส ปุ๊ วัดมอญ กับเจตน์ หลังวัง และพลพรรคร่วมขบวนการก็ยังเรียนมั่งเทียวมั่ง คึกคะนองก่อเหตุประปรายอยู่แต่ในละแวกฝั่งธนฯ ยังไม่ข้ามเจ้าพระยาไปอาละวาดผาดแผลงสำแดงเดชในเขตพระนครหรือฝั่งกรุงเทพฯ จนกระทั่ง เจมส์ ดีน ดาราคนโปรดที่พวกเขาคลั่งไคล้ใหลหลง เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุไปครบขวบปี ๓๐ ตุลาคม ๒๕๐๓ วันนั้นโรงภาพยนต์กรุงเกษมจัดโปรแกรมพิเศษ มีวงดนตรีชั้นนำพร้อมทั้งนักร้องชื่อดังมาบรรเลงขับกล่อมก่อนฉายหนังปิดท้าย และนั่นคือ รายการ "เจมส์ ดีน รำลึก" ซึ่งแน่ละ งานนี้วัยคะนองทั้งหนุ่มสาวในกรุงเทพฯ และฝั่งธนฯ ส่วนใหญ่ย่อมไม่พลาด ปุ๊ วัดมอญ กับเหล่าเทวฤทธิ์ ย่านวงเวียนเล็กก็เช่นกัน! สามสิบกว่าปีก่อน หนังรอบพิเศษไม่ได้จัดฉายกันตอนเย็นหรือเที่ยงบ่าย เริ่มสตาร์ทกันตั้งแต่หกโมงเช้าเลยละขอรับท่านสารวัตร! พอฟ้าแจ้ง บริเวณหน้าโรงภาพยนต์ซึ่งตั้งอยู่ริมถนนเลียบคลองผดุงกรุงเกษมก็คลาคล่ำไปด้วยวัยรุ่นโก๋กี๋ ที่แต่งตัวตามแฟชั่น เลียนแบบดารามาประชันแข่งขันกัน บรรยากาศทั่วไป ไม่ผิดอะไรกับงานมหกรรมอันโอฬาร งานมหกรรมของทีนเอจรุ่นคะนอง!
หล่อ ปังตอ, ธรรม เจมส์ ดีน,โหล แม้นศรี , ตุ๋ย มหานาค และสมาชิกร่วมแก๊งกลุ่มใหญ่จากกลุ่มทวายก็มากันเกือบครบทีม ขาดไปเพียงแดงไบร์เลย์ กับปุ๊ ระเบิดขวดซึ่งพ้นโทษออกมาแล้ว ที่ไม่ปรากฏโฉมหน้าก็เนื่องจากทั้งคู่ชอบเที่ยวกลางคืนดึกดื่นค่อนรุ่ง และมักนอนตื่นสายเป็นประจำ ไอ้เรื่องจะแหกขี้ตางัวเงียมาร่วมสนุกกับคนตื่นเช้า ย่อมยากที่จะเป็นไปได้ ทางด้านจิ๊กโก๋จากฝั่งธนฯ ประกอบด้วย ปุ๊ วัดมอญ ,เจตน์ หลังวัง , หมูเจตน์หรือจุก เบี้ยวสกุล , แมว หลังวัง ,ตุ๋ย ตีนเหม็น,สันต์ บ้านแขก รวมทั้งพงษ์รัตน์ และคนอื่นๆก็มากันพร้อมหน้า โก๋กี๋ที่หลั่งไหลมาจากทุกสารทิศ กระจายย้ายแยกกันอยู่เป็นหมู่พวกก๊วนใครก๊วนมัน แน่นขนัดเต็มพื้นที่หน้าโรงภาพยนต์และบริเวณใกล้เคียง และทันทีที่โรงเปิด ต่างก็ถือตั๋วผ่านประตูเบียดเสียดเยียดยัดกันเข้าไปเป็นโกลาหล แต่ก็ไม่มีเรื่องกระทบกระทั่งรุนแรง พักเดียวก็เต็มเอี้ยดทุกที่นั่ง!
พอได้เวลา วงดนตรี "วาทินี" ซึ่งโด่งดังเป็นที่ยอมรับในยุคนั้นก็เริ่มบรรเลง นักร้องประจำวงผลัดเปลี่ยนกันออกมาครวญเพลงฮิตไม่ขาดระยะ ท่ามกลางเสียงปรบมือชื่นชอบของบรรดาแฟนๆ ทุกอย่างดำเนินไปด้วยดี ปราศจากวี่แววว่าจะเกิดเหตุร้ายแรงอันใด และแล้ว สาวรุ่นสวยใสอนงค์หนึ่ง ก็นวยนาดออกมาหน้าเวที พร้อมกับเสียงปรบมือต้อนรับอึงคะนึง! ชื่อของเธอ โสภิดา บุนนาค! โสภิดา หรือ "ดาว" เป็นนักร้องสาวขวัญใจวัยรุ่นซึ่งแฟนเพลงให้การนิยมชมชอบเป็นพิเศษ เพลงที่เธอออกมาร้อง คือ Let's have a party. ของพ่อยอดชายนายเอลวิสเจ้าเก่า ตามธรรมดา วัยรุ่นยุคพ.ศ. ๒๕๐๓ หรือก่อนหน้านั้น ไม่ว่าจะคึกกับเสียงเพลงปานใดก็แค่ตบมือกระทืบเท้า ไม่เคยมีใครกรี๊ด! แต่วันนั้น ทันทีที่ Let's have a party ขึ้นอินโทรท่อนนำ เสียงกรี๊ดก็แผดแหลมลั่นบาดหู คนที่คึกที่สุดเดชถึงขั้นแผดเสียงกรี๊ดไม่ใช่ใครอื่น ไอ้รุ่นจอมซ่า ปุ๊ วัดมอญ! บันทึกไว้ ณ ตรงนี้ได้เลย ว่านั่นคือตำนานกรี๊ดแรกของประเทศไทย และเป็นกรี๊ดที่จุดชนวนระเบิดศึก ร็อคละเลงเลือด!!
ปุ๊ วัดมอญ หรือปุ๊ เจิด ไอ้รุ่นแสบแห่งย่านวงเวียนเล็ก ซึ่งนั่งม้าแถวหน้าใกล้เวทีไม่เพียงแต่จะส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดชวนเขม่นประการเดียว พอเพื่อนร่วมก๊วนที่นั่งอยู่ด้วยกันทั้งเจตน์ หลังวัง กับแมวน้อยชายสุดท้อง ตุ๋ย ตีนเหม็น และคนอื่นๆ ยุให้เต้นก็ได้เรื่อง คนมันคันอยู่แล้ว! พอเจ้าประคุณลุกขึ้นโชว์สเต็ปตรงที่ว่างระหว่างเวทีกับแถวม้านั่ง วาดลวดลายเท้าไฟสุดเหวี่ยง! ปุ๊ซ่าจึงกลายเป็นหางเครื่อง หรือแด๊นเซ่อร์อย่างที่เรียกกันในยุคปัจจุบันไปโดยปริยาย และคอยมีพรรคพวกคอยตบมือตามจังหวะหนุนส่งกันอึงคะนึงอีกต่างหาก เล่นกันรูปนี้ ทีนเอจบางกลุ่มอาจจะพลอยสนุกครึกครื้นไปด้วย แต่บางส่วนก็ไม่สบอารมณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กลุ่มของหล่อ ปังตอ ซึ่งซ่าทุกหยดไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน! ต่างมองด้วยความหมั่นใส้ และเห็นเป็นเรื่องที่กวนอวัยวะเบื้องต่ำเหลือกำลังลาก ทว่า ทุกคนก็ทนเฉยไว้ ไม่แสดงฤทธิ์เดชขัดจังหวะนักร้องคนโปรดบนเวที จนกระทั่ง Let's have a party จากเสียงใสชัดเจนของ โสภิดา บุนนาค จบท่อนสุดท้าย แฟนเพลงปรบมือกันเกรียวกราวสนั่นหวั่นไหวก่อนที่ทั้งโรงจะเงียบกริบ! สองสามวินาทีต่อมา เสียงโห่ฮาป่าก็อื้ออึงขึ้นจากแถวที่นั่งของบรรดาวัยรุ่นตรอกทวาย แล้วก็ติดตามด้วยเสียงตระโกนแขวะกันตรงตัวไม่มีอ้อมค้อม
"ทุเรศชิบ !เกิดมาจากท้องพ่อท้องแม่ยังไม่เห็นอะไรอุจาดทุเรศขนาดนี้มาก่อนเลย ให้ตาย !"
ปุ๊ วัดมอญ ซึ่งไม่ทันจ่อมก้นลงนั่งที่เก่าหันขวับไปมองหาคนแขวะทันควัน! เขารู้ว่าเป็นพวกตรอกทวายแน่นอน! แต่ก็ไม่อาจจำแนกแยกแยะได้ในแสงมัวซัวรัวรางว่าใครเป็นใคร เขาจ้องนิ่งอยู่ชั่วขณะก็ระเบิดเสียงกราดเกรี้ยวไปประสาคนเลือดร้อน
"ไอ้ที่เสียงดังน่ะ หนังดีรึเปล่าวะ?"
ขาดคำ ฝ่ายตรงข้ามร้องสวนมาจากในเงาหม่นสลัวอย่างไม่ลดราวาศอก
"ถามแบบนี้หมายความว่าไง ?"
"ยังไงก็ได้ !"
"นายแน่นักเรอะ ?"
"ยิ่งกว่าแช่แป้งก็แล้วกัน.....!" จอมซ่าจากฝั่งธนฯ ตะโกนตอบ ".........ไม่แน่จริงไม่ข้ามพระยามาถึงที่นี่หรอกโว้ย !"
"งั้น......หนังเลิกเจอกันหน้าโรง"
"ตกลง !"
โต้ตอบกันแค่นั้น ทั้งสองฝ่ายก็สงบปากคำเงียบเชียบจะต้องพูดอะไรกันนักหนา ในเมื่อต่างก็มีของจริง!
ทว่า แม้การโต้เถียงจะยุติ พนักงานเจ้าหน้าที่ของทางโรงภาพยนต์ก็ไม่ไว้วางใจ ยังกริ่งเกรงว่าหนุ่มคะนองทั้งสองฝ่ายอาจจะเปิดฉากตะลุมบอนกันขึ้นเมื่อไหร่ก็ได้ ซึ่งนั่น.....คือความเสียหายร้ายแรง! ดนตรี ปัจจัยสำคัญที่ยั่วยุให้เกิดการกระทบกระทั่งได้ง่ายดาย จึงถูกสั่งระงับหยุดเล่นทันที! Let's have a party เลยกลายเป็นเพลงสุดท้ายสำหรับรายการพิเศษ และเมื่อหนังเริ่มฉายเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศลดดีกรีความร้อนแรงในอารมณ์ของแต่ละฝ่าย หมู เจตน์ หรือจุก เบี้ยวสกุล ซึ่งนั่งอยู่แถวหลังสุดเนื่องจากมีตั๋วจองที่ซื้อไว้ล่วงหน้าก็ชักเอะใจ เพราะในตำแหน่งนั้น เขาสามารถมองเห็นได้ถนัดพออาศัยว่าฝ่ายของหล่อ ปังตอ ซึ่งนั่งอยู่ต่ำลงไป เริ่มมีการเคลื่อนไหวผิดปกติ ทั้งทีมค่อยๆ ลุกขึ้นทยอยกันออกจากโรง ภาพยนต์อย่างเงียบๆ
นั่นคือสัญญาณอันตราย! พอคนสุดท้ายลับตา เขาก็ลุกจากที่นั่งก้าวปราดลงไปยังเก้าอี้แถวหน้า กระซิบบอกพี่ชายด้วยน้ำเสียงร้อนรน
"เจตน์ ไอ้พวกตรอกทวายมันลุกออกไปหมดแล้ว"
หนุ่มผู้พี่หันขวับมากเบิกตาวาวอยู่ในความมืดหม่น
"เฮ้ย ! จริงเรอะ ?"
"มันยิ่งกว่าจริงซะอีก ไอ้พวกนั้นไปเตรียมของมาเล่นเราแน่ๆ"
"ไอ้ห่ะ ! เอาๆไงดีวะ ?"
"ใจเย็นๆ ..." ปุ๊ เจิด ซึ่งนั่งอยู่เคียงกันเอ่ยสอดเหมือนไม่อนาทรร้อนก้น "......ดูหนังให้จบซะก่อนค่อยว่ากัน ยังมีเวลาคิดอ่านหาทางแก้ไข หมูกลับไปที่นั่งเก่าเถอะ"
จุก เบี้ยวสกุล เดินกลับมาจ่อมก้นลงบนเก้าอี้ตัวเดิมด้วยความอืดอัดกระวนกระวายร้อนรุ่ม เขาได้แต่ถอนใจฮึดฮัดกระสับกระส่ายไม่เป็นสุข และไม่รู้ว่าภาพบนจอดำเนินเรื่องราวไปอย่างไร ลงเอยแบบไหน? ไม่รู้เรื่องตั้งแต่ต้นจนจบ!
หนังเลิกไฟเปิดสว่าง พรึ่บ เด็กหนุ่มสาวประดามีต่างทยอยกันออกประตูตามกันเป็นทาง ขณะเดียวกัน นักเขียนการ์ตูนมือทองกับพวกพ้องจากฝั่งธนฯ แยกไปทางก้นโรงเลี้ยวเข้าด้านหลังจอหนัง ไม่ใช่เพื่อหลบซ่อน หลังโรงก็ไม่มีประตูทางออกหรือรูเรี้ยวอันใดทั้งสิ้น! เหตุผลที่พาสมาชิกร่วมก๊วนเข้าหลังจอก็เพราะเขาเคยมาประกวดร้องเพลงสไตล์เอลวิสที่นี่และรู้ว่าในนั้นมาไปด้วยไม้ระแนงดุ้นกำลังเหมาะมือ มันเป็นไม้ที่ทางโรงหนังตียึดด้วยตะปูประกอบเป็นโครงคร่าวค้ำยันด้านหลังจอนั่นเอง! พวกเขากะใช้มันเป็นอาวุธ นอกเหนือไปจากมีดสั้นที่ส่วนใหญ่พกพาติดตัวเป็นประจำ ปุ๊ วัดมอญ ได้ไม้ท่อนยาวกว่าใครที่งัดออกมาจากเสาโครง โดยมีตะปูตัวเขื่องฝังติดหัวโผล่เงี่ยงแหลมเปี๊ยบเรียงกันอยู่สองดอก พลพรรคร่วมคณะก็หยิบฉวยเอาคนละดุ้น นอกจากจุก เบี้ยวซึ่งพี่ชายห้ามไว้
"หมูอยู่ห่างๆอย่ายุ่งเรื่องนี้ ตัวน่ะเด็กเรียนทำงานหาเงินได้แล้วด้วย เกิดเป็นอะไรไปคนที่เสียใจมากที่สุดคือแม่"
น้องชายอิดออด
"แต่ว่า......"
"ไม่มีแต่ ถ้ารักแม่ต้องเฉยไว้ !"
เจตน์หลังวัง ถลึงตาเน้นเสียงหนัก ทำเอานักเขียนการ์ตูนมือทองต้องปิดปากนิ่งเงียบ จากนั้น หัวโจกจอมซ่ากับเจตน์ ซึ่งเปรียบเสมือนเสนาการคู่ใจ ก็จัดกระบวนรบเตรียมสัประยุทธ์กับฝ่ายตรงข้าม ที่คาดหมายกันว่าต้องปักหลักดักรออยู่ข้างนอกแน่นอน แต่ด้วยกำลังที่น้อยกว่า นับหัวได้ไม่ถึงสิบ ทั้งคู่เห็นพ้องต้องกันว่าหากมีการพูดคุยประนีประนอมและหย่าศึกได้ ก็สมควรกระทำ นัดแนะกันเสร็จสรรพ ปุ๊ วัดมอญ กับเจตน์ หลังวังก็เดินเคียงไหล่นำทีมออกจากโรงหนัง และโดยมีหมูเจตน์หรือจุก เบี้ยวสกุล ซึ่งถูกห้ามร่วมวงไพบูลย์ เดินหงอยตามหลังไปห่างๆ พ้นประตูโรงภาพยนตร์ออกไปได้ไม่ไกล หล่อ ปังตอ พร้อมด้วยพรรคพวกจำนวนมากกว่าก็ตั้งแถวขวางอยู่จริงดังคาด อาวุธที่ติดมือ มีทั้งมีด ไม้และ ดาบเปลือยคมชูกันสลอน! ปืนน่ะไม่มีหรอก.....น่า!
ที่น่าสังเกตก็คือ เกือบทุกคนนุ่งกางเกงขาสั้นซึ่งกลับไปเปลี่ยนมาจากบ้าน จิ๊กโก๋ยุคนั้น หากจะลงมือต่อยตีและมีเวลาเตรียมตัว ทุกนายจะต้องใส่ขาสั้นหรือที่เรียกกันว่า "ชุดเก่ง" เนื่องจากมันคล่องตัวกว่าทรงกางเกงขายาวซึ่งไม่สะดวกต่อการเคลื่อนไหวในยามหน้าสิ่วหน้าขวาน ที่ต้องอาศัยความเร็วเป็นองค์ประกอบสำคัญ บรรดาไทยมุงเจ้าเก่าทุกเพศทุกวัย ที่ยืนชะเง้อชะแง้แลเล็งอยู่ห่างๆ และพร้อมที่จะเผ่นหลบลูกหลง ต่างเพ่งจ้องกันอย่างไม่ยอมกระพริบตา และด้วยความตื่นระทึกจากเหตุรุนแรงที่น่าจะอุบัติขึ้นในอีกไม่นานเกินรอ ซึ่งก็แน่ละว่าส่วนหนึ่งที่มีรสนิยมแบบซาดิสม์ พยายามลุ้นให้มันเป็นความจริง ท่ามกลางบรรยากาศตึงเครียด เหล่านักบู๊จากฝั่งธนฯ แปรแถวหน้ากระดานย่างรุกเข้าหาปรปักษ์อย่างระมัดระวัง ทั้งสองฝ่าย ชะงักหยุดประจันหน้ากันในระยะที่พร้อมจะโถมเข้าห้ำหั้นพันตู ก่อนที่เจตน์ หลังวังจะชูมือซ้ายขึ้น พลางเอ่ยกับเสือร้ายหน้าจืดแห่งย่านสะพานขาว
"จะขัดข้อมั๊ย ถ้าเราจะขอเจรจาด้วย....?"
หล่อผงกศรีษะ
"ก็ว่ามา"
"อันที่จริง เรื่องกระทบกระทั่งเล็กๆน้อยแค่นี้มันไม่ควรจะถึงกับต้องตัดสินกันด้วยกำลัง"
"แล้วไง ?"
"เราน่าจะตกลงกันได้อย่างสันติ"
"นายต้องการหยั่งงั้นรึ ?"
"เราเห็นว่าตีกันไปก็รังแต่จะเจ็บเนื้อเจ็บตัวเปล่าทั้งสองฝ่าย ไม่เกิดประโยชน์อะไรขึ้นมาเลย"
หล่อ ปังตอ ขบริมฝีปากนิ่ง เปล่าหรอก ไม่ได้ชั่งใจใครครวญที่จะปรานีประนอมยอมรับข้อเสนอของฝ่ายตรงข้าง ไอ้เรื่องที่จะเลิกรากันแค่นี้ ไม่เคยมีในความคิดจิตใจอันพลุ่งพล่านร่านร้อนราวโหมด้วยไฟประลัยกัลป์! เขานึกมั่นอยู่ประการเดียว! เมื่อมารบก็ต้องรบ!! หล่อนิ่งอยู่ไม่กี่วินาทีก็เลิกคิ้วตวัดเสียงถาม
"แปลว่านายจะขอสงบศึก...?"
เสนาธิการประจำทีมนักบู๊ฝั่งธนฯ พยักหน้าหงึก
"ใช่"
"ทิ้งไม้ก่อน !"
"ได้ !"
เจตน์ หลังวัง ผู้ไม่ปรารถนาให้พวกพ้องซึ่งตกเป็นร้องทุกด้านต้องเจ็บเนื้อเจ็บตัว ทิ้งเสียงตอบสั้นๆ และโดยที่ไม่มีใครทันได้เอาปากทักท้วงเขาคลายมือปล่อยไม้ดุ้นเขื่องหล่นลงกับพื้นอย่างไม่ลังเล อมิตตพุทธ! นั่นคือเคราะห์ร้ายสาหัส! เพราะเกือบจะทัรทีที่ไม้หล่นลงกระทบพื้นไอ้รุ่นแสบแห่งย่านสะพานขาวก็ไหวตัวเยือก!
"เฮ้ย...!!"
ไม่รู้ใครระเบิดอุทานลั่น! พริบตาติดต่อกัน หนุ่มเลือดเดือดผู้มีมีดสับเล่มโตเป็นอาวุธก็พุ่งวาบเข้าหา เจตน์ หลังวัง อย่างฉับไว ปังตอเหนี่ยวขวับลงเต็มแรง!
ฉัวะ...!!
เสียงดังชวนขนลุก เมื่อมีดสับหนักอึ้งคมกริบจวกลงตรงแผงอกซ้ายขของฝ่ายหลัง ซึ่งทันได้ผงะยืดหลบนิดเดียว เลือดแดงสะพรั่งสาดพรวด! เสียงผู้หญิงหลายคนในกลุ่มไทยมุง หวีดร้องกรีดกราดด้วยความตื่นตระหนกและสยดสยองประสานกันอึงคะนึง! เจตน์ หลังวัง ถึงกับกระดอนผงะหมุนคว้างท่ามกลางฝอยเลือดที่กระฉูดกระเซ็นซ่าน! วัยรุ่นคะนองทั้งสองฝ่ายทะยานเข้าโรมรันพันตูกันด้วยอาวุธเท่าที่มีในบัดดล!!
โฆษณา