7 ก.ย. 2020 เวลา 10:40 • ประวัติศาสตร์
14 เรื่องแปลกที่คุณอาจไม่รู้เกี่ยวกับ 'ชนเผ่ามาไซ'
1.ชนเผ่ามาไซ (Maasai) มีต้นกำเนิดจากต้นลุ่มน้ำไนล์ อาศัยในประเทศแทนซาเนียและเคนยา แผ่นดินที่พวกเขาอาศัยเป็นทุ่งหญ้าสะวันนาอันแห้งแล้งและร้อนระอุ มีทั้งสัตว์เล็กใหญ่ที่อันตราย ไม่ว่าจะช้าง สิงโต ไฮยีนา แรด
1
2.เอกลักษณ์โดดเด่นคือ ร่างกายสูงกำยำ แต่งกายด้วยผ้าสีแดงสดสะดุดตา สวมใส่เครื่องประดับระยิบระยับ
3.พวกเขาเป็นชนเผ่าเร่ร่อน เลี้ยงสัตว์อย่างวัว แพะ แกะ ลา ชาวมาไซจะอพยพทุกๆ 1-3 เดือน เพื่อเวียนไปหาดินแดนที่อุดมสมบูรณ์กว่า จะย้ายต่อไปเมื่อหญ้าในพื้นที่
เหลือน้อยลง และกลับมาจุดเดิมที่พืชพรรณฟื้นตัวกลับมาในที่สุด
4.หมู่บ้านของชาวมาไซเรียกว่า ‘โบมา’ (Boma) บ้านชาวมาไซทำจากดิน ขี้วัว
กิ่งไม้ มุงหลังคาด้วยฟาง ช่วยควบคุมอุณหภูมิให้เย็นตอนกลาง กักเก็บความอุ่นในยามกลางคืน และกันฝนได้ดี
5.รอบหมู่บ้านมาไซจะมีรั้วทำจากกิ่งไม้ พุ่มไม้ และไม้หนามมาสุมกัน เพื่อป้องกันชาวบ้านและปศุสัตว์จากสัตว์นักล่าอันดับต้นของทุ่งสะวันนาอย่าง สิงโต และไฮยีนา
ปศุสัตว์ของชาวมาไซจะถูกล้อมรัวกลางหมู่บ้าน โดยมีบ้านอยู่ติดแนวรั้วรอบหมู่บ้าน ชาวมาไซจะล่าสิงโตต่อเมื่อปศุสัตว์ของพวกเขาโดนสิงโตฆ่า
6.เครื่องดื่มโปรดปรานของชาวมาไซมีตั้งแต่ นมสด เลือดสด ซุปเครื่องในสัตว์ และชา
7.เมื่อชาวมาไซเชือดสัตว์ พวกเขาจะไม่ปล่อยให้ส่วนไหนเหลือทิ้ง นำเนื้อมาย่างไฟ
ไขมันกับเครื่องในจะถูกนำไปต้มซุปแล้วแบ่งกันดื่ม ส่วนเลือดที่ไหลออกมาถือเป็น
เครื่องดื่มชั้นยอด มีคุณค่าทางอาหารสูง เป็นแหล่งอาหารธาตุเหล็กของชาวมาไซ
อาหารที่แทบไม่มีน้ำตาลทำให้ชาวมาไซมีสุขภาพและฟันที่ดีมาก ร่างกายแข็งแรง
และกำยำ มีเพียง 0.4% ที่พบอาการฟันผุ
8.พิธีกรรมเต้นรำกระโดดสูงของชาวมาไซถือเป็นจุดเด่น ชาวมาไซใช้พิธีกรรมนี้เพื่อแข่งขัน ให้ความบันเทิง และแสดงความแข็งแกร่ง เสียงเพลงร้องประสานจะยิ่งดัง
เมื่อกระโดดสูงขึ้น หนุ่มมาไซที่แข็งแรงสามารถกระโดดได้สูงถึง 80 เซนติเมตร แม้
จะใช้มือแนบลำตัวตรงเท่านั้น
9.พิธีกรรมเต้นรำกระโดดของชาวมาไซสามารถลากยาวได้ถึง 24 ชั่วโมง พิธีกระ
โดดเต้นรำยังมีจุดประสงค์เพื่อหาคู่ด้วย หนุ่มสาวจะออกมาพบปะกันในพิธี ฝ่ายชายจะเรียงแถวแล้วกระโดดทีละคน หญิงที่สนใจจะออกมาเต้นรำยั่วยวนต่อหน้าชายที่
กระโดดอยู่
10.เด็กชายและหญิงมาไซส่วนใหญ่มักผ่านพิธีขลิบอวัยวะเพศแทบทั้งสิ้น เชื่อว่าการขลิบอวัยวะเพศการเปลี่ยนผ่านจากเด็กสู่ความเป็นผู้ใหญ่ ชายมาไซส่วนใหญ่ยัง
นิยมผู้หญิงที่ขลิบอวัยวะเพศเท่านั้น ผู้หญิงที่ยังไม่ขลิบอวัยวะเพศจะไม่สามารถแต่ง
งานได้ เด็กหนุ่มที่เพิ่งขลิบจะต้องแต่งกายชุดดำเป็นเวลาครึ่งปี ชายหนุ่มที่เพิ่งเข้าสู่
วัยนักรบจะต้องออกเดินสายไปทั่วเขตแดนของชาวมาไซ เพื่อติดต่อกับมาไซจากหมู่บ้านอื่นๆ และแนะนำตัวให้รู้จัก พวกเขาต้องหัดต้อนฝูงปศุสัตว์ หัดค้าขายแลก
เปลี่ยนในวัยนี้
11.นักรบชาวมาไซมีอาวุธคู่กายคือ หอกเหล็กใบคมกริบ โล่หุ้มด้วยหนังสัตว์ ดาบสั้น มีด และกระบองขว้างที่มีพิสัยถึง 100 เมตร ในอดีตนักรบหนุ่มต้องหัดใช้อาวุธเหล่านี้เพื่อต่อสู้และชิงวัวจากชาวมาไซหมู่บ้านอื่น แต่ปัจจุบันพวกเขาหันมาใช้การ
เจรจาค้าขายเป็นหลัก
12.ในอดีต การล่าสิงโตเป็นกิจกรรมอันทรงเกียรติของชายมาไซ ชายที่ล่าสิงโตได้
สำเร็จจะมีสถานะไม่ต่างกับดาวเด่นแห่งหมู่บ้าน สิงโตจะถูกล่าโดยผู้กำลังเข้าพิธีกรรมเปลี่ยนผ่านวัย เช่น จากเด็กเป็นผู้ใหญ่ จากผู้ใหญ่เป็นนักรบอาวุโส จากนักรบ
อาวุโสเป็นผู้อาวุโส ปัจจุบันการล่าสิงโตถูกสั่งห้ามแล้ว เพราะมีจำนวนลดน้อยลง
13.หญิงชาวมาไซนิยมโกนหัวเป็นปกติ ผู้ชายชาวมาไซจะโกนหัวทุกครั้งที่เข้าสู่พิธี
กรรมผ่านช่วงวัย เด็กชายชาวมาไซจะถูกโกนตั้งแต่อายุ 3 ขวบ เหลือเพียงกระจุก
ด้านบน และโกนผมอีกครั้งเมื่อเข้าสู่วัยหนุ่ม จากนั้นจะปล่อยให้ผมตรงกลางยาว
แล้วถักเป็นทรงเดรดล็อค ก่อนจะโกนหัวอีกครั้งเมื่อผ่านสู่วัยนักรบอาวุโส พวกผู้ชายมักย้อมผมด้วยเปลือกไม้หรือไขมันสัตว์ให้เป็นสีแดงสด
14.การแต่งงานของชาวมาไซไม่ใช่เรื่องของคนสองคนเท่านั้น แต่เป็นการให้กรรม
สิทธิ์กับชายในรุ่นเดียวกับสามีด้วย เมื่อมีแขกรุ่นราวคราวเดียวกับสามีมาเยี่ยมบ้าน ภรรยาชาวมาไซมีสิทธิ์เลือกว่าจะหลับนอนกับแขกหรือไม่ ถือเป็นการต้อนรับแขก
อย่างหนึ่ง หากภรรยาตั้งท้องกับแขก ลูกที่เกิดมาจะถือเป็นลูกของเจ้าบ้าน.
เรื่อง : อันโตนิโอ โฉมชา
ภาพประกอบ : เพ็ญนภา บุปผาเจริญสุข
โฆษณา