31 ส.ค. 2020 เวลา 13:29 • การเมือง
“แม่พระ – ปวีณา” ยันต์ปกป้องลูกสร้างภูมิสังคม แกร่งไม่แกร่งถามใจเธอดู!!
แม่พระ - ปวีณา หงสกุล
ยุคโควิด - 19
ใครเหนื่อย!?
ใครท้อ!?
ใครทุกข์!?
ใครไร้ทางออก!?
WhoChillDay ฉบับพิเศษส่งท้ายเดือนแห่งวันแม่..มีกำลังใจและทางออกมาให้!!
เมื่อกวาดสายตามองบนกระดานสาธารณะ พบอีกบุคคลหนึ่งที่ช่วงชีวิต
เผชิญขวากหนามนานา..พันธุ์!?
ตลอดชีวิตนักการเมืองของ “ปิ๊ก – ปวีณา หงสกุล” (ปี 2531) ตั้งแต่เป็นสมาชิก
สภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) สมัยแรก สังกัดพรรคประชากรไทย
ถึงระดับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน
รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สังกัดพรรคไทยรักไทย
มุ่งมั่นทำตามปฏิญาณทำงาน เพื่อช่วยเหลือเด็กและสตรี
เพราะสมัยแรกที่เป็น ส.ส. เข้าไปรับรู้และสัมผัสถึงกระบวนการค้ามนุษย์
“วัยแค่ 11 ขวบถูกพ่อเลี้ยงจับไปขายซ่อง”
สะเทือนใจทำเอาน้ำตานักการเมืองหญิงแกร่ง...ร่วงแหมะ
ระหว่างลุยงานการเมือง และ “มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี”
สังคมภายนอกไม่มีใครรู้ว่า “ปิ๊ก – ปวีณา” เป็นมะเร็งเต้านม (ปี 2547)
ต้องเข้ารับเคมีบำบัด และฉายแสงติดต่อกันทุกวันถึง 30 ครั้ง
รักษาไป ทำงานไป เจ็บก็เจ็บ เพลียก็เพลีย หงุดหงิดมาก ๆ ถึงขั้นด่ามะเร็ง!
“เจ็บแล้วนะ อย่ามายุ่งกับฉันนักได้ไหม จะทำงาน จะเป็นก็ไม่ว่าหรอก
แต่ขอทำงานไปด้วยได้ไหม”
หลังจากหายตัดสินใจเปิดตัวหนังสือ
“ไดอารี่ ปวีณา หงสกุล สู้ชนะมะเร็งร้ายใน 5 ปี” คนเป็นมะเร็งไม่ตายเสมอไป
อีก 10 ปีต่อมา กลับมาขึ้นสังเวียนชกกับมะเร็งเต้านมอีกข้างจนเราชนะ
ขณะเดียวกัน พบว่าเป็น “หัวใจกระโดด” คือหัวใจเต้นผิดจังหวะแบบเต้นเร็ว
เกินไปถึง 150 -160 ครั้งต่อนาที ทำให้เหนื่อยมาก
ก็ต้องผ่าตัดใส่เครื่องกระตุ้นหัวใจ มา 10 ปี และเตรียมผ่าตัดเปลี่ยน
เครื่องใหม่ในอีกไม่ช้า
หนังสือถ่ายทอดประสบการณ์
โดยยังทำหน้าที่เป็นแม่ทัพใหญ่ “มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี”
ครองตำแหน่ง “แม่พระ – นางฟ้าของเด็กและสตรี” ที่ช่วยออกมาจากขุมนรก
เผลอแผล็บเดียวผ่านไป 22 ปี
ที่ตั้งมูลนิธิฯ ถนนรังสิต นครนายก (คลอง 7) ธัญบุรี ปทุมธานี
บรรยากาศแวดล้อมมูลนิธิฯ ร่มรื่นด้วยหมู่แมกไม้นานาพันธุ์ โอบล้อมองค์
“พระพุทธปุษยคีรีศรีสุวรรณภูมิ” ประดิษฐานอยู่ด้านหน้า
พระพุทธปุษยคีรีศรีสุวรรณภูมิ
ศาลาปฏิบัติธรรม“เจ้าแม่กวนอิม” ตระหง่านกลางสระบัว ชวนให้คนที่ไม่
สบายใจได้มาสวดมนต์ นั่งสมาธิ เดินจงกรม
ศาลาปฏิบัติธรรมเจ้าแม่กวนอิม
พระอาจารย์ใหญ่กวงเซง นำ “องค์เจ้าแม่กวนอิม” ที่ประดิษฐาน
ย่านลาดพร้าวโชคชัย 4 มามอบให้ มากว่า 10 ปี
“องค์ท่านชำรุดตามกาลเวลา กำลังหาผู้มีจิตศรัทธามาช่วยบูรณะ
ใครสนใจติดต่อเข้ามาได้”
เพื่อเป็นที่พึ่งทางใจแก่ผู้กำลังตกทุกข์ได้ยาก.. เพราะแต่ละวันมีเรื่องร้องเรียน
เข้ามาเยอะมาก บางวันกว่า 900 เรื่อง
ส่วนใหญ่ร้องเรียน และขอความช่วยเรื่องผ่านเฟซบุ๊กมูลนิธิฯ
ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่มอนิเตอร์ ตลอด 24 ชั่วโมง
ภารกิจแต่ละวันของแม่ทัพใหญ่ “แม่พระ-นางฟ้าของเด็กและสตรี”
เจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ อีก 20 คน และอาสาสมัครทำงานมือเป็นระวิง
สมกับที่ตั้งปณิธาน “แม้ไม่มีตำแหน่งใด ๆ ก็ตาม จะทำงานสังคมรับใช้
ประชาชน จะมุ่งมั่นทำงานตลอดไปจนถึงวินาทีสุดท้ายของชีวิต
ให้สมกับที่ประชาชนให้ กำลังใจและไว้วางวางใจตลอดมา”
บรรยากาศการทำงาน ของเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครบางส่วน
ส่วนสถิติการร้องเรียนส่วนใหญ่ เป็นข่มขืน อนาจาร ปัญหาครอบครัว
ทารุณกรรม ทำร้ายร่างกาย ค้ามนุษย์ ยาเสพติด เด็กติดแชท
อินเทอร์เน็ต และผลกระทบจากโควิด – 19
“ปิ๊ก – ปวีณา” ได้เรียบเรียงกรณีศึกษาต่าง ๆ จากการทำงานของมูลนิธิฯ
เป็นหนังสือเรื่อง “เหยื่อ ตอนคนใกล้ร้ายกว่าที่คิด” เพื่อให้ผู้อ่านตระหนัก
ถึงรูปแบบภัยสังคมที่เกิดขึ้น
ปัญหาเหล่านี้ป้องกันได้
แนะ! ใครไม่พร้อมควรพิจารณาให้ดี..อย่ามีลูก เพราะมีลูกต้องรับผิดชอบ
ต่อครอบครัวและสังคม อย่าเลี้ยงลูกตามยถากรรม
“พ่อแม้ต้องดูแลลูกให้ได้ โดยสร้างความรักความอบอุ่น ความผูกพันเป็นยันต์
เกราะเพชรปกป้องลูก เด็กเกิดมาต้องเป็นอนาคตของชาติ”
อยากให้โรงเรียนจัดเป็นคอร์สให้ความรู้ เพื่อให้พ่อแม่ ผู้ปกครองรู้เท่าทัน
สื่อสังคมออนไลน์ในปัจจุบัน
ห้องประชุมทีมงาน
ภารกิจแต่ละวันหนักอึ้ง! ร่างกายเมื่อยล้า แต่หัวใจซาบซ่าที่ได้ช่วยเพื่อนมนุษย์
กลับบ้านชาร์จพลังเต็มที่ “ว่ายน้ำ” เป็นกีฬาที่ชอบมาตั้งแต่เด็ก ทุกวันนี้
พยายามออกกำลังกาย สัปดาห์ละ 2 ครั้ง ว่ายน้ำ 1 ชม. ประมาณ 12 รอบ
ต่อด้วยเดินน้ำอีก 500 ที
ส่วนใหญ่ว่ายน้ำช่วงกลางคืน บางวันกลับมาเที่ยงคืนก็กระโดดลงสระ
“ว่ายน้ำเป็นกีฬาที่เหมาะมาก เพราะช่วยเรื่องหัวเข่า”
มีความสุขกับ “การกินอาหารทุกอย่าง” ที่โปรดปรานต้องยกให้ ขนมจีน
น้ำพริก น้ำยา น้ำพริกปลาทู ยกเว้นวันพระจะกินมังสวิรัติ
ยิ่งเวลาได้อยู่กับครอบครัวลูกชาย “ต้า – ดร.ษุภมน หงสกุล หุตะสิงห์”
ได้กอดฟัดเล่นกับ “หลานสาว หลานชาย”
คุณย่าปิ๊ก – ปวีณา..ลืมเหนื่อยไปเลย!!
WhoChillDay มีเคล็ดไม่ลับฉบับ “ปิ๊ก-ปวีณา”เลี้ยงลูกให้ปังปังปัง
คุณแม่ปิ๊ก - ปวีณา และคุณลูกต้า - ดร.ษภมน
จน “ต้า – ดร.ษุภมน หงสกุล หุตะสิงห์” ลูกชายหัวแก้วหัวแหวน เดินตาม
รอย..ก้าวขั้นเป็นนักการเมืองสนามเล็ก สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร(ส.ก.)
เขตสายไหม
“ต้า” ผู้ทำให้แม่ภาคภูมิใจ หัวใจพองโต เป็นยาขนาดเอกทำให้เอาชนะ
โรคร้ายได้
“ปิ๊ก–ปวีณา” ย้ำว่า!
สิ่งสำคัญที่สุดในการเลี้ยงลูก อยู่ที่ความอบอุ่น ความรัก
ความผูกพันกับลูก เป็นยันต์ปกป้องให้ลูกมีภูมิอยู่ในสังคมได้อย่างดี
มีอะไรเกิดขึ้นลูกจะมาเล่ามาบอกให้ทราบทุกเรื่อง อย่าเลี้ยงลูกด้วยเงิน
จนรวยไม่สำคัญ
ย้อนไป 40 ปีที่แล้ว ก่อนวันนัดผ่าทำคลอดหนึ่งวัน ยังขับรถไปทำงานจนเสร็จ
แล้วค่อยขับรถไปโรงพยาบาลเอง
วินาทีแรกของความรู้สึกเป็นแม่..ได้ลูกชายสมใจ ดีใจมาก
เพราะเขาคือของขวัญล้ำค่าที่สุดในชีวิตที่รอคอยมานาน
“พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช
ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานชื่อ “ษุภมน”
มีความหมายว่า ผู้มีใจดีงาม นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณล้นเกล้า
ล้นกระหม่อมอันหาที่สุดมิได้ ต่อครอบครัวหุตะสิงห์ และหงสกุลมา
จนถึงทุกวันนี้”
สมัยตอนทำงานการเมือง ออกพื้นที่เพื่อดูแลชาวบ้าน
และดูแลลูกไปพร้อม ๆ กัน วันเสาร์ – อาทิตย์ หรือวันไหนที่ลูก
ไม่ได้ไปโรงเรียน ก็จะพาไปด้วยกัน ไม่อยากทิ้งอยู่บ้าน
เรียกว่า เลี้ยงลูกในรถ กินข้าว อ่านหนังสือ สอนทำการบ้านในรถ
ทำให้ลูกคุ้นเคยลงพื้นที่ช่วยแม่หาเสียงมาตั้งแต่ 7 ขวบ
จริง ๆ แล้วไม่เคยมีความคิดให้ลูกทำงานการเมืองเลย
แต่แล้ว “ต้า” ตัดสินใจลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ก.ด้วยตนเอง
เพราะเห็นว่าแม่ไม่สบาย อยากมาช่วยแบ่งเบาภาระและให้แม่ออกพื้นที่
น้อยลง
ลูกทำสำเร็จ! ได้รับเลือกเป็น ส.ก. เขตสายไหม เขต 1 ด้วยคะแนนเสียงท่วมท้น
ในวันที่ลูกเปิดตัวและต้องขึ้นไปพูดต่อหน้าสาธารณะ
“โอ้โห!! ลูกพูดเก่ง พูดเยอะเลย ท่าทางมั่นใจมาก เห็นอย่างนี้คนเป็นแม่ย่อมภูมิใจ”
ลูกสามารถทำหน้าที่แทนแม่ได้อย่างดี ประชาชนรัก ไว้วางใจ
จนประชาชนในพื้นที่บอกว่า
“คุณปวีณาไม่ต้องมาก็ได้ ให้ลูกชายมาคนเดียวก็พอ”
ยิ่งทำให้หัวอกแม่รู้สึกอบอุ่นที่เขาเห็นลูกชายเราเป็นลูกหลาน
ในช่วงที่รักษามะเร็งเต้านม แม้ขั้นตอนการรักษาทุกอย่างจะผ่านพ้นไปด้วยดี
แต่ก็ไม่แน่ใจว่าจะมีชีวิตได้อีกนานหรือไม่
“ต้า” พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้แม่สบายมากที่สุด ทุกเย็นตอนกินข้าว
จะเอาหนังตลกมาให้แม่ดู
และแอบไปดูหมอ พอหมอดูบอกว่าแม่จะตาย “ต้าร้องไห้ แล้วมาเล่าให้แม่ฟัง”
สิ่งที่เป็นกังวล คือ ไม่อยากให้ลูกเสียใจ ไม่อยากให้คนที่รักเราเสียใจ
ไม่อยากให้ใครร้องไห้
ถ้าต้องตายจริง ๆ ก็ไม่ต้องเป็นภาระกับใครมากมาย เพราะชีวิตเราต้อง
เกิดแก่เจ็บตายเป็นธรรมดา
จากวันที่ไม่แน่ใจว่าจะตายเมื่อไหร่..ผ่านมาจนถึงวันนี้ ชีวิตต่อจากนี้ถือเป็น “กำไร”
ต้องดูแลตัวเองให้มีชีวิตยืนยาว เพื่อคนที่รักเรา
ส่งต่อความรัก ความอบอุ่นสู่รุ่นหลาน
และทำงาน “มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี” ไปได้นาน ๆ
สมกับฉายา “แม่พระ –นางฟ้า ปวีณา” ของคนในบ้านและนอกบ้าน
ได้อย่างสมบูรณ์แบบจริง ๆ !! ^_^ ^_^
อ่านแล้ว!? รู้สึกอย่างไร..ส่งกำลังใจบอกให้เรารู้ด้วยนะคะ
Comment กับเรา
ชอบกด Like
ใช่กด Share
ไม่พลาดแน่ กด Follow เรา
อาทิตย์หน้าพบกับ #WhoChillDay คนต่อไป
Credit.. ^_^ ^_^ WhoChillDay ฉบับพิเศษส่งท้ายเดือนแห่งวันแม่
ฉบับวันที่ 15 “แม่พระ – ปวีณา” ยันต์ปกป้องลูกสร้างภูมิสังคม
แกร่งไม่แกร่งถามใจเธอดู!!
ประจำวันจันทร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2563
ลิขิตอักษรและชักภาพ : หลานยายสัมฤทธิ์ ศิษย์ตาสาคร ฮรี่ ๆ ๆ
ชักภาพ: ภาพคู่แม่ปิ๊กและลูกต้า จากเฟซบุ๊กมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็ก
และสตรี
ปวีณา หงสกุล. (ม.ป.ป.).เหยื่อ ตอนคนใกล้ร้ายกว่าที่คิด.
มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี.
ปวีณา หงสกุล. (2552). ไดอารี่ ปวีณา หงสกุล สู้ชนะมะเร็งร้ายใน 5 ปี”.
มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี. พิมพ์ : รัน ทู วิชั่นส์ จำกัด.
#แม่พระปวีณา #นางฟ้าปวีณา #มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี #การเมือง
#มุมสบายสบาย #WhoChillDay #Blockdit

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา