31 ส.ค. 2020 เวลา 19:21
My God ของฉันกับวัน Canal แล้วก้อ Canal🎒🎒
1
เรือนแพ ที่พักอาศัยของเขา อยู่ในลำคลอง ช่างต่างกับเรือนแพบ้านเราเสียจริงๆ
พูดเรื่องคลองๆแล้ว ต้องยกให้เมืองนี้ ที่มี Canal (คลอง)มากมายจนนับไม่ถ้วน เรียกได้ว่า เป็นการไปเหยียบยุโรปครั้งแรกในชีวิต ของกระเหรี่ยงอย่างเรา ไม่อยากจะพูดไป นี่มันเป็นผลประโยชน์ทับซ้อน ในการทำงาน ที่ลูกน้องอย่างเรา ยิ้มแก้มแทบปริ พอเจ้านายส่ง mailมา ให้ไปทำ Visa✈️✈️
ในตัวเมืองเนเธอร์แลนด์ มีแต่สะพานข้ามคลอง วกไปวนมา คลองเยอะจนหลง
จริงๆแล้ว เจ้านาย ใช้ให้ไปหาประสบการณ์ ดูงานต่างประเทศ งานการจริงๆ ของเรา มันคืองาน Achema โชว์เทคโนโลยีทางวิทยาศาสตร์ จัดที่ Frankfurt , Germany และเนื่องจากพวกเราชาว Sales ถูกพร่ำสอนเสมอมาว่า ทำอะไรให้มีการ Planning เมื่อ plan แล้วก็ควรจะใจกล้า กล้าที่จะต้องเขียนใบลาพักร้อนล่วงหน้า ก่อนที่ต้องไปดูงานสัก 4 วัน เพื่อไปเที่ยวก่อนทำงาน และคนเซ็นต์อนุมัติ ไม่ใช่อื่นไกล ก็เจ้านายนั่นแหละ เจ้าของตั๋วเครื่องบิน ค่าโรงแรมและเบี้ยเลี้ยงทั้งหมด😍😍
ภาพแรกที่ออกจากสถานีรถไฟ คือตกใจนั่นมันที่จอดจักรยาน เรียงเป็นตับ
ตอนเอาใบลาไปให้เซ็นต์ เคาะประตูไม้เพื่อจะเข้าห้องเย็น (ห้องเย็น คือชื่อห้องเจ้านายที่ทุกคนเข้าใจว่า เมื่อเข้าไปเหยียบครั้งไร แล้วจะเย็นยะเยือก) คิดไม่ผิดเมื่อยื่นใบลา คิ้วเจ้านาย ย่นทันควัน จนต้องรีบอธิบาย ละล่ำละลัก พร้อมยกแม่น้ำร้อยสายมา สาธยายให้เจ้านายฟัง สรุปใจความได้ว่า "โอกาสมันน้อยที่จะได้ไปค่ะ ก็เลยจะขอไปก่อนล่วงหน้าค่ะ โดยจะขอจองตั๋วไปก่อนค่ะ
และพอถึงวันงาน จะรีบเข้างานตรงตามเวลาค่ะ" เสียงดุๆอนุญาติแต่สำทับว่า "ตรงเวลาน๊ะ และขากลับ ต้องกลับพร้อมกัน" เท่านั้นแหละในใจร้องเย้ๆๆ สำเร็จ เจ้านายไม่ได้ใจร้ายซักหน่อย❤️
รถตุ๊กๆเนเธอร์แลนด์ โชเฟอร์งานดีทั้งน้านน
วันที่มาขึ้นเครื่อง ระหว่างนั่งรอเพื่อน มีกลุ่มคนกลุ่มใหญ่ มานัดเจอกันตรงหน้าเรา
เสียงดังมากๆ เรานั่งรออยู่เงียบๆ มีเสียง ป้าท่านหนึ่งถามเราว่า "ไปไหนเหรอค๊ะน้อง “”ไปทำงานค่ะ"เราตอบพร้อมยิ้มอ่อนๆให้ "ที่ไหนเหรอ" ป้าถามรุก "เยอรมันค่ะ" เราก็ถามกลับบ้าง "ป้าไปไหนกันเหรอค๊ะ กลุ่มใหญ่เชียว" ป้าตอบมาถึงกลับอึ้ง "ทั้งกลุ่มนี่ เป็นอบต.จ๊ะ ได้ไปดูงานที่เนเธอร์แลนด์"
เท่านั้นแหละ อารมณ์น้อยเนื้อต่ำใจก็บังเกิด โหเราทำงานมาก็ 2-3 ปี ได้แค่ ดูงานแถวๆบ้านอยู่เลย รู้งี้ลาออกไปเป็น อบต.ดีกว่าซะอีก ดีน๊ะ เพื่อนมาพอดี บทสนทนากับป้าจึงจบลง ได้แค่บอกลาว่าหนูไปก่อนค่ะป้า...แต่ในใจก็ยังขุ่นเคือง เพราะอิจฉาโอกาสของป้า🙄🙄
รองเท้าไม้ เป็นของที่ระลึกของที่นี่ และมันคือของฝาก ที่มีคนรอคอยอยู่ พูดเป็นเล่นไปค่าของฝากเนี่ย หมดไปหลายพันเลย กว่าจะครบจำนวนคนที่รออยู่ ชิ้นนึงไม่ต่ำกว่า 2 Euro
เราต้องบินเข้าเยอรมันก่อน เพราะพักเยอรมันนานที่สุด แต่จุดหมายแรกคือเนเธอร์แลนด์นะสิ มันจึงต้องเดินทางต่อ และไม่เคยมีทริปไหนราบรื่น ปรากฎว่า Flight ถึงล่าช้ากว่าเวลาที่กำหนด. ซึ่งเราต้องไปต่อเครื่อง เพื่อไปเนเธอร์แลนด์
และเวลาที่เหลือน้อยแล้ว ดันถูกต.ม. ขอตรวจกระเป๋าเข้าไปอีก นางแค่อยากรู้ว่ามาม่าคืออะไร โอ้ยนางดมๆแล้วทำหน้าแหวะๆ นั่นมันรสหมูสับเชียวน๊ะ กว่าจะอธิบายให้นางรู้เรื่องเสียเวลาไปไม่น้อย หลังจากหลุดออกมาได้ ก็ต้องอาศัยวิ่ง 4x100 ในสนามบิน Frankfurt ที่ใหญ่มากเพื่อไปต่อเครื่อง ลิ้นเงี้ยห้อยเลย🤪🤪
พอถึงเนเธอร์แลนด์ ชีวิตรันทดก็ยังไม่วาย. พี่หัวหน้าแก๊งค์ ผู้เปรียบเสมือน google map ที่จะมาร่วมกลุ่ม แกนอนอยู่เยอรมัน นัดกันว่าจะมาเจอกันที่สถานีรถไฟ ส่งข้อความมาว่า มาไม่ทัน เพราะพลาดรถไฟ ให้เราเข้าไปโรงแรมเองเลย โอ้ย ไม่เคยมา ไม่ได้เป็นคนจอง ไม่มีแผนที่ ไม่รู้อยู่ตรงไหน นั่นแหละคือจุดเดินทาง Canal แล้วก็ Canal ก็เกิดขึ้น.
ถามหาโรงแรม คนแถวๆนั้น นางก็จะตอบภาษาดัชต์ประมาณว่า พูดอังกฤษไม่ได้ (เดาว่าน่าจะแปลว่าอย่างนั้น 😂) บางคนโบกมือแล้วรีบเดินหนีไป จนชักสงสัย ว่าเขาคิดว่า เราจะไปขอตังค์เขาหรือเปล่า หน้าตาจนซะด้วยดิ 555 แต่ก็มีบางคนน๊ะ ที่กระตือรือร้นช่วยอธิบายทาง ในวงเล็บ เป็นภาษาดัชต์ ซึ่งเราฟังมึนๆแล้วยิ้มๆเหมือนเข้าใจพร้อมขอบคุณ เพราะสงสารนาง ที่เสียเวลากะเรา
ท้ายที่สุดเหนื่อย จนต้องวางกระเป๋า นั่งหอบ ทั้งๆที่ตอนนั้น อุณหภูมิแค่ 13 องศา ดวงตาหมดหวัง หันไปเจอไปรษณีย์ หนุ่ม ความคิดบรรเจิดทันที่ ไปรษณีย์นี่แหละ รู้จักทุกทีแน่ๆ แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ เขาแนะนำ เสียงดัง ฟังชัด เป็นภาษาดัชต์ แหมทำไมไม่ดูหน้าตูเลย แต่ดีหน่อยที่เขามีกระดาษและปากกา ขีดเขียนแผนที่ ให้เราพอจับทางได้ แล้วในที่สุดก็เจอโรงแรม จากคำแนะนำของคุณไปรษณีย์ ที่เป็น My God ของฉันในวัน Canal ๆๆๆ เลยทีเดียวเชียว😇😇
หลังจากเอากระเป๋าไปเก็บ ก็ใช้เวลาที่เหลืออยู่ ครึ่งวัน เก็บความสวยงามของเมืองดอกไม้ อย่างคุ้มค่าเครื่องบินของเจ้านาย ไปเดินเล่นตลาดดอกไม้ ประเภทที่ว่า เดินๆอยู่จะหลับ พอยกนาฬิกาดู 3 ทุ่มบ้านเค้า. แต่ตี 2บ้านเรา ถึงว่าทำไมมันง่วง จนอยากจะลงไปนอนกองกลางถนน และนั่นเพิ่งรู้จักคำว่า Jet lag ครั้งแรกในชีวิต💤
แต่พอเช้ามา ตาก็เท่าไข่ห่านอีกครั้ง เมื่อเดินเข้าไปในสวน Keukenhof สวรรค์ของคนบ้าดอกไม้จริงๆ แต่ละดอก มันคือดอกที่เราเคยนั่งดูในนิตยสารทั้งนั้น แต่ครั้งนี้มันเพิ่มกลิ่น และเพิ่มความเย็น จากลมโชย ในอุณหภูมิ 10 กว่าองศา. ที่เด็ดกว่านั้น มื้อเที่ยง เราได้ควักข้าวห่อ ที่ขนไปจากไทย มานั่งจกมุมหนึ่งของสวนด้วย. ฟินสุดๆ 😊😊แล้วก้อถ่ายรูปๆๆๆถ้าเอารูปดอกไม้ทั้งหมด มาใส่ ลงตรงนี้ คงต้องใช้เวลาอ่าน สัก 3 วันแน่ๆ🌸🌼
และแล้ว เวลา 2วันในเนเธอร์แลนด์ ก็จบลงด้วยการเดินในเมืองต่อให้คุ้ม ที่สำคัญพี่ google map มาร่วมกลุ่มแล้ว หลังกลับจากสวน พี่แกพาเดินเยอะมาก พร้อมอธิบายโน่นนี่ ไม่ต่างจากไกด์เลย ไม่ตั้งใจฟังมีถูกด่าด้วย 555 จนไม่แน่ใจว่า กลับไป พี่แกจะแจกข้อสอบหรือเปล่า😬 เดินจนง่วงตาแทบลืมไม่ขึ้น
เลยตัดสินใจกลับที่พักไปหลับปุ๋ยเพราะความเหนื่อย เพื่อพรุ่งนี้ ต้องนั่งรถไฟไปเบลเยียมแล้ว พอรถไฟเคลื่อนออกจากเนเธอร์แลนด์ ได้แต่ บ้ายบายในใจ พร้อมพึมพำกับตัวเอง “แม้ Canal จะทำให้ขาลาก แต่ก็หลงรักเมืองดอกทิวลิป...ฝากไว้ก่อนเถอะ ถ้าไม่ตายเสียก่อนจะกลับมาใหม่” 555จนกระทั่งเดี๋ยวนี้ยังไม่มีปัญญา กลับไปอีกเลย เพราะเจ้านายไม่หลงกลอีกแล้ว😩😩
📌เก็บภาพมาจาก เมืองเนเธอร์แลนด์ ดินแดนดอกทิวลิป

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา