31 ส.ค. 2020 เวลา 22:15 • ปรัชญา
-ไม่มีโชคลาภใดมาโดยบังเอิญ-
“ไม่มีใครใหญ่เกินกรรม”
เราจะเรียกร้องของผลประโยชน์ หรือเงินปันผลจากสิ่งที่ไม่เคยลงทุนได้อย่างไร
หากเคยตัดพ้อว่า “คุณพระไม่ช่วย”
“ทำไม่มีโชคไม่มีลาภ” “ทำไมถึงขัดข้องในทางโลก”
ลองพิจารณาสักหน่อยว่า เราเคยทำความดีให้โลกอย่างไรไว้บ้าง ในอดีตและในปัจจุบัน
แน่ละอดีตเราไม่มีทางรู้
และปัจจุบันละทำอะไรบ้างไหม
เมื่อไม่มีตัวเลขในบัญชี
ไม่มีความดีสะสม
ไม่เคยบันทึกความดีงามอะไรในจิต
จะไปร้องขอ จะไปขอกู้
จะไปขอความช่วยเหลือจากใครก็ยากเย็น
พอบทจะถูกพิจารณา หยิบมาเช็คสเตตเมนท์ ตรวจสอบจนถี่ถ้วนกลับว่างเปล่า
ไม่เคยมีฝาก ไม่มีถอน ไม่เคยสนใจบัญชี
หากเปรียบการบันทึกบุญ แผ่บุญ ในโลกใบนี้ ในสังสารวัฎ ในพระพุทธศาสนาว่าเป็นกิจการของบริษัทมหาชนที่ใหญ่ที่สุดในโลก
ทุกคนมีหน้าที่ทำงาน ลงแรง ลงทุน และไม่ได้จำเป็นต้องลงเป็นทรัพย์สินเงินทอง
แต่เรากลับเป็นคนที่อยู่เฉยๆ รอกินเงินเดือนไปวันๆ
สุดท้ายจะถูกประเมินโดยไม่ได้โบนัสเลยก็ไม่แปลก
ไม่ได้รับสวัสดิการก็ไม่แปลก
หรือหนักหนาไปกว่านั้นคือ ถึงวันหนึ่งจะไม่ได้รับเงินเดือนเลยก็คงไม่แปลกเช่นกัน
ดังนั้น กฏกติกาง่ายๆ ที่หลวงตาสอนมันอธิบาย
“ถ้าทำประโยชน์ เราก็กลายเป็นคนมีประโยชน์”
การเป็นคนมีประโยชน์ ผู้อื่นก็พร้อมยื่นมือมาช่วยเหลือ
 
บางทีเราก็เสียเวลาไปกับการตัดพ้อถึงพระ ถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ โดยที่ไม่เคยทำกรรมดีอะไรเลย
ทั้งที่รู้กันดีแล้วทั้งคนธรรมดา คนธรรมะ ธรรมโมแล้วว่า เราก็มีกรรมเป็นแดนเกิด
เพราะแบบนี้เองหลวงตาถึงบอกให้สวดมนต์ไปเถอะ
“ทุกวันที่เราอยู่วันนี้ เรามาเสวยกรรมไม่ดี เรารับเศษกรรมในอดีต บางคนเหลือเยอะ บางคนเหลือน้อย เพราะฉะนั้นต้องหมั่นสวดจนเบา ไม่รำคาญในรูปรส กลิ่น เสียง” หลวงตาม้าท่านกล่าว
ดังนั้นหากถามเรื่องโชคลาภ
เรื่องชะตาชีวิต
ให้ถามเรื่องกรรมของตนเอง
กรรมดีมีมากพอหรือยัง?
ขอให้ทุกคนโชคดีมีโชค
- มณี นพรัตน์
หากพิจารณาเป็นธรรมทาน เป็นประโยชน์ เป็นกำลังใจให้ตนเอง และผู้อื่นโปรดร่วมอนุโมทนาและแบ่งปันแก่ผู้อื่น
กดไลค์กดแชร์บทความห้องพระ
เป็นกำลังใจให้ผู้เขียนและเป็นธรรมทานของตัวคุณ
"ใครจะรู้ว่าบางถ้อยคำอาจให้คำตอบใครบางคนก็ได้"
นักเรียนจักรพรรดิตอนอื่นๆ และบทความธรรมะร่วมสมัยรวบรวมไว้ที่ ห้องพระ
นำบทความทั้งหมดมาทำคลิปเสียง
กลุ่มห้องวัตถุมงคลห้องพระ
โฆษณา