1 ก.ย. 2020 เวลา 15:40 • ปรัชญา
นาย กมลเที่ยวรอบโลกสองรอบ ใช้ชีวิตในห้าสิบเอ็ดประเทศ แต่งงานสามครั้งกับสาวสวยระดับนางงาม เราบอกว่า “เขาใช้ชีวิตคุ้มจริง ๆ”
นาย วิโรจน์ผ่านการรบในสมรภูมิ เข้าป่าถูกควายป่าไล่ขวิด ถูกมนุษย์กินคนจับไป ขึ้นรถเมล์เจอระเบิดขวด แต่รอดมาได้และอยู่จนแก่ตาย เราบอกว่า “เขาใช้ชีวิตคุ้มเหลือเกิน”
นาย รองได้ควงสาวสวยยี่สิบคน กินอาหารอร่อยทั่วประเทศ ชิมไวน์ชั้นเลิศจากทั่วโลก เราบอกว่า “เขาใช้ชีวิตคุ้มมาก”
หากมองด้วยตัวอย่างเหล่านี้ ‘ใช้ชีวิตคุ้ม’ คือการเสพสุขหรือการได้รับประสบการณ์ที่ดีๆมากๆ หรือประสบการณ์ชีวิตที่เข้มข้น ตื่นเต้น มีสีสัน สนุกสนาน และแปลก
ชีวิตเหล่านี้ถ้าเป็นกะทิก็คือหัวกะทิ ถ้าเป็นกาแฟก็คือเอสเปรสโซ ถ้าเป็นเครื่องแกงก็เข้มข้นจัดจ้าน
ทั้งหมดนี้ดูจะเป็นเรื่องประสบการณ์ทางกายภาพมากกว่าจิตใจ เราไม่เรียกนักบวชที่นั่งสมาธิเข้าถึงรสธรรมหรือพ่อค้านั่งหงิมๆในร้านทั้งชีวิตว่าคุ้ม
ดังนี้ ‘คุ้ม’ ในค่านิยมของคนทั่วไปก็มีนัยของโชคชะตา เหมือนซื้อลอตเตอรี ไม่ใช่ทุกคนมีโอกาสถูก ‘ลอตเตอรี’
1
ว่าก็ว่าเถอะ เกิดมาด้วยฐานะดี ก็มีโอกาสรับการศึกษาสูงกว่า มีโอกาสได้เดินทาง เสพไวน์มากกว่า
คำถามคือ นี่เป็นมาตรวัดที่ถูกต้องแล้วหรือไม่ เราใช้มาตรใดวัดว่าชีวิตหนึ่งคุ้ม อีกชีวิตหนึ่งไม่คุ้ม ถ้าหาก ‘คุ้ม’ มีความหมายถึงการได้รับมากกว่าหรือเข้มข้นกว่า เราจะอธิบายคนที่ทำงานตลอดชีวิตอย่างเหน็ดเหนื่อย ไม่เคยไปเที่ยวที่ไหนว่าคุ้มได้หรือไม่ หากไม่มีเงินไปเที่ยวรอบโลก หรืออาจไม่ได้ออกจากชนบทที่อาศัยอยู่เลยตลอดชีวิต แปลว่า ‘ไม่คุ้ม’ หรือ?
ญาติคนหนึ่งของผมใช้ชีวิตในต่างจังหวัดไกล เมื่อเขาพบว่าเป็นมะเร็งระยะปลาย เขาบอกว่า ถึงตายไปในวันนี้ก็ไม่เป็นไร เพราะพอใจชีวิตที่ผ่านมาแล้ว
เขารู้สึกว่าชีวิตของเขาคุ้มแล้ว ทั้งที่ใช้ชีวิตเรียบง่ายตั้งแต่เกิด ตลอดชีวิตไม่ได้เดินทางไปไหน ไม่ได้ถูกควายป่าขวิด ไม่ได้ถูกมนุษย์กินคนจับตัวไป และไม่ได้ชอบไวน์ชั้นเลิศแต่อย่างไร เขาพอใจชีวิตเรียบง่ายแบบนี้ ถ้าย้อนเวลากลับไปเลือกใหม่ ก็จะยังเลือกทางเดินสายเดิมนี้
ดังนี้อาจพูดได้ว่า คุ้มคือความพึงใจรสชาติของชีวิต ใช้ชีวิตได้สมใจปรารถนา
ศิลปินนักเขียนผู้สร้างผลงาน ‘มาสเตอร์พีซ’ มักรู้สึกว่าชีวิตของตนคุ้มแล้ว นั่นคือเต็มแล้ว เพราะได้สร้างงานที่ตนเองพึงใจ ทั้งที่ตลอดชีวิตเขาทำงานหนักและเหนื่อย แต่งานที่ทำเป็นความสุขของเขา
ดังนี้อาจพูดได้ว่า คุ้มก็คือการเติมเต็มชีวิตของตน ได้ทดลองเดินไปตามทางที่ฝัน
คุ้มจึงเป็นเรื่องของความพอใจด้วย พอใจเมื่อไร ก็คือคุ้มแล้ว
ถ้า ‘คุ้ม’ เป็นเรื่องของความพอใจ มันก็เป็นอัตวิสัย
และบางทีเรานิยามคำว่าคุ้มโดยใช้ตัวเราเป็นหลัก
ลองนึกดู ถ้าใครคนหนึ่งเกิดมามีฐานะดี เรียนสูง ทำงานดี มีตำแหน่งสูง แต่ฉ้อราษฎร์บังหลวง ทำให้แผ่นดินเสียหาย อย่างนี้‘คุ้ม’ ของเขาก็คือ ‘ไม่คุ้ม’ ของคนทั้งแผ่นดิน นี่ยังสามารถจะเรียกว่าใช้ชีวิตคุ้มได้หรือ?
ในทางตรงข้าม พระที่ใช้ชีวิตทั้งชีวิตในวัด ไม่เคยเดินทางไปเที่ยวที่ไหน ไม่เคยกินอาหารพิสดารของพ่อครัวห้าดาว แต่สอนชาวบ้านให้เป็นคนดี การดำรงอยู่ของพระรูปนี้ย่อมดีกว่าการไม่มีพระรูปนี้ ดังนี้เราก็น่าจะบอกว่า ชีวิตของพระรูปนี้คุ้มแล้ว เพราะสำหรับคนทั้งหมู่บ้าน ชีวิตของพวกเขาคุ้มเพราะพระรูปนี้
ชาวบ้านเดินดินที่ใช้เวลาทั้งชีวิตช่วยเหลือคนอื่น ชายผู้ปลูกต้นไม้ไปทั่วจังหวัด หมอที่เปิดคลินิกรักษาคนไข้ฟรี แต่ตัวเองใช้ชีวิตง่าย ๆ ฯลฯ คนเหล่านี้ให้คนอื่นมากกว่าให้ตัวเอง คนเหล่านี้ทำให้ชีวิตคนอื่น ‘คุ้ม’
บางทีชีวิตที่คุ้มที่สุดก็คือชีวิตที่ทำให้ชีวิตอื่นคุ้ม มากกว่าตัวเราคุ้ม
ดังนั้น “ใช้ชีวิตคุ้ม” น่าจะกว้างกว่าแค่มีประสบการณ์ชีวิตเข้มข้นหรือการที่เราได้มากกว่าคนอื่น หรือเกินศักยภาพของเรา
ไม่ใช่ทุกคนสามารถทำให้ชีวิตตนเองคุ้มกับการดำรงอยู่ในโลกนี้
บางทีชีวิตที่คุ้มคือชีวิตที่มีความรัก ความเมตตา ความรู้ ความเข้าใจโลก ความสันโดษ ความพอใจในสิ่งที่ตนมีอยู่
บางที ‘คุ้ม’ มิได้อยู่ที่สิ่งดี ๆ ที่เราเป็น แต่คือสิ่งดี ๆ ที่เราทำ ไม่สร้างปัญหาให้ใคร ไม่เบียดเบียนใคร ทำให้สังคมดีขึ้น พูดง่าย ๆ คือหากการปรากฏตัวของเราในโลกนี้มีคุณมากกว่าโทษ ก็อาจนับว่าเราใช้ชีวิตคุ้มแล้ว
ปราชญ์กรีกโบราณ โสเครติส กล่าวว่า “ชีวิตที่ไม่ถูกสำรวจตรวจตราไม่ใช่ชีวิตที่น่าอยู่”
ชีวิตก็เหมือนเส้นทางที่ยังไม่ได้สำรวจ เราทุกคนเกิดมาพร้อมเส้นทางสายหนึ่ง เรามีเวลา 70-80 ปีสำรวจมันให้ทั่ว
บางคนก็สำรวจทุกซอกทุกมุม บางคนก็ไม่สำรวจมันเลย
การสำรวจมันไม่ได้แปลว่าจะชอบสิ่งที่พบเห็นตามทาง แต่ก็อาจมีโอกาสพบเห็นเรื่องที่มีสีสันมากกว่าการไม่สำรวจเส้นทางเลย
เราเรียกการสำรวจเส้นทางนี้ว่าการใช้ชีวิต
1
แน่ละ ไม่มีกฎกติกาใดที่บังคับให้เราต้องสำรวจเส้นทาง
เราอาจได้รับของขวัญชิ้นหนึ่ง แต่มีสิทธิ์ที่จะเลือกไม่เปิดกล่องของขวัญนั้น
1
แต่เกิดมาแล้วมีสองขา ก็น่าจะลองเดินสำรวจทางชีวิตของตัวเอง
1
คุ้มหรือไม่คุ้มก็ไม่เป็นไร
จากหนังสือ 1 เปอร์เซ็นต์ของความเป็นไปได้
โฆษณา