2 ก.ย. 2020 เวลา 10:03 • การศึกษา
word? phrase? clause? sentence? คืออะไร
ถ้าจะเขียนภาษาอังกฤษให้รู้เรื่อง พูดเข้าใจง่าย ต้องเข้าใจเรื่องพวกนี้ค่ะ
ถ้าจะเรียนการเขียนให้ถูกต้องเพราะต้องเอาคะแนนสอบ หรือพูดให้ถูกไวยกรณ์ ฝรั่งฟังแล้วเข้าใจง่าย ดูมีการศึกษาขึ้นมาอีกระดับ การเข้าใจเรื่อง word (คำ) phrase (กลุ่มคำ หรือ วลี) clause (อนุประโยค) หรือ sentence (ประโยค) ก็จำเป็นอย่างมากค่ะ
มะ..มาทำความรู้จัก พวกมันกัน
Word (คำ) คำในภาษาอังกฤษมีทั้งหมด 9 ชนิดด้วยกัน ได้แก่ Noun, Pronoun, Verb, Adjective, Adverb, Preposition, Conjunction, Interjection, and Article. อยากรู้ลึกเรื่องนี้ ไปหาอ่านเรื่อง part of speech (ชนิดของคำ) หรือวันหลังจะเขียนเรื่องนี้แยกออกมาให้นะคะ แต่ตอนนี้รู้แค่หน้าตามันก่อนแล้วกันเนอะ เช่น in, on, at, cars, cats, table, wonderful, quietly, sometimes, however, eat, walk, talk...etc. อีกเยอะแยะมากมายค่ะ คำจะมีกี่พยางค์ก็ได้ แต่มีแค่ 1 ถือเป็นคำ ถ้ามีมากกว่าหนึ่งถือเป็นกลุ่มคำ
Phrase (กลุ่มคำ หรือ วลี) อย่างที่บอกไว้ข้างต้น กลุ่มคำคือ คำที่มากกว่าหนึ่งคำ มาเรียงกันนั่นเองค่ะ เช่น
in a house
at the airport
the color of her eyes
While living in the capital city of Thailand
จะเห็นได้ว่า กลุ่มคำจะยาวหรือสั้นก็ได้ แต่มีข้อแม้ว่าต้องไม่เรียงกันในลักษณะ ประธาน+กริยา เพราะนั่นคือลักษณะของ clause และ sentence จ้า (**สังเกตุเห็นได้ชัดว่ากลุ่มคำด้านบนแทบไม่มีคำที่บ่งบอกถึงกริยาหรือการกระทำเลย ยกเว้นคำว่า living ซึ่งในกลุ่มคำด้านบนทำหน้าที่เป็นคำนามแปลว่า การอาศัยอยู่ ใครสนใจเรื่อง V.ing ที่ทำหน้าที่เป็น Noun ไปหาดูเรื่อง Gerund ได้จ้า)
4
Clause (อนุประโยค) จะนับเป็นอนุประโยคได้นั้น คำที่นำมาเรียงต่อกัน ต้องมีลักษณะการเรียงแบบ ประธาน+กริยา ค่ะ เช่น
She smiles almost all the time.
I love you.
He likes Thailand because....
ส่วนใครไม่แน่ใจว่าประธานหน้าตาเป็นอย่างไร หรือ คำแบบไหนจึงจะนำมาเขียนเป็นประธานของประโยคได้ บอกเคล็ดลับให้ค่ะ ประธานต้องเป็น คน, สัตว์, สิ่งต่างๆ, สถานที่, หรือ คำบ่งบอกถึงแนวความคิด เช่น การศึกษา หรือ ความเมตตา อะไรแบบนั้นค่ะ (ถ้ายังสงสัยเรื่องนี้อยู่ ทิ้งคำถามไว้ที่ คอมเมนท์ด้านล่างนะคะ) ส่วนคำกริยา คือ คำที่ บ่งบอกถึง การมีอยู่หรือเป็นอยู่ เช่น is, am, are, has, have หรือ คำที่บอกถึงกริยาอาการของการกระทำค่ะ เช่น talk, walk, eat, smile, run, drive, think, love,...etc.
Sentence (ประโยค) จะนับเป็นประโยคได้ต้องมีคุณสมบัติอย่างน้อย 2 อย่างค่ะ
1. มีการเรียงคำในลักษณะ ประธาน+กริยา เช่น I love her. She signs really well.
2. จะต้องมีใจความที่ครบถ้วน อ่านแล้วรู้เรื่องเลยค่ะว่าต้องการสื่ออะไร
เช่น He loves watching football. แบบนี้ใช้ได้คะ
He loves. แบบนี้ใช้ไม่ได้ค่ะ เพราะเนื้อความไม่ครบถ้วน เหมือนมีอะไรขาดหายไป มีเพียง "เขารัก" ?? ฟังดูงง ๆ ยังไม่สามารถเข้าใจได้ค่ะว่าต้องการสื่ออะไร
แน่นอนว่า หลักการที่เราได้ในการสร้างประโยคสำหรับเขียนหรือพูดนั้น มี 2 ข้อสำคัญใหญ่ๆ ก็คือ
1. เอาคำหลายคำมาเรียงกันในลักษณะ ประธาน + กริยา เป็นอย่างน้อย*** แล้วค่อยใส่ส่วนประกอบอื่นๆ ค่ะ
2. ข้อความที่สร้างต้องสื่อความหมายได้รู้เรื่อง หรือที่เรียกว่ามีใจความที่ครบถ้วนนั่นเองค่ะ
*** มีข้อยกเว้น สำหรับประโยค คำสั่ง หรือ การเตือน ที่สามารถขึ้นต้นด้วยคำกริยาได้เลยค่ะเพราะประธานที่ละไว้ไม่เขียนหรือพูดออกมาก็คือ You นั่นเองค่ะ เช่น Be careful! Don't touch the hot stove.
เรามาลองทดสอบความเข้าใจกันค่ะ
ข้อความด้านล่างนี้จัดเป็น A. phrase B. clause C. sentence D. word
1. I'm not angry at her because.
อันนี้เป็น clause ค่ะ ไม่เป็น sentence เพราะใจความไม่ครบถ้วน
2. They arrived this morning.
อันนี้เป็น sentence ค่ะ เพราะมีคุณสมบัติครบทั้ง 2 ข้อ
3. He from Thailand.
อันนี้เป็นแค่ phrase หรือ กลุ่มคำค่ะ เพราะขาดกริยา is หรือ comes ค่ะ หากมีกริยาก็จัดเป็น clause และ sentence ได้ค่ะ
4. actually
แน่นอนค่ะ อันนี้ต้องเป็น word หรือ คำ นั่นเองค่ะ
5. In the whole wide world.
เป็น phrase ค่ะ เพราะแค่ระบุบริเวณ ไม่มีทั้งประธาน และ กริยา
6. I hungry.
เป็น phrase อีกเช่นกันค่ะ เพราะมีประธาน แต่ขาด กริยา am (hungry เป็นคำ Adjective)
ลองนำความรู้นี้ไปปรับใช้กับการเขียน หรือ การพูดของตัวเองดูนะคะ
มีข้อสงสัยเกี่ยวกับบทความนี้ หรือเกี่ยวกับภาษาอังกฤษ คอมเม้นไว้ใต้บทความนะคะ
ยินดีเปิดรับคำติชมเพื่อพัฒนาการเขียนบทความของตนเองขึ้นไปเรื่อยๆ ค่ะ
Thank you all and have fun learning English \^0^/
โฆษณา