2 ก.ย. 2020 เวลา 17:05 • นิยาย เรื่องสั้น
#ตอนที่ ๖ [วัยรุ่นคะนองกรุง]
▪️ร่องรอยแห่งความแตกร้าว▪️
เด็กสาวใบหน้าสวยคมอาบเสน่ห์ ทรวดทรงองค์เอวอรชรสมสัดส่วนเหมาะเจาะที่ก้าวเข้ามาหยุดยืนเคียง #ปุ๊ระเบิดขวด อยู่ข้างโต๊ะทำเอา #แดงไบร์เลย์ ถึงกับตะลึงงัน! และเมื่อสบตาคมวาวหวานหวามที่ราวกับจะยิ้มยวนอยู่เป็นนิจ เนื้อตัวของเขาก็ชาวาบเหมือนถูกช็อคด้วยไฟฟ้า
ไม่รู้ว่าหนาวหรือร้อนแล่นซ่านไปทั่วร่าง! เปล่าดอก กระทิงรุ่นจากตรอกไบร์เลย์ใช่ว่าจะไร้เดียงสา ไม่เคยคบหาเกี่ยวข้องกับเพศตรงข้าม หนุ่มน้อยหน้าตาดี กิริยามารยาทสุภาพนุ่มนวลอ่อนโยนอย่างเขามีสาวๆ ทอดสะพานให้บ่อยหน และเขาก็เดินข้ามไปสู่ฉิมพลีหลายครั้งครา แต่ผู้หญิงคนนี้ไม่เหมือนใครอื่นที่เคยพบ ทันทีที่ประสบ เด็กหนุ่มก็รู้สึกได้ถึงแรงดึงดูดอันประหลาดล้ำลึกและทรงพลานุภาพ! มันเป็นพลังที่ไม่อาจแข็งขืนต้านทาน!
แดง ไบร์เล่ย์ คงจะนิ่งขึงราวกับต้องมนต์สะกดอยู่ในลักษณะนั้นอีกนาน หากเพื่อนคู่หูไม่ฉวัดมือตบไหล่ค่อนข้างแรงพร้อมทั้งเอ่ยเย้า
"ไง ! ไอ้เกลอ ? เซ่อไปเลยเรอะ?"
เขาเกือบสะดุ้ง และได้แต่ยิ้มเก้อๆพลางยันตัวยืนขึ้นตามมารยาท ปุ๊ ระเบิดขวด จัดแจงแนะนำอย่างไม่รอช้า
"นี่แอ๊ว วัลภา และนี่แดง... เพื่อนเราเองสนิทกันมากเลยละ"
"ยินดีที่ได้รู้จักครับ"
"เช่นกันค่ะ"
ทั้งสองฝ่ายโต้ตอบกันคนละประโยค ตามด้วยเสียงขยายความของไอ้รุ่นตรอกสาเก
"แอ๊วเค้าร้องเพลงอยู่ที่บาร์โอเอซิส"
"อ้อ..." แดงครางเบาๆ ก่อนเลิกคิ้วกับคนสวย "คุณ....เป็นนักร้อง....?"
ฝ่ายหญิงพยักหน้ายิ้มๆ
"ค่ะ นักร้องธรรมดาๆ นะคะ ร้องเพลงหากินไปวันๆ ไม่ได้โด่งดังอะไรหรอก"
"มันยังไม่ถึงเวลาน่ะครับ วันหนึ่งข้างหน้าคุณคงมีชื่อเสียงโด่งดังจนได้แหละ"
"ขอให้สมพรปากเถอะค่ะ"
"เชิญนั่งก่อนสิครับ จะรับอะไรดีเอ่ย..?"
แอ๊วหรือวัลภารีบสั่นศรีษะ
"โอ๊ะ !ไม่ละค่ะ ขอบคุณ ไม่ต้อง"
แดง ไบร์เลย์ ขมวดคิ้ว สีหน้าผิดหวังเล็กน้อย
"ทำไมละครับ..?"
"ฉันกำลังเลือกผ้าจะตัดชุดน่ะค่ะ ตอนนี้ช่างเค้ารออยู่"
"อ้อ..."
"ต้องขอตัวก่อนนะคะ"
"เชิญตามสบายครับ ว่าแต่ว่าคง...เอ้อ ไม่รังเกียจกระมัง ? ถ้าวันหลังผมจะแวะไปนั่งฟังคุณร้องเพลงที่บาร์"
"ไม่เลยค่ะ ยินดีด้วยซ้ำ ต้องไปให้นะคะ"
เธอคาดคั้นทั้งปากและตาในประโยคท้ายทำเอาฝ่ายชายพยักหน้าตอบรับอย่างชื่นมื่น
"แน่นอนครับ"
"ลาละค่ะ ปุ๊ด้วย"
คำหลัง #วัลภา หันไปบอกเจ้าของฉายาระเบิดขวด ก่อนหมุนตัวก้าวผละออกจากร้านกาแฟด้วยท่วงท่ากระฉับกระเฉงคล่องแคล่วและสง่างาม และนั่น...คือจุดเริ่มต้นของสายสัมพันธ์ระหว่างแดง ไบร์เลย์ กับนักร้องสาวรุ่น ซึ่งกระชับเกลียวผูกมัดมันแน่นแฟ้นอย่างรวดเร็ว เพราะหลังจากนั้น เขาก็แวะเวียนไปมาหาสู่เธอเป็นประจำ! ที่สุด ทั้งคู่ก็แทบจะกลายเป็นเงาของกันและกัน ซึ่งเมื่อถึงขั้นนั้น แดงย่อมพอใจที่จะคลุกคลีอยู่ใกล้ชิดคนรักมากกว่าเพื่อน วัลภา จึงเป็นอีกหนึ่งในหลายปัจจัยที่ทำให้ช่องว่างระหว่างกระทิงรุ่นตรอกไบร์เลย์กับนักบู๊ตรอกสาเก ถ่างกว้างยิ่งขึ้นเป็นลำดับ!
วัยรุ่นเมืองกรุงทั้งหนุ่มสาวยุคนั้น ร้อยเกือบจะทั้งร้อยชอบฟังเพลงกันเป็นชีวิตจิตใจ นอกจากจะแต่งตัวหนิงเนี้ยบเดินฉุยฉายอวดโฮมตามย่านการค้าซึ่งมีไม่กี่แห่ง นั่งตามร้านหยอดเหรียญใส่ตู้ฟังเพลง และยกพวกตีกันเวลามีเรื่องผิดเส้น กิจกรรมอีกอย่างหนึ่งที่นิยมประพฤติจนกลายเป็นแฟชั่น ก็คือเขียนจดหมายขอเพลงจากสถานีวิทยุให้กันและกันในนามแฝง ซึ่งต่างก็ตั้งเอาตามใจชอบอย่างเช่น ดวงดาว สดาวฟ้า, ดุจเดือน เหมือนจันทร์, เตือนใจ เพรสลี่ย์, เทพบุตร สุดที่รัก, ชีวิน ริชาร์ด และอะไรต่อมิอะไรอีกสารพัด!
และพวกเขาจะเรียกตัวเองอย่างภาคภูมิว่า #นักเพลง จากการขอเพลงให้คนโน้นคนนี้ วนเวียนต่อเนื่องกันเป็นลูกโซ่ กระจายวงกว้างออกไปเรื่อยๆ สังคมกลุ่มของพวกเขาจึงมีสมาชิกจำนวนไม่น้อย เมื่อมีการจัดงานสังสรรค์นักเพลงขึ้นในตรอกช่างนาค วัยรุ่นทั้งหนุ่มสาวจึงไปร่วมสนุกกันมากหน้าหลายตา และรวมทั้งปุ๊ ระเบิดขวด กับแดง ไบร์เลย์ และหล่อ ปังตอ ซึ่งเปรียบเสมือนแขนสองข้างซ้ายขวา
เพราะทั้งสาม ถือว่าตัวเองก็ "นักเพลง" มี ระดับเช่นกัน! งานสังสรรค์ท่ามกลางบรรยากาศครึกครื้นเป็นกันเอง ดำเนินไปได้ไม่นานนัก ดาวดังตรอกสาเก ก็สะกิดแดง ไบร์เลย์ และชี้ให้ดูหนุ่มหนึ่ง ซึ่งนั่งสรวลเสเฮฮาอยู่คนละโต๊ะ
"เอ็งเห็นไอ้นั่นมั้ย ?"
แดงกลอกตามองแล้วพยักหน้า
"อ๋อ.....หมอเป็นนักร้องพอมีชื่อคนนึง"
"ข้ารู้น่ะ"
"แล้วเอ็งถามทำไม ?"
"ข้ามีปัญหากะมัน"
"นั่นไง ! นึกไว้ไม่ผิด !"
"หลายคืนก่อน ข้ากะหล่อไปนั่งกินของที่ร้านแถว ๆแพร่งสรรพศาสตร์ ไอ้เวรนี่ทำเจ็บ !"
"เรอะ ยังไงล่ะ ?"
ปุ๊ ระเบิดขวด ขบกรามกรอด เขม้นมองนักร้องหนุ่มนายนั้นด้วยสายตาดุกระด้างพลางแค่นเสียงเกรียม "ข้ามีผู้หญิงนั่งรออยู่ด้วย แม่งง์ให้คนมาเรียกไปจากโต๊ะหน้าตาเฉย"
กระทิงรุ่นแห่งตรอกไบร์เลย์เลิกคิ้ว
"ยัยนั่นก็ไป...?"
“เออซี รีบระริกระรี้ลุกหนีไปหามันทันทีเชียวละ ก็คนดังเรียกนี่หว่า"
"เอ็งเลยโกรธ......?"
"ไม่โกรธได้ไง ไอ้ห่ะ! ถ้าเดินมาขอกันดีๆก็ไปอย่าง จะไม่ว่าซักคำ แต่ทำแบบนี้ข้าถือว่าถูกหักหน้า!”
"แปลว่าเอ็งจะเล่นมัน...?"
"ไม่"
"อ้าว...!"
นักบู๊ตรอกสาเกเหยียดยิ้มลึกๆ ก่อนเอ่ยเสียงเย็น "ข้าจะขอยืมมือเพื่อนซักหน่อย"
"เพื่อนที่ไหนอีกล่ะ?"
"เอ็งนั่นแหละ!"
"เฮ้ย...!?”
แดง ไบร์เล่ย์ ร้องเบาๆก่อนจะสะอึกอึ้งอั้น เพื่อนหา "งาน" ให้อีกแล้ว!
ซึ่งนี่คือแบบฉบับและนิสัยอันถาวรของปุ๊ระเบิดขวด! หมอชอบเที่ยวไปขุ่นเคืองหมางใจใครต่อใครและจดเข้าบัญชีแค้นไว้ซะเปรอะ! ทั้งๆที่บางครั้ง ไม่ใช่เรื่องที่ควรจะเป็นเรื่อง วันดีคืนร้ายก็ออกตามชำระสะสาง เก็บทั้งต้นดอกโดยที่เจ้าตัวไม่ค่อยจะลงมือเอง เขามักอาศัยความรอบจัดเนื่องจากวัยและประสบการณ์สูงกว่า วางแผนกำหนดทางหนีทีไล่แล้วสะกิดเพื่อนให้เข้าทำ นักบู๊ตรอกสาเกเป็นคนมีวาทะศิลป์ พูดจาคล่องแคล่วมากด้วยคารมคมคาย เห็นดีเห็นงามไปด้วยเสอมในทุกเรื่อง
เพื่อนฝูงจึงทำตามความต้องการของเขาทุกครั้ง ไม่ว่าจะทำเรื่องเลวร้ายหรือเสี่ยงอันตรายเพียงใด แต่คราวนี้กลับผิดคาด!
"ไม่จำเป็นจะต้องลงมือตรงนี้หรอกนะ...."
ปุ๊เอ่ยต่อเมื่อเห็นแดงเงียบเฉยเหมือนจะนิ่งฟัง
“...เอาไว้คราวหน้าก็ได้ เจอมันที่ไหนเอ็งช่วยจัดการให้ข้าที"
กระทิงแดงรุ่นแห่งตรอกไบร์เลย์ โคลงศรีษะระทดท้อ
"อย่าให้ข้ายุ่งดีกว่า"
"ทำไมล่ะ?"
"เรื่องมันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับข้า"
"เอ๊ะ...?"
"ข้าไม่มีเหตุบาดหมางโกรธเคืองไอ้นักร้องคนนั้นเลยสักนิด จะไปทำมันได้ยังไง?"
พี่เอื้อยใหญ่ของแก๊งวัยรุ่นบางลำภูกระตุกหัวคิ้วขมวดย่น นัยน์ตาขุ่นขวางขึ้นมาในฉับพลัน!
"ไหงเอ็งพูดแบบนี้วะ?"
คู่สนทนายักไหล่
"ก็มันจริงมั้ยเล่า?" หมอนั่นมีเรื่องกะข้าเมื่อไหร่ กะเอ็งตะหาก"
ปุ๊ขบกรามจนโปนเป็นสัน ตาแข็งกร้าวฉีกประกายวูบวับ!
"ระยะหลังๆ นี่เอ็งเปลี่ยนไปมากนะ แดง"
"ข้าก็เหมือนเดิม"
"ไม่เหมือน อย่างน้อยที่สุดเอ็งก้ทำตัวห่างเหิน และเริ่มจะลืมว่าเราเคยเดินด้วยกัน"
"งั้นรึ"
"ลืมกระทั่งน้ำใจเพื่อน ก่อนๆ มาไม่ว่าเอ็งจะมีอะไรติดค้างกะใครที่ไหน ข้าตาาแก้ให้ทุกครั้งพอถึงทีข้าจะพึ่งพามั่ง เอ็งกลับปฏิเสธได้ลงคอ!"
"เฮ้ย...มันคนละเรื่องกัน"
"อย่าเลี่ยงเสียให้ยากเลยวะ เปลืองน้ำลายเปล่า ข้าชอบไอ้ที่มันตรงไปตรงมาไม่ต้องอ้อมค้อมเอางี้ ขอถามอีกทีเดียว เรื่องแค่นี้ช่วยกันไม่ได้ใช่มั้ย?"
ประโยคสุดท้าย นักบู๊ตรอกสาเกเน้นเสียงเข้มเครียดมีกังวานคาดคั้น ทว่า ปฏิกิริยาตอบสนองจากคู่สนทนากลับเป็นความเงียบ! เขาไม่ปริปากพูดอะไรเลย ซึ่งแค่นี้ก็ชัดเจนพอแล้ว เพราะการไม่ปฏิเสธ มันก็เท่ากับยอมรับ ปุ๊ ระเบิดขวด จ้องมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของกระทิงรุ่นแห่งตรอกไบร์เลย์นิ่งอั้น และนิ่งอยู่ในลักษณะนั้นร่วมอึดใจก็พรวดลุกขึ้น ก้าวผละไปด้วยอารมณ์พลุ่งพล่าน หล่อปังตอ ซึ่งปิดปากเงียบมาตั้งแต่แรกขยับตัวอย่างอึดอัดก่อนเอ่ย
"ปุ๊มันโกรธเอ็งนะแดง"
อีกฝ่ายผงกศรีษะ
"ข้ารู้...และเอ็งก็รู้ด้วยว่ามันทำไม่ถูกวันๆ คอยแต่จะหาเรื่องมาให้เพื่อนยันเต มีอย่างทีไหน"
"ถึงไงมันก็เพื่อนนะ"
"ข้าก็ไม่เคยคิดเป็นอย่างอื่น”
"ลุกตามไปพูดกะมันหน่อยไม่ดีรึ?"
"เอ็งไปเถอะ ข้าอยากจะนั่งสงบสติอารมณ์อยู่ตามลำพังมากกว่า”
ไอ้รุ่นสะพานขาววางมือตบไหล่เพื่อนเบาๆ แล้วยันตัวลุกจ้ำไล่ตามหัวโจกวัยรุ่นบางลำภูซึ่งยังเห็นหลังอยู่ไหวๆ แดง ไบร์เลย์ ปรายตามองตามไปแว่บเดียวก็เมินเฉย แน่นอน รอยร้าวยิ่งแยกลึก!!
▪️วันดวลของ แดงไบร์เลย์▪️
หล่อ ปังตอ ไม่ได้ใช้มีดสับเล่มโตเป็นอาวุธเสมอไป ทั้งไม่ได้เกาะติดกลุ่มเดินกับปุ๊ ระเบิดขวดหรือแดง ไบร์เลย์ ในทุกสถานการณ์ บ่อยครั้งที่เขาฉายเดี่ยวแบบวันแมนโชว์หรือไม่ก็มีสมัครพรรคพวกในละแวกมหานาคสะพานขาวติดสอยห้อยตาม ข้ามพระยาไปผาดแผลงสำแดงเดชถึงฝั่งธนบุรี ไปทีไรก็มักได้เรื่องทีนั้น!
หนล่าสุด สักสู้หน้าจืดพาเพื่อนคนหนึ่งข้ามสะพานพุทธไปผิดเส้นผิดเอ็นกับวัยรุ่นย่านพรานนก แทงเจ้าถิ่นเจ็บสาหัสปางตายแล้ว เผ่นกลับมากบดานในฝั่งกรุงเทพฯ โดยที่ไม่มีใครรู้ว่ามือมีดคือ หล่อ ปังตอ แต่ก็มีคนจำได้แม่นยำ ว่าไอ้ที่แทงคู่ต่อสู้ลงไปนอนดิ้นพรวดคลุกเลือด รูปร่างหน้าตามันเป็นยังไง!
ช่วงเวลาเดียวกัน แดง ไบร์เลย์ ซึ่งคว้านที่จะตระเวรหาเหาใส่หัวกับปุ๊ ระเบิดขวด ก็พยายามปลีกตัวออกห่างฝ่ายหลัง หากไม่ขลุกขลุ่ยกับแอ๊วแฟนสาว เขาก็มักจับคู่กับจอมกรี๊ดจากวงเวียนเล็ก #ปุ๊กรุงเกษม เที่ยวเตร่สนุกสนานเฮฮาและกินนอนด้วยกันเป็นประจำ เพราะทั้งสองหนุ่ม มีทัศนคติและรสนิยมวิไลต้องตรงกันแทบทุกอย่าง
บ่ายมากแล้ว บนบาทวิถีค่อนข้างกว้างริมถนนพระรามที่ ๑ ตรงหน้าสนามกีฬาแห่งชาติหรือที่เรียกกันง่ายๆว่า สนามหลวง กำลังคลาคล่ำไปด้วยนักเรียนวัยรุ่นชายหญิง ทั้งในและนอกเครื่องแบบเดินกันให้ไขว่ เพราะโปรแกรมการแข่งขันกีฬานักเรียนวันนี้ ออกจะพิเศษกว่าปกติตรงที่มีฟุตบอลปิดท้าย แดง ไบร์เลย์ กับปุ๊ กรุงเกษม ซึ่งแต่งตัวจิ๊กโก๋ครบเครื่อง ไว้ผมทรงเจมส์ ดีน ดาราสุดโปรด ก็รวมอยู่ในหมู่วัยรุ่นจำนวนนั้น!
ทั้งคู่ไม่ได้พิศวาสเกมกีฬาซักเท่าไหร่หรอก ชอบฟังเพลงซะมากกว่า แต่ที่มาตามแห่ ก็เนื่องจากงานนี้มีเด็กนักเรียนสาวๆ มากมายจากหลายสถาบัน แม่นแล้วมาเพราะความขี้หลี! ก็ผู้ชายนี่ขอรับ ท่านสารวัตร! สองหนุ่มเดินโชว์หุ่นปะปนกับเหล่าวัยรุ่นมากหน้า พลางชะเง้อชะแง้เล็งแลสาวๆ เลือกหาคนถูกสเปคเพื่อจะได้เร่เข้าไปสีตามประสาเจ้าชูไก่แจ้ ทว่า จนแล้วจนรอดก็ยังไม่สบสมอารมณ์หมาย ด้วยว่าโฉมยงที่สวยถูกใจไม่มีใครมาเดี่ยว มีคู่ควงตามประกบแจซะทุกอนงค์นวล!
อะไรไม่ว่า เดินอยู่ดีๆ แดง ไบร์เลย์ ก็ต้องสะดุ้งเฉือก เมื่อเด็กหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกันนายหนึ่ง ก้าวพรวดพราดผ่านหน้าไปโดยประทับฝ่าเท้าลงบนหลังเกือกเขาเต็มรัก! ที่จริงก็ไม่ถึงกับเจ็บ และหากฝ่ายนั้นจะยอมเสียเวลาหยุดขอโทษขอโพยตามมารยาทที่ควรจะเป็นซักคำ เรื่องมันก็จบ แต่นี่เปล่าเลย พวกไม่หันมาแลด้วยซ้ำ! มันทำเอาเอาคนถูกเหยียบฉุนกึก หน้าร้อนวาบขึ้นมาทันใด! เขาสะอึกตามไปกระตุกแขนเสื้อไอ้คนไร้มารยาท พร้อมทั้งกระชากเสียงขุ่น
“เดี๋ยว! คุยกันก่อน”
หมอนั่นซึ่งอยู่ในมาดจิ๊กโก่ทรงเอลวิส ชะงักหยุดหันมาทำหน้านิ่ว
"มีอะไรรึ?"
"นายเหยียบตีนเรานะ”
"ก็มันมองไม่เห็น ทำไงได้ ตีนเราไม่มีตานี่หว่า"
"อ๊ะ! พูดแบบนี้ก็สวยซี จะเอาไงวะ ?"
พร้อมกับประโยคท้าย กระทิงรุ่นจากตรอกไบร์เลย์ฉวัดมือผลักอกฝ่ายตรงข้ามจนเซถลา วัยรุ่นในบริเวณนั้นแตกฮือ! เพราะรูปการณ์มันบอกชัดว่ากำลังจะมีรายการฟัดแหลก! จิ๊กโก่ทรงเอลวิสเซเปะปะถอยหลังตามแรงผลักไปถึงสามสี่ก้าว ก่อนจะขืนตัวชะงักหยุดปักหลักจังก้า หน่วยตาดุกระด้างโชนประกายวาววับ วินาทีติดต่อกัน ปุ๊ กรุงเกษม ก็สืบเท้าขึ้นมายืนเคียงคู่ซี้และตวัดเสียงถาม
"มันเรื่องอะไรกันวะ?"
"ไอ้เวรนี่เหยียบตีนข้า..." แดงตอบเครียดๆ "...นอกจากจะไม่ขอโทษ ยังพูดจาแบะท่านักเลง"
"อ้าว! กระทืบซะเลยเป็นไง?"
ไอ้รุ่นแสบจากวงเวียนเล็กคำรามเดือดๆ และขยับท่าจะโผนออกหน้าตามประสาคนเลือดร้อน แต่เพื่อนคู่หูวาดแขนกันไว้ พร้อมกับที่ฝ่ายตรงข้ามกระตุกวัตถุหนึ่งออกมาจากกระเป๋ากางเกง ไม่ใช่อะไรหรอก มีดสปริง!
เชียะ...!!!
เสียงดังถนัดชัดหู เมื่อหมอกดสลัดดีดใบมีดยาวกว่าห้านิ้วเด้งขวับออกจากด้าม เด็กนักเรียนสาวๆ ต่างหวีดร้องด้วยความตื่นตระหนกประสานกันแซ่แซ่ว! แต่กระทิงรุ่นจากตรอกไบร์เลย์ กลับเอ่ยอย่างไม่สะทกสะท้านพรั่นพรึง
"ปุ๊ เฉยไว้ ปล่อยข้าเอง มันมาคนเดียว"
"แต่มันมีมีด"
"ข้าก็ไม่ได้มือเปล่า"
เอ่ยจบ เขางอเขาซ้ายขึ้นตลบปลายขากางเกง ดึงอาวุธคู่กายลากปราดออกมาทันควัน! เป็นมีดสั้นปลายแหลมเฉียบเปลือยคมขาววับ! เสียงครางฮือฮาดังขึ้นรอบข้าง เด็กหนุ่มสาวร่วมสองร้อยที่รายล้อมมุงดูแตกกระเจิงขยายวงกว้างออกไปอีก ก็แน่ละ ลงว่าเล่นกันด้วยขอมีคม ใครเล่าจะเสี่ยวงเสนอหน้าอยู่ในระยะอันตราย? ถึงจะอยากรู้อยากเห็นเพียงไรก็ต้องถอยห่างเข้าไว้ก่อนละ
แดง ไบร์ลย์ เคาะสันมีดกับฝ่ามือซ้ายเป็นจังหวะเนิบช้า จ้องหน้าปรปักษ์แน่วนิ่งพลางแค่นเสียงถาม
"นายแน่พอที่จะดวลมีดกะเราตัวตัวมั้ยล่ะ?"
หมอนั่นยืดอก
"ถ้าไม่รุมเราพร้อม!"
"ไม่มีแน่นอน เย็นใจได้เลย ยี่ห้องแดง ไบร์เลย์ พูดคำไหนคำนั้น"
"แต่เพื่อนนาย..."
"ปุ๊ ถอยไป..." ไอ้รุ่นใจเด็ดเตือนคนข้างเคียง "...ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น...ห้ามช่วย เราไม่ใช่หมาหมู"
ปุ๊กรุงเกษม ขบกรามอย่างอัดอั้น และก็จำต้องลากก้าวถอยหลังเข้ากลุ่มไทยมุงโดยไม่อาจขืนขัด เพราะนี่เป็นเรื่องของศักดิ์ศรี เป็นเกียรติยศแห่งลูกผู้ชาย ซึ่งวัยรุ่นยุคนั้นยุดถือมั่นคง! เพียงแค่ใครไม่สละที่นั่งให้เด็กผู้หญิงและคนแก่บนรถประจำทาง ยังถือเป็นเรื่องที่น่าอับอายยิ่งนัก!
ไม่เหมือนสมัยนี้ ซึ่งหนุ่มๆวิ่งแย่งที่นั่งผู้หญิงท้องโย้จวนคลอดได้อย่างหน้าตาเฉย และหน้าหนาไร้เทียมทาน! พอจอมกรี๊ดจากฝั่งธนฯ ถอยเข้าไปในแถวคนดู กลางวงล้อมอันหนาแน่นสามารถปิดกั้นสายตาชาวบ้านภายนอกได้อย่างสิ้นเชิง ก็เหลือเพียงคู่ต่อสู้ยืนประจัญหน้ากันตามลำพัง ทั้งสองฝ่าย วางตำแหน่งเท้าซ้ายเท้าขวาห่างกันพอเหมาะ ย่อเข่าลงเล็กน้อย มือซ้ายเตรียมตบปัดขณะที่มือขวากำด้ามมีดกระชับมั่น! จากนั้นก็ย่างงวนคุมเชิงและหาจังหวะจู่โจมท่ามกลางสายตาบรรดาวัยรุ่นที่จ้องมองกันอย่างไม่ยอมกระพริบ!
เช่นเดียวกับสองหนุ่มนักเลงมีด ที่จ้องจับการเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้ามทุกกระดิก! จิ๊กโก๋ทรงเอลวิส สืบเท้าวนหาช่องอยู่ชั่วขณะก็ขยับท่าจะโผนเข้าแทง แดง ไบร์เลย์ เตรียมจะฉากหลบออกขวา พริบตานั้น มีดสปริงก็ปลิวแว่บไปอยู่มือซ้ายไวเหมือนเล่นกล! เสียงเด็กสาวหวีอร้องแหลมลั่นด้วยความหวาดเสียง เมื่อโก๋เอลวิสเสือกแขนซ้ายพุ่งปลายมีดเข้าหาร่างปรปักษ์อย่างรวดเร็ว!! กลยุทธ์ที่พลิกผันฉับไวของฝ่ายตรงข้ามเป็นเรื่องเหนือความคาดหมาย และมันทำเอากระทิงรุ่นจากตรอกไบร์เลย์ใจหายวาบ!
ในเสี้ยววินาทีอันแสนสั้น เขาพลิ้วร่างเบี่ยงออกซ้ายโก่งตัวแขม่วท้องหนีปลายมีดสุดฤทธิ์สุดเดช!
ควาก-ก-ก...!!!
"ว้าย....!!!"
ใบเหล็กคมกริบแหกเสื้อบริเวณเหนือสะดือขาดแล่งในแนวขวางเป็นทางยาว ตามด้วยเสียงร้องตื่นพรั่นของสาวรุ่นบางคน แดง ไบร์เลย์ รู้สึกร้อนวาบตรงหน้าท้อง แน่ละ เขาโดนเข้าแล้ว! และแม้จะไม่ถึงกับถูกเสียบ คมมีดก็กรีดผ่านเนื้อหนังให้ได้แผลไม่มากก็น้อย ส่วนคู่ดวลซึ่งโถมแทงสุดตัว ถึงกับเสียหลักคะมำถลาเลยไป พริบตาติดต่อกัน มีดในมือขวาของแดงที่ยกสูงตามจังหวะเด้งหลบและแขม่วท้อง ก็สะบัดฟันตามอย่างไม่รั้งรอ ขวับ...!!!
แม้จะเป็นระยะเกือบสุดเอื้อม และประสิทธิภาพแท้จริงของมีดสั้นไม่ใช่อยู่ที่การฟันปลายแหลมคมของมันก็ยังมีฤทธิ์ ไหล่และต้นแขนขวาของจิ๊กโก๋ทรงเอลวิสถูกกรีดเสื้อขาดกระจุย แหกเนื้อเป็นแผลยาวกว่าครึ่งคืบ! เลือดกระฉูดออกมาทันควัน! ซึ่งก็เช่นเดียวกับหน้าท้องของนักสู้จากบางลำภู ที่เปรอะไปด้วยเมือกข้นสีแดงฉาด! แต่แม้จะบาดเจ็บ ทั้งสองฝ่ายก็หมุนตัวเข้าประจัญหน้ากันอย่างไม่ครั่นคร้าม เพราะต่างก็หัวใจเกินร้อย!
คนดูซึ่งตีวงรายล้อมแน่นขนัด ส่งเสียงครางฮือฮาและอุทานเฮอะอะหวีดว้ายประสานกันไม่ขาดระยะ ขณะที่คู่ต่อสู้ต่างโฉบเข้าออก จ้วงแทงสะบัดฟันฟาด ตบปัดปิดป้อง หลบเลี่ยงและโต้ตอบด้วยความฉับไว คล่องแคล่วทัดเทียมกัน พักเดียว เสื้อผ้าของแต่ละฝ่ายก็ขาดกะรุ่งกะริ่ง และแดงเถือกไปด้วยเลือดจากบาดแผลหลายแห่ง ที่ถูกคมมีดบาดเฉือนมากบ้างน้อยบ้าง แต่ก็ยังไม่มีใครเพลี่ยงพล้ำพลาดท่าเสียทีถึงขนาดโดนเสียบอย่างจัง ทั้งคู่เริ่มหอบหายใจฟืดฟาด ความปราดเปรียวในการเคลื่อนไหวก็ชักจะถดถอยลดรา ทว่า สองหนุ่มเลือดเดือดก็ยังนัวเนียห้ำหั่นพัตตูกันไม่หยุดยั้ง ท่ามกลางสายตาทุกคู่ที่จ้องดูอย่างตื่นระทึก
ถึงตอนนี้ โก๋ทรงเอลวิสใช้มือขวาที่ถนัดกว่ากำอาวุธเหมือนเดิมแล้ว และพอย่างวนขยับหลอกล่อได้จังหวะ หมอก็โผนเข้าแทงสุดแรง! ซึ่งแดง ไบร์เลย์ ก็ฉากออกซ้าย หลบพันปลายมีดได้ไม่ยากเย็น เขาพลิ้วร่างหมุนตามปรปักษ์ที่เสียหลักถลาเลยไป และงัดแข็งขวาตวัดช้อนขึ้นในฉับพลัน!
พลั่ก...!!!
หลังเกือกเบอร์ไม่เล็ก กระหน่ำกลางอกพระเดชพระคุณดังอึกทักสนั่นหู คนถูกเตะสำลักลมดังพรวด และผงะเซถลาถอยกรูด! ดาวดังบางลำภูฉวยโอกาสสืบเท้าจี้ตามอย่างไม่รอช้า และด้วยความระมัดระวัว ไม่ผลีผลามเนื่องจากฝ่ายตรงข้ามยังเหยียดมีดสปริงออกมาข้างหน้าคอยกวัดแกว่งป้องกันตัว เขาสะอึกเข้าไป ชิงจังหวะตบปัดข้อมือที่กำอาวุธเบนวืดออกข้าง แล้วกระทุ้งสวนด้วยมีดสั้นหมายทะลวงหน้าท้อง แต่อีกฝ่ายก็ไม่ใช่สุกรน้อยธรรมดา หมอยังมีสติและไวพอที่จะเอี้ยวตัวหลบพร้อมทั้งฉกมือซ้ายตะปบข้อมือข้างนั้นกำไว้แน่น ขณะเดียวกันมือขวาก็กระดกมีดสปริงเปลี่ยนท่าจับ ปักปลายออกทางนิ้วก้อยเงื้อดเงื้อขึ้นสุดล้า! แทบไม่ทันกระพริบตา จิ๊กโก่ทรงเอลวิสก็เหนี่ยวมีดปักลงด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมด! ที่หมายคือกลางอกของคู่ดวล!
แดง ไบร์เลย์ ก็ไม่ใช่หมูเช่นกัน! เสือดาวเปรียวดีๆนี่เอง! ในเสี้ยววินาทีของความเป็นตาย เขาแบมือซ้ายเสือกพรวดขึ้นสูงรวดเร็วสุดชีวิต
ผัวะ...!!!
เสียงท่อนแขนส่วนปลาย ฟาดลงบนฝ่ามือที่กางรับดังถนัดชัดหูได้ยินกันทั่ว ปลายมีดสปริงลอยค้างเติ่งอยู่เหนือหัวห่างจากทรงผมเจมส์ ดีน อันแสนหวงหวิดคืบ! และก็ติดแหง็กอยู่แค่นั้น เมื่อนักสู้เลือดเดือดแห่งย่านบางลำภูรวบขยุ้มกำแขนคู่ต่อสู้ไว้มั่นคง!
เสียงไทยมุงรอบข้างครางฮือฮาแซ่แซ่วขณะที่ทั้งสองฝ่ายต่างกำข้อมือที่ถืออาวุธของกันและกันไว้ไม่ยอมปล่อย ยื้อยุดกันอยู่ในลักษณะนั้นเพียงชั่วอุดใจใหญ่ๆ กระทิงรุ่นจากตรอกไบร์เล่ย์ ซึ่งเจนจัดโชกโชนมีประสบการณ์ด้านบู๊มากกว่าก็เด้งตัวตวัดเข่าซ้ายสวิงขึ้นสูงสุดแรงเรียม! มันเป็นเชิงมวยที่หยิบยืมมาจากลีลาของ "สิงห์เข่าโค้ง" ศิษย์พันธุ์ ยอดศรจันทร์ อันยากจะหาใครเสมอเหมือน
บึ้ก...!!!
"อึ๊ออ์...!"
เข่าดุ้นกำลังเหมาะ กระทุ้งพุงกะทิค่อนไปทางขวาตรงตำแหน่งตับอย่างอย่างถนัดถนี่ และพิษสงของมันก็ทำเอาจิกโก๋ทรงเอลวิสถึงกับกระตุกสะท้านเยือกขึ้นอย่างแรง พร้อมทั้งสำลักเสียงออกมาสั้นๆ ก่อนทำอาการตัวโก่งแยกเขี้ยหน้าเบี้ยวบิดด้วยความจุกเสียดสาหัส เนื้อตัวแขนขาสั้นระริก! แต่มือขวายังไม่ยอมทิ้งมีด มือซ้ายก็ขยุ้มแขนศัตรูคู่ดวลกำแน่นยิ่งกว่าเดิม คนที่คลายมือปล่อยแขนฝ่ายตรงข้าม กลับเป็นแดง ไบร์เลย์
เปล่าดอก ไม่ใช่เพราะเกิดกุศลเจตนามีเมตตาขึ้นมาปัจจุบันทันด่วน เขาปล่อยเพื่อที่จะกำหมัด แล้วจ้วงโครมเข้าที่สุดลิ่มทิ่มประตู!
โฉะ...!!!
อีซ้ายที่หนักหน่วงไม่น้อยหน้าใครในพิกัดใกล้เคียงกัน ตะบันแผงกรามขวาดังเสียวไปถึงริดสีดวงทวาร! หมอนั่นถึงกับหน้าสะบัดเริ่ด คลายมือปล่อยแขนคู่กรณีโดยอัตโนมัติ และหมุนคว้างกางขาผวาปีกร่อนเข้าหาแถวคนดู ยังกะไก่ชนโดนเดือยเด็ดเต็มอกเต็มดวง! ไทยมุงประดามีด้านนั้นแตกฮือ กระจายกันเปิดทางเป็นช่องกว้าง ปล่อยให้พระเดชพระคุณแอ่นอกลงตบพื้นบาทวิถีอีกป้าบบะเร่อ! แต่มีดก็ไม่ยักหลุดมือ ไอ้หนุ่มทรงเอลวิสพยุงตัวขึ้นคลานสี่ขายงโย่ยงหยก สลัดศรีษะขับไล่ความมึนเคอีกสองพรืดก่อนยักแย่ยักยันลุกยืน และแทนที่จะหันมารำมีดไล่จิ้มกันต่อ หมอกลับกระเซอะกระเซิงแหวกคนผลไปอย่างไม่เหลียวหลัง
นักสู้ใจเด็ดจากตรอกไบร์เลย์ก็ไม่ไล่ตามไปซ้ำเติม เขาเองก็เหนื่อยแทบลมใส่ กับการดวลมีดที่ต้องใช้ชีวิตเลือดเนื้อเป็นเดิมพัน ซึ่งกินเวลานานร่วมสิบนาที! และก็ได้แต่ยืนหอบหายใจ มองตามคู่ต่อสู้ซึ่งมีเลือดเปรอะเต็มตัวเช่นกันจนหายลับไปกับตา จากนั้นก็หันมาแยกเขี้ยวยิ้มกับไอ้รุ่นขอมกรี๊ด ซึ่งปรี่เข้าไปเอ่ยถามด้วยความห่วงใย
"เป็นไงมั่ง เจ็บมากมั้ย?"
แดงยักไหล่ ตอบด้วยเสียงที่ยังปนหอบฟืดฟาดไม่สร่างซา
"นิดหน่อย ไม่ถึงกับต้องพึ่งพาหมอหรอด ที่แน่ก็คือเสื้อว่ะ เสียดายชิบ"
"เฮ่ย....ตัดเอาใหม่ได้ รีบไปกันเถอะ ขืนโอ้เอ้ชักช้าเดี๋ยวตำรวจมาจะยุ่งเปล่าๆ"
กระทิงรุ่นจากตรอกไบร์เลย์งอเข่าซ้ายขึ้นเสียบมีดไว้กับซอกรองเท้าที่เดิมก่อนพยักหน้ากับคู่หู ปุ๊ กรุงเกษม คว้าแขนเพื่อนจูงแหวกออกจากกลุ่มไทยมุงอย่างเร่งร้อน ครูเดียว ทั้งสองหนุ่มก็เร้นตัวหายไปจากบริเวณหน้าสนามกีฬา เหลือไว้แต่ภาพในความทรงจำของทุกคนที่ได้พบเห็นฉากดวลมีดสั้นอันน่าตื่นระทึก
ชัยชนะจากการดวลมีดตัวต่อตัวอย่างดุเดือดเลือดพล่าน ท่ามกลางสายตาเด็กหนุ่มสาวร่วมสองร้อย ทำให้เหล่าวัยรุ่นทั้งที่เพิ่งจะรู้จักชื่อเสียงเรียงนาม และที่เคยได้ยินกิตติศัพท์ของ แดง ไบร์เลย์ มาก่อนต่างกล่าวขวัญถึงเขาด้วยความชื่นชมยกย่อง และเรื่องราวเหตุการณ์คราวนี้ ก็อาศัยปากต่อปากโจษจันระบือลือลั่นไปทั่วยุทธจักร! นักสู้เลือดเดือดแห่งย่านบางลำภู เลยกลายเป็นฮีโร่ของบรรดาทีนเอจที่พิสมัยความรุนแรงไปอย่างช่วยไม่ได้
พวกพ้องในเส้นทางสายเดียวกันที่นิยมชมชอบเขา ถึงขนาดยอมติดสอยห้อยตามห้อมล้อมเป็นบริวารก็ชักจะมากขึ้นทุกวัน! มันทำให้กระทิงรุ่นจากตรอกไบร์เลย์เกิดอหังการ์ เริ่มรู้สึกว่าตัวเองก็ปีกกล้าขาแข็ง เติบใหญ่มีบารมีและอิทธิอำนาจไม่น้อยหน้าใคร และเขาควรจะเป็นผู้นำ ไม่ใช่ผู้ตาม ความเด่นดังของแดงช่วงนั้น ผลกระทบอีกประการหนึ่งที่สำคัญไม่น้อยก็คือ มันไม่เป็นที่สบอารมณ์ของอดีตคู่ซี้ ก็ไม่ใช่ใครทีไหน ปุ๊ ระเบิดขวด! เขาเคืองขุ่นฝ่ายแรกเป็นทุนเดิมอยู่แล้วยิ่งได้ยินเสียงโจษขานเล่าลือหนาหูเท่าไหร่นักบู๊ตรอกสาเกก็ยิ่งหมั่นไส้หนักขึ้นเท่านั้น! เขาเห็นว่า แดงชักจะโดดเด่นเกินหน้ามากไป ทั้งยังเริ่มออกอาการกระด้างกระเดื่องแข็งเมืองอีกต่างหาก!
สังเกตได้จากที่ฝ่ายนั้นไม่ยอแวะเวียนมาหาเขาเลย ปุ๊ ระเบิดขวด จึงตัดสินใจทดสอบขั้นสุดท้ายด้วยการใช้สมุนปลายแถวนายหนึ่งไปตามตัวไอ้รุ่นแห่งตรอกไบร์เลย์มาพบ ส่วนเขากับพรรคพวกสามสี่คน นั่งละเลียดโอเลี้ยงรออยู่ที่ตลาดสิบสามห้าง ไม่ถึงชั่วโมงให้หลัง ม้าใช้ก็หน้าเหี่ยวกลับมาเพียงเดียวดาย ข้างกายไม่มีแม้แต่เงาของไอ้รุ่นคนดังและทันทีที่ลิ่วล้อแหมะก้นลงบนเก้าอี้ว่างข้างโต๊ะหัวโจกใหญ่ก็ตวัดเสียงถามคลางแคลง
"ไม่เจอรึ?"
หมอนั่นผงกศรีษะ
"เจอซี"
"อ้าว...!"
"อยู่กันครบเซ็ททั้งไอ้แก้ว ไอ้แดง ไตรรงค์ ไอ้ด้อย ไอ้อู๊ด กะใครต่อใครอีกตั้งหลายคน"
"เอ็งบอกแดงรึเปล่าว่าข้าให้ไปตาม?"
"บอกแล้ว"
"เขาจะตามมาทีหลังรึไง?"
"ไม่"
"เอ๊ะ !?"
"แดงบอกเขาไม่ว่าง"
นักบู๊ตรอกสาเกแทบสำลักโอเลี้ยง ร่างของเขากระตุกเยือกก่อนถลึงตากระชากเสียงเกรี้ยว!
"มันว่าไงนะ?"
ลิ่วล้อถอนใจแฮ่ แล้วย้ำคำตอบเดิม
"ไม่ว่าง!"
"แล้วมันทำบ้าอะไรอยู่ล่ะ?"
"ก็เห็นนั่งคุยกันเฉยๆ"
"ดี...!" ลูกพี่ลากเสียงเกรียม "....จะได้ชัดเจนกันซะทีว่าไอ้แดงไม่ใช่พวกกูแล้ว!"
"ชั่งมันปะไร..."
เพื่อนร่วมโต๊ะอีกนายหนึ่งว่า
"....ต่างคนต่างอยู่ซะก็หมดเรื่อง"
"ไม่ ! ไม่หมดแน่"
ปุ๊ ระเบิดขวด ส่วยหน้าช้าๆ หน่วยตาดุกระด้างวาลประกายวาวจ้า!
แดง ไบร์เลย์ เคยเป็นเพื่อนสนิทชิดเชื้อที่เขาไว้เนื้อเชื่อใจ และให้ความีรักมากที่สุด! และเมื่อไอ้รุ่นดาวดังซึ่งกำลังพุ่งแรงมาตีจากเขาก็แค้นมากที่สุดเช่นกัน! นักบู๊ตรอกสาเกขบกรามจนโปนเป็นสันและนิ่งอั้นอยู่ชั่วขณะก็แค่นคำรามกระหึ่ม!
"เมื่อแยกตัวไปอยู่คนละฝ่าย ข้าก็ถือว่ามันเป็นศัตรูที่จะต้องโค่นล้มให้ได้! ถ้ามีปุ๊ ระเบิดขวด ก็ต้องไม่มีแดง ไบร์เลย์!!"
หล่อ ปังตอ ไม่ได้แต่งเครื่องแบบไปโรงเรียนเพื่อโดดร่มทุกเมื่อเชื่อวัน! เช้าไหนอากาศดี ตัวขี้เกียจเกาะเส้นเอ็นมากๆ เขาก็นอนสันหลังยาวมันเรื่อยเปื่อยไปตามอัธยาศัย และโดยที่ไม่มีใครมาดุด่าว่ากล่าวให้รำคาญหู เนื่องจากไม่ได้นอนบ้านตัวเอง เขาสิงสู่อยู่กับปุ๊ ระเบิดขวดในตรอกสาเก ซึ่งพ่อแม่ของเพื่อนก็คร้านที่จะนำพา เสือร้ายจากสะพานขาวจึงนอนตีพุงได้ตามใจชอบอย่างสำราญอารมณ์!
แต่วันนี้ออกจะเสียบรรยากาศอยู่บ้างเพราะถูกเขย่าขาปลุกตั้งแต่ยังไม่ทันเก้าโมง และเมื่องัวเงียลุกขึ้นแหกขี้ตามอง เขาก็ได้พบว่าคนปลุกเป็นสมาชิกร่วมก๊วนซึ่งไม่ได้เรียนที่เดียวกัน หมอนี่เป็นเด็กโรงเรียนสวัสดิ์อำนวยเวทย์ย่านถนนประดิพัทธ์ สะพานควาย "ไอ้ห่าอี๊ด....!"
หล่ออู้อี้ทักทายด้วยคำด่านำหน้าชื่อประสาเพื่อนสนิท
"....มาปลุกทำไมตะเช้าวะ?"
อีกฝ่ายเกือบค้อนให้
"จะเก้าโมงอยู่รอมร่อแล้วนะเว้ย!"
"เออน่ะ มันเช้าของข้าละกัน"
"ปุ๊ไม่อยู่รึ?"
"เมื่อคืนไอ้ปุ๊ไม่ได้กลับ ไม่รู้ไปค้างกะอีสาวที่ไหน เอ็งมีธุระกะมันล่ะ?"
"กะเอ็งด้วย"
"เอ๊ะ....?"
"คืองี้ เมื่อวานเข้าไปเดินแถวสะพานควายโดนพวกไอ้พันตบเอา"
หล่อปังตอสะดุ้งขึ้นทั้งตัวความง่วงงุนปลาสนาการไปในฉับพลัน!
“เฮ้ย....!" เขาหลุดอุทานตื่นๆ "....ไอ้พัน หลังวังน่ะเรอะ?"
"จะใครอีกล่ะ"
"ไอ้นี่จะกำแหงมากไปแล้ว...." หนุ่มหน้าจืดคำรามเดือดๆ "......พวกมันกี่คน?"
"เยอะ ทั้งไอ้พัน ไอ้อ๊อดหัวโต ไอ้หนุ่ย ไอ้ตาลสะพานควาย ไอ้เบี้ยว......"
“โรงเรียนเดียวกะเอ็งเกือบทั้งเซ็ทนี่หว่า"
หนุ่มรุ่นเจ้าของชื่ดอี๊ดผงกศรีษะ ทำตาละห้อย
"ใช่ แต่ก็คนละกลุ่มไอ้พวกนี้คอยหาเรื่องข้าเป็นประจำ เมื่อวานข้าเดินเดี่ยวเลยเจอตบ"
หล่อขบกรามกรอด ตาลุกวาวด้วยไฟโทสะกล้า อันเนื่องมาจากสันดานเจ็บร้อนแทนเพื่อนซึ่งมีติดตัวกันทุกคน! เขานิ่งอั้นอยู่ไม่กี่วินาทีก็แค่นเสียงเครียด
"ข้าจะช่วยแก้ให้"
เพื่อนต่างสถาบันเลิกคิ้ว
"เอ็งจะทำไง?"
"เถอะ ขอเวลาข้าอาบน้ำแต่งตัวไม่เกินสิบนาที แล้วไปเฉ่งกะมัน!"
“เฮะ! ไปกันแค่สองคน.....?"
"ใครบอก พรรคพวกเรามี"
"เอ็งจะไปเอาที่ไหน?" เสือร้ายหน้าจืดยันตัวลุดขึ้นเอ่ยสั้นๆ
"หลังวัง"
แก๊งจิ๊กโก๋หลังวังแตกกระจัดพรัดพรายไม่รวมกันเป็นกลุ่มเป็นก้อนแล้วก็จริง แต่ละแวกนั้นก็ยังเป็นย่านที่เหล่าวัยรุ่นทั้งประเภทนักบู๊และนักรัก มันไปเดินเตร็ดเตร่พบปะเสวนากันอยู่เสมอ หล่อ ปังตอ จึงไม่ผิดหวังกับการตั้งเป้าหมายไประดมพลรบที่วังบูรพา ใกล้เที่ยง เขาก็ได้พวกพ้องร่วมลุยมากหน้าประกอบด้วยแดง ไบร์เลย์, สำเภา, หน่อยขาว, ตี๋วัดใต้, ชัย สำเหร่ และคนอื่นๆ รวมกันร่วมสิบ!
แน่นอน ทุกคนล้วนติดอาวุธพร้อมรบ! จากนั้น ไอ้รุ่นอันตรายทั้งแก๊งก็โดดขึ้นรถประจำทาง มุ่งหน้าสู่สะพานความ จุดหมายคือโรงเรียนสวัสดิ์อำนวยเวทย์ ซึ่งตั้งอยู่ริมถนนประดิพัทธ์ ศึกละเลงเลือดกำลังจะอุบัติขึ้นอีกแล้ว!!
โดย เชษฐ์ ชัชวาล
โฆษณา