4 ก.ย. 2020 เวลา 04:11 • หุ้น & เศรษฐกิจ
#เทคนิคการหาหุ้น 10 เด้ง สไตล์ Rakesh Jhunjhunwala
Rakesh Jhunjhunwala
Rakesh Jhunjhunwala เป็นมหาเศรษฐีอินเดียผู้มีความมั่งคั่งสูงถึง
2.8 พันล้านดอลล่าร์
ตามรายงานของ Forbes จะพบว่าชายผู้นี้รวยเป็นอันดับที่ 54 ในอินเดีย และเป็นอันดับที่ 939 ของโลก
Rakesh Jhunjhunwala
Rakesh สามารถมั่งคั่งขึ้นมาได้ถึงระดับนี้จากการลงทุนในหุ้นเพียงเท่านั้น โดยเขาได้เริ่มลงทุนในตลาดหุ้นเมื่อปี 1985 ซึ่งในขณะนั้นมีดัชนีอยู่ราวๆ 150 จุด ในขณะที่ปัจจุบันนั้นดัชนีตลาดหุ้นอินเดียไปไกลถึงกว่า 39,000 จุด
India SENSEX Stock Market Index1979-2020 Data
ผมมีบทความของเขามาฝาก เรื่อง เทคนิคการมองหาหุ้นหลายเด้ง
Rakesh Jhunjhunwala’s tips on how to find multibagger stocks
Tip No. 1: Don’t Look For Multi-baggers
เขียนไม่ผิดครับ เทคนิคแรกสำหรับการมองหาหุ้นสิบเด้ง ก็คือ อย่ามองหาหุ้นสิบเด้ง อิอิ งงไหม
Rakesh บอกว่า เราไม่ควรกำหนดตายตัวเลยว่าจะลงทุนแค่หุ้นเด้งเท่านั้น แต่ให้เราย้อนกลับไปใช้วิธีเดิมๆที่ Benjamin Graham, Peter Lynch, Warren Buffett ได้สอนเรามา นั้นก็คือถ้าเราลงทุนในบริษัทที่พื้นฐานดีและดูมีโอกาสดีในการเติบโต เมื่อเวลาผ่านพอร์ทของเราก็จะสามารถเติบโตเป็นเด้งได้
Tip No. 2: Don’t Look for Profits; Look For Sources Of Profits
อย่ามองที่กำไร จงมองหาแหล่งที่มาของกำไร
Rakesh ให้ข้อคิดที่ว่านักลงทุนส่วนมากมักที่จะดูเพียงยอดขายและกำไรรายไตรมาสระยะสั้นๆเพียงเท่านั้น มันทำให้เราหลุดจากการมองภาพใหญ่ เราควรจะดูที่มาของกำไรและมองหาปัจจัยที่จะสร้างโอกาสให้บริษัทสามารถสร้างกำไรเติบโตได้ในระยะกลางถึงระยะยาวแทน ("That’s missing the wood for the trees")
"Look at the sources of Profits. What are the reasons that will give rise to Profits in the medium and long-term term".
"Look at the factors and circumstances that will create an opportunity for business in the sector".
3
Tip No. 3: Forget ‘Large Cap, Small Cap’ Nonsense – Look For Scalability Of Operations:
ลืมหุ้นใหญ่ ลืมหุ้นเล็กซะ ไร้สาระ! จงมองหาสิ่งที่มันขยายได้
Rakesh ให้ข้อคิด 2 อย่าง อย่างแรก นักลงทุน นักวิเคราะห์ ทั่วไปมักจะถกเถึยงกันถึงว่า หุ้น large cap,mid cap,small cap อันไหนดีกว่ากัน
แต่ Rakesh บอกว่า ไม่ต้องสนใจว่าหุ้นขนาดเล็ก ขนาดกลาง หรือขนาดใหญ่ จะดีกว่ากัน แต่ให้มองไปที่มูลค่าของมัน ไม่ว่าหุ้นจะขนาดใหญ่หรือเล็ก หากมันมีมูลค่าที่ดีก็ซื้อ แต่อย่างไรก็ตามหุ้นขนาดเล็กถึงกลางก็มีโอกาสที่ดีกว่า เพราะการประเมิณมูลค่าอาจจะถูกกว่าและสามารถขยายได้เร็ว
"Forget all that and Look for Value" . "If there is value in Large Cap, buy it. If there is value in Small Cap, buy it. But don’t obsess on irrelevant matters"
Tip No. 4: Give it Time, Be Patient:
จงอดทนและให้เวลากับมัน
นักลงทุนผู้ยิ่งใหญ่เช่น Warren Buffet เคยบอกว่า
"ระยะเวลาที่เราชอบในการถือครอง (หุ้น ) คือตลอดไป"
Rakesh ก็เช่นเดียวกัน แนะนำว่า ให้เวลาในการเติบโตของการลงทุนของเรา และอดทนรอให้คนอื่นมาค้นพบขุมทรัพย์ของเรา จงจำไว้เสมอว่าเราไม่ได้ซื้อหุ้นที่ราคาขึ้นๆลงๆตลอดเวลา เท่านั้น
หากเราจะซื้อหุ้น ธุรกิจนั้นจะต้องมีคุณภาพมากๆ และมีความสามารถในการเติบโตเมื่อเวลาผ่านไป เมื่อเราทำการบ้านตรงนี้เรียบร้อยแล้ว เราก็จะต้องรอให้ตลาดทำงานและสร้างผลตอบแทนให้กับเรา
"Give your investments time to mature. Be Patient for the World to discover your gems"
Tip No. 5: Don’t get carried away by short-term aberrations:
อย่าใส่ใจมากนักกับการเบี่ยงเบนระยะสั้น
นักลงทุนทั่วไปมักสนใจแนวโน้มระยะสั้น เช่นผลประกอบการรายไตรมาส Rakesh ตรงข้ามไม่ให้ความสนใจ
มากนักกับผลประกอบการรายไตรมาส ส่งที่เขาจะทำคือ การมองหา trend.
ผลประกอบการรายไตรมาส จะบ่งขอกถึง trend ว่าอย่างไรเราไม่ควรกังวลกับระยะสั้นมากเกินไปเช่นผลประกอบการรายไตรมาส หากมีไตรมาสหนึ่งที่ไม่ดีก็ไม่จำเป็นต้องหงุดหงิด แต่ให้มองไปว่าผลประกอบการรายไตรมาสมีแนวโน้มอะไรบ้างหรือเปล่า ถ้าตลาดตกใจขายหากมีผลประกอบการไตรมาสออกมาไม่ดี มันอาจจะเป็นโอกาสที่เราจะเข้าไป
1
Tip No. 6: Invest in a business that you can understand:
จงลงทุนในธุรกิจที่คุณเข้าใจ
เหมือน vi ท่านอื่น คือเลือกลงทุนเฉพาะธุรกิจที่เราเข้าใจเท่านั้น เราเข้าใจธุรกิจมากพอหรือเปล่าที่จะสามารถคาดการณ์ได้ว่าอีก 10 - 20 ปีข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้น บริษัทส่งสินค้าเราสามารถเข้าใจได้ว่าในอนาคตก็ยังส่งสินค้าอยู่ แต่สำหรับบริษัทเทคโนโลยีต่างๆที่ดีเยี่ยมในวันนี้ แต่เพียงแค่ 5 ปีก็อาจจะล่าสมัยไปแล้ว
Tip No. 7: Don’t worry about the macro stuff like fiscal deficit, inflation etc which are unknowable. Focus on what is knowable:
อย่ากังวลกับปัจจัยมหภาคมากนัก เช่น การขาดดุลการคลัง เงินเฟ้อ อื่นๆที่ไม่สามารถรู้ได้ จงสนใจกับสิ่งทีสามารถรู้ได้
Rakesh แนะนำว่า อย่าสนใจกับสิ่งที่ไม่สามารถรู้ได้ หรือแม้ว่ารู้แล้วก็ไม่สามารถทำอะไรได้ แต่จงมุ่งมั่นทุ่มเทพลังงานของคุณทั้งหมด
ไปกับสิ่งที่คุณสามารถเรียนรู้ได้ดีเพียงพอ เช่นธุรกิจของบริษัทที่คุณลงทุน
Tip No. 8 : Don’t Try To Time The Market:
อย่าจับจังหวะตลาด
อย่าจับจังหวะตลาด เพราะคุณจะไม่สามารถหาจุดต่ำสุดของตลาดได้
ถ้าคุณหาหุ้นที่ถูกเมื่อเทียบกับมูลค่าแท้จริง ซื้อมันซะ!
Tip No. 9 : If it’s cheap, buy it- Don’t pass up something cheap today in the hope that it will get cheaper tomorrow:
ถ้ามันถูกก็ซื้อมันซะ อย่าปล่อยสิ่งที่คิดว่าถูกวันนี้โดยคาดหวังว่ามันจะถูกกว่าในวันพรุ่งนี้
ถ้าคุณเห็นโอกาสในวันนี้ จงคว้ามันไว้ซะ! โอกาสดีเยี่ยมหลายครั้งหลุดลอยไปเพียงเพราะการผลัดวันประกันพรุ่ง
1
Tip No. 10 : Don’t buy stocks that have a fixed return:
อย่าซื้อหุ้นที่มีรายได้คงที่
คำแนะนำอันนี้ ตอนแรกดูเหมือนน่าขำ เพราะคงไม่มีใครอยากซื้อหุ้นที่อยู่กับที่หรอก
แต่พบว่า นักลงทุนส่วนใหญ่กับมองข้ามข้อแนะนำอันนี้ Rakesh ยกตัวอย่างของหุ้นพวกนี้เป้นพวกหุ้น
ของพวกบริษัทเช่นพวกขายไฟฟ้าหรือสาธารณูปโภค ที่ไม่สามารถที่จะมีกำไรมากกว่าที่กฏหมายกำหนดไว้เท่านั้น
Tip No. 11: Ride your winners!!
ปล่อยให้หุ้นผู้ชนะวิ่งไปเรื่อยๆ
เมื่อไหร่จะถึงเวลาขายหุ้นเด้งออกไป? คำตอบคือไม่มีวัน เราไม่ควรจะขายหุ้นเพราะเพียงแค่อยากจะขาย เราไม่ควรคิดว่าหุ้น 10 เด้งในวันนี้จะไม่สามารถกลายเป็น 20 เด้งได้ในอนาคต แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีวันขายเลย มีอยู่ 2 สถานการณ์ที่เราควรจะพิจารณาขาย ข้อแรกคือเมื่อพบโอกาสที่ดีกว่าและไม่มีเงินสดแล้ว ข้อสองคือเมื่อตลาดไร้เหตุผลมากจนทำให้ PE ของตลาดมันสูงเกินไป
Tip No. 12: Concentrate, concentrate & concentrate!!
มุ่งมั่น มุ่งมั่น และ มุ่งมั่น
เป็นที่ถกเถียงกันในหมู่นักลงทุนว่าการลงทุนแบบกระจายความเสี่ยงแบบไข่ในตระกร้าหลายใบหรือตระกร้าใบเดียว
อันไหนดีกว่ากัน
Rakesh เป็นพวกที่เน้นแนะนำให้ลงทุนที่เรามั่นใจเท่านั้นว่าจะมีผลตอบแทนดีกว่าหุ้นตัวอื่นๆ ไม่สนใจการกระจายความเสี่ยง
ในหุ้นหลายตัวเพียงเพราะต้องการปกป้องพอร์ต
จบแล้วครับ ผิดพลาด ตกหล่น ขออภัยครับ
อ้างอิง
• สมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า ประเทศไทย http://www.thaivi.org
โฆษณา