5 ก.ย. 2020 เวลา 08:48 • สิ่งแวดล้อม
3. อย่างที่เราทราบกันดีว่า ปริมาณขยะที่เพิ่มขึ้นคือ ปัญหาที่เรากำลังเผชิญกันอยู่ในเรื่องของการจัดการ โดยนอกจากหลัก 3R ที่เป็นแผนระยะยาวแล้ว เรื่องของการจัดการที่ได้ผลทั้ง 2 ทาง เห็นจะเป็นการแปลงขยะให้เป็นพลังงานโดยเฉพาะการเผาเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าหรือก๊าซ แต่สิ่งหนึ่งที่มักจะมีคำถามตามมาคือ เราได้ประโยชน์หรือเสียประโยชน์กันแน่ โดยเฉพาะในเรื่องของสภาพแวดล้อมสำหรับคนที่อาศัยอยู่ในบริเวณรอบโรงไฟฟ้าที่มีเตาเผาขยะ ซึ่งตามนโยบายส่งเสริมการการแปรรูปขยะเป็นพลังงานของรัฐบาล สิ่งที่เน้นย้ำมากคือ การกำจัดขยะโดยไม่ให้ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
ในการจัดการขยะควรพิจารณาแบบบูรณการหมายถึงการจัดการมูลฝอยที่เลือกเทคโนโลยีซึ่งสามารถกำจัดขยะได้อย่างเหมาะสมตามคุณลักษณะและปริมาณของขยะมูลฝอยและเป็นที่ยอมรับของประชาชน รวมทั้งยังคงหลักการเกี่ยวกับการสงวนรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมาเป็นแนวทางพิจารณาที่สำคัญ โดยไม่ได้มุ่งแต่ประโยชน์ทางด้านเศรษฐกิจหรือด้านเทคนิคด้านใดด้านหนึ่งเพียงอย่างเดียว
สำหรับโรงไฟฟ้าที่ใช้ขยะเป็นเชื้อเพลิงจะนำขยะมาเผาบนตะแกรงความร้อนที่เกิดขึ้นใช้ต้มน้ำในหม้อน้ำจนกลายเป็นไอน้ำเดือดซึ่งจะไปหมุนกังหันของเครื่องกำเนิดไฟฟ้า (เหมือนกับโรงไฟฟ้าอื่น ๆ) ที่ผ่านมาเรารวบรวมขยะ คัดแยก และปรับปรุงคุณภาพ เพื่อนำขยะชนิดต่างๆ เข้าสู่การรีไซเคิลและนำกลับมาใช้ใหม่ แต่จะมีขยะอีกจำนวนที่ไม่สามารถรีไซเคิลได้ แต่พอมีโรงงานไฟฟ้าปัญหาดังกล่าวหมดไปเพราะขยะต่างๆ จะนำมาใช้เป็นขยะเชื้อเพลิง RDF (Refuse Derived Fuel) เป็นขยะแห้งที่ผ่านการปรับปรุงคุณภาพให้เกิดค่าความร้อนสูงนับเป็นการสำรองพลังงานไว้ใช้ ซึ่งหัวใจหลักของพลังงานสะอาดอยู่ที่ความสามารถในการรวบรวมไว้แบบประหยัดและปรับปรุงคุณภาพให้ได้ความร้อนที่นำไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด จากนั้นเข้าสู่การปรับปรุงคุณภาพเพื่อนำมาใช้เป็นพลังงานเชื้อเพลิงทดแทนที่มีคุณภาพสูงด้วยเทคโนโลยีที่มีความปลอดภัยสูง
ด้วยมาตรการการควบคุมมลพิษที่ไม่ส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อม ไฟฟ้าที่ได้จากเชื้อเพลิง RDF มีความสามารถในการผลิตกระแสไฟฟ้าถึง 1 เมกะวัตต์ ซึ่งเพียงพอต่อการใช้งานได้ในชุมชนขนาดเล็กถึง 300 หลังคาเรือน นับเป็นพลังงานสะอาดที่มีค่าความร้อนสูง และไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
อ้างอิง
1. กรมควบคุมมลพิษ
2. ดร. เชาวน์ นกอยู่
โฆษณา