6 ก.ย. 2020 เวลา 13:04 • หุ้น & เศรษฐกิจ
Jim Rickards 24/08/2020
Central Banks Driving Gold
ทองคำเป็นประเภทของสินทรัพย์ที่สร้างความสับสนให้กับนักลงทุนเป็นอย่างมาก ไม่เว้นแม้แต่นักลงทุนที่มีความเก่งกาจ ซึ่งพวกเขาจะเคยชินกับการได้ยินเสียงหัว
เราะเยาะเย้ยว่า ทองคำเป็นเเค่ “shiny rock”
นักวิเคราะห์ทองคำก็ล้อเลียนคนที่ลงทุนในทองคำว่าเป็น“gold bugs,” “gold nuts” หรือที่แย่กว่านั้น
ผมคุ้นเคยกับเรื่องแบบนี้มานาน
แต่ผมก็ยังคงวิตกกังวลเมื่อเราตระหนักถึงขอบเขตที่ทองคำไม่ได้ถูกนำมาใช้อย่างจริงจัง เรามองทองคำเป็นเเค่ commodity ชนิดนึงเท่านั้น
ไม่ต่างจากถั่วเหลืองหรือข้าวสาลี
เหตุผลของการดูหมิ่นทองคำนั้นไม่ใช่เรื่องยากที่จะเข้าใจ เศรษฐกิจชนชั้นสูงและนักวิชาการเศรษฐศาสตร์ควบคุมธนาคารกลาง ธนาคารกลางควบคุมสิ่งที่เราพิจารณาในตอนนี้ว่าเป็น “money”
(ดอลลาร์ ยูโร เยน และสกุลเงินหลักอื่น ๆ )
อันนี้สำคัญครับ
**ผู้ที่ควบคุมปริมาณเงินสามารถควบคุมเศรษฐกิจทางอ้อม และสามารถควบคุมชะตากรรมของประเทศนั้นๆได้อย่างง่ายดาย
วิธีการนั้นสามารถทำได้ผ่านการตัดสินใจว่าจะผ่อนปรน
หรือ เข้มงวดกับเงื่อนไข Credit นั่นเอง
พวกเขาสามารถกำหนดเวลาและปริมาณที่ตนเห็นด้วย
(หรือไม่เห็นด้วย)
เมื่อคุณเลือกที่จะผ่อนปรนเงื่อนไข Credit
ในสถานการ์ที่ยากลำบาก
นั่นแสดงให้เห็นว่าคุณกำลังจะช่วยสถาบันที่คุณได้รับการสนับสนุน (ส่วนใหญ่เป็นธนาคาร) เพื่อให้ผ่านพ้นวิกฤตไปได้
หากคุณเข้มงวดในเงื่อนไข Credit ในสภาพแวดล้อมที่ยากลำบาก คุณก็สามารถการันตีได้เลยว่าจะมี บริษัท ธนาคารหรือ แม้แต่ประเทศต่างนั้นจะล้มครืนลงไป
อำนาจนี้ขึ้นอยู่กับเงิน และเงินถูกควบคุมโดยระบบของธนาคารกลางของสหรัฐเป็นหลัก อย่างไรก็ตามอำนาจนี้ขึ้นอยู่กับการผูกขาดในการสร้างเงิน
(พอจะนึกภาพออกเเล้วใช่มั้ยครับ)
ตราบใดที่นักลงทุนและสถาบันการเงินถูกอิทธิพลบีบบังคับให้เข้าสู่ระบบที่ใช้เงินดอลลาร์ (dollar-based system) ดังนั้นการควบคุมของดอลลาร์เท่ากับการควบคุมสถาบันเหล่านั้นเช่นกัน
เเต่ในขณะนี้ยังมีเงินอีกรูปแบบหนึ่งที่กำลังแข่งขันกับดอลลาร์ (หรือ ยูโร ฯลฯ )
ในฐานะที่มันเป็นที่เก็บมูลค่าและสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน มันคือสิ่งที่จะทำลายการควบคุมของกลุ่ม elites
ทองคำ..
Biznews
นี่คือสาเหตุที่ทำให้ชนชั้นสูงดูหมิ่นและทำให้ “ทองคำ”ดูแย่ลง มันง่ายมากที่จะแสดงให้เห็นว่าทำไมทองคำถึงเชื่อถือได้มากกว่าเงินที่ออกโดยธนาคารกลาง และเหตุใดทองคำจึงเป็นภัยคุกคามต่อการผูกขาดเงินที่ชนชั้นสูงต้องพึ่งพาเพื่อรักษาเเละขยายอำนาจของตน
ทองคำไม่เพียงแต่จะเป็นรูปแบบของเงินที่มีความเหนือกว่า แต่อยู่เหนือการควบคุมของศูนย์กลางใดๆทั้งปวง รวมไปถึงธนาคารหรือกลุ่มบุคคล
ใช่คนงานเหมืองควบคุมผลผลิตใหม่
แต่ผลผลิตประจำปีคิดเป็นเพียงประมาณ 1.8% ของทองคำเหนือพื้นดินทั้งหมดในโลก
มูลค่าของทองคำไม่ได้ถูกกำหนดโดยผลผลิตใหม่
แต่เกิดจากความต้องการทองคำเหนือพื้นดินซึ่งมีขนาดกว่า 190,000 เมตริกตัน
Demand ทองคำบนพื้นดินส่วนใหญ่เป็นของธนาคารกลางและกระทรวงการคลัง
(ประมาณ 34,000 เมตริกตัน)
หรือความต้องการการส่วนตัว
ไม่ว่าจะเป็นเครื่องประดับ (“ ความมั่งคั่งที่สวมใส่ได้”)
หรือทองคำแท่ง (เหรียญและแท่ง)
ไม่มีปริมาณทองคำเพียงพอสำหรับการซื้อขายและการลงทุนแบบวันต่อวัน (Real Physical)
ทองคำนั้นมีค่าและเป็นเงินอีกรูปแบบหนึ่งที่ทรงพลัง
แต่ไม่ตกอยู่ภายใต้การควบคุมของสถาบันเดียวหรือกลุ่มสถาบันใด ๆ เห็นได้ชัดว่าทองคำเป็นภัยคุกคามต่อการผูกขาดเงินของธนาคารกลาง ทองไม่สามารถทำให้หายไปได้ (มันมีมูลค่ามากเกินไป)
และแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะยึดมาได้
(ทั้งๆที่ข่าวลืออย่างต่อเนื่องถึงผลกระทบนั้น)
หากทองคำเป็นภัยคุกคามต่อระบบการเงินของธนาคารกลาง และไม่สามารถทำให้หายไปได้ ซึ่งอาจทำให้ส่งผลกระทบด้านลบในอนาคต
ดังนั้น จึงเป็นเรื่องสำคัญสำหรับนายธนาคารกลางและนักเศรษฐศาสตร์วิชาการที่จะสร้างเรื่องเล่าต่างๆ ทำให้นักลงทุนซึมซับได้ง่ายว่าทองคำไม่ใช่เงิน..
(1) There’s not enough gold in the world to support trade and commerce.
-มีทองคำไม่เพียงพอในโลกที่จะสนับสนุนการค้าและการพาณิชย์ ( นั่นเป็น เท็จ ) : มีทองคำเพียงพอเสมอ มันเป็นเพียงคำถามของราคาทองเพื่อรองรับจำนวนธุรกรรมที่เพิ่มมากขึ้น
(2) Gold supply cannot expand fast enough to keep up with economic growth.
-Supply ของทองคำไม่สามารถขยายตัวได้เร็วพอที่จะรองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจ ( นั่นเป็น เท็จ) : การทำให้อุปทานอย่างเป็นทางการผิดกับอุปทานทั้งหมด โดยธนาคารกลางนั้นสามารถทำได้ โดยใช้การพิมพ์เงินและซื้อทองคำจากเอกชน ขยายปริมาณเงิน ขยายปริมาณทองคำที่มีและรองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
(3) Gold causes financial panics and crashes.
-ทองคำเป็นผลให้การเงินเกิดการล่มสลายของระบบการเงิน(นั่นเป็น เท็จ ) : วิกฤตเศรษฐกิจมันเกิดขึ้นระหว่างที่พวกเราใช้มาตรฐานทองคำ
เเละถึงเเม้ว่ามันจะสิ้นสุดไปแล้ววิกฤตเศรษฐกิจก็ยังเกิดขึ้นอยู่ดี
มันเกิดจากการสูญเสียความเชื่อมั่นในธนาคาร เงินกระดาษ หรือเศรษฐกิจ ไม่มีความสัมพันธ์ระหว่างทองคำและวิกฤตระบบการเงินเเต่อย่างใด)
(4) Gold caused and prolonged the Great Depression
-ทองคำทำให้เกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่
( นั่นเป็นเท็จ) : แม้แต่ Milton Friedman เเละ Ben Bernanke ยังเขียนว่าภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่
เกิดจากธนาคารกลางของสหรัฐฯ (Federal Reserve System) หรือ เฟด (FED)
Cr. wikipedia
ในช่วงภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ปริมาณเงินพื้นฐานอาจเป็น 250% ของตลาดทองคำ(ที่เป็นทางการ) จริงๆปริมาณเงินที่แท้จริงมันไม่ควรเกิน 100% ของมูลค่าทองคำ กล่าวอีกนัยหนึ่ง Fed สามารถเพิ่มปริมาณเงินได้มากกว่าสองเท่าแม้ว่าตอนนั้นเรายังคงใช้ Gold standard ก็ตาม
เเละมันก็ล้มเหลวในการทำเช่นนั้น
(เป็นความล้มเหลวของ Fed ไม่ใช่ความล้มเหลวของทองคำ)
เมื่อคุณเข้าใจในสิ่งที่กล่าวมาข้างต้น คุณจะเข้าใจว่าทำไมมีเรื่องเล่าต่างๆมากมายที่บอกว่า “ทองคำไม่ใช่ Money” แต่เรื่องเล่าเหล่านั้นเป็นเท็จ ประชาชนทุกวันนี้เชื่อในสิ่งที่นักเศรษฐศาสตร์พูด
(โดยปกติเป็นความคิดที่ไม่ดี)
หรือไม่รู้ประวัติศาสตร์เศรษฐกิจเพียงพอที่จะหักล้างความคิดของนักเศรษฐศาสตร์เหล่านั้นได้
(และคุณจะรู้ประวัติศาสตร์ได้อย่างไรถ้าพวกเขาหยุดสอนไปเมื่อ 50 ปีก่อน)
สิ่งสำคัญที่สุดคือนักเศรษฐศาสตร์รู้ว่าทองคำอาจเป็นรูปแบบที่ใช้งานได้ เเละมันสมบูรณ์เหมือนเงินตรา
เหตุผลที่พวกเขาไม่ต้องการ
เพราะมันทำให้อำนาจผูกขาดของพวกเขาลดลง
การพิมพ์เงินจะลดลง
อำนาจทางการเมืองซึ่งมีอำนาจเหนือประชาชนและประเทศชาติจะถูกลดทอน
พวกเขาสร้างเรื่องเล่าเท็จเกี่ยวกับสาเหตุที่ทองคำไม่สามารถใช้งานเป็น Money ได้ คนส่วนใหญ่ก็เชื่อง่ายเกินไปเกี่ยวกับเรื่องเล่าเหล่านี้ อาจเป็นเพราะพวกเขาไม่มีความรู้เพียงพอที่จะมองเห็นมัน
ในความเป็นจริงธนาคารกลางเปลี่ยนจากการเป็นผู้ขายสุทธิ เป็นผู้ซื้อทองคำสุทธิตั้งเเต่ปี 2010 และสถานะการซื้อสุทธิยังคงมีอยู่นับตั้งแต่นั้นมา ผู้ซื้อรายใหญ่ที่สุดคือรัสเซียและจีนแต่ยังมีการซื้อสินค้าจำนวนมากโดย อิหร่าน ตุรกี คาซัคสถาน เม็กซิโก และเวียดนาม
Here’s the bottom line:
ธนาคารกลางมีการผูกขาดปริมาณเงิน โดยมีทองคำเป็นคู่แข่งธนาคารกลางส่วนใหญ่ชอบที่จะเพิกเฉยต่อทองคำ แต่ขณะเดียวกันธนาคารกลางก็เป็นผู้ซื้อทองคำสุทธิในปริมาณมหาศาลเช่นเดียวกัน
ธนาคารกลางกำลังส่งสัญญาณผ่านการกระทำของพวกเขา พวกเขากำลังสูญเสียความเชื่อมั่นในสกุลเงินของตนเอง พวกเขาเตรียมพร้อมสำหรับวันที่ความเชื่อมั่นในเงินของธนาคารกลางจะพังทลายลงทั่วโลก และทองคำจะเป็นเงินรูปแบบเดียวที่ทุกคนต้องการ
เนื่องจากความเชื่อมั่นในค่าเงินดอลลาร์ถูกทำให้สั่นคลอน การพิมพ์เงินของ Fed
และการขาดดุลที่มากขึ้นเรื่อยๆ นักลงทุนจะค่อยๆมองหาสถานที่อื่นๆที่จะวางความมั่งคั่งของตนไว้ ทองคำคือหนึ่งในนั้น
แนวโน้มเหล่านี้เริ่มต้นอย่างต่อเนื่อง ราคาของทองคำเริ่มปรับตัวสูงขึ้น นักลงทุนจะสังเกตเห็นคนลงทุนในทองคำมากยิ่งขึ้น
นักลงทุนชอบพูดว่าราคาทองคำกำลังขึ้น แต่สิ่งที่เกิดขึ้นจริงก็คือมูลค่าของเงินดอลลาร์กำลังลดลง (ต้องให้ใช้เงินมากกว่าดอลลาร์ในการซื้อในจำนวนเดียวกับทอง)
นี่คืออัตราเงินเฟ้อที่แท้จริงและการล่มสลายของเงินดอลลาร์ที่แท้จริงนักลงทุนส่วนใหญ่พลาดในช่วงขั้นตอนข้างต้น ในที่สุดความเชื่อมั่นในเงินดอลลาร์จะหายไปอย่างสมบูรณ์ นายธนาคารกลางจะต้องคืนความมั่นใจและพวกเขาจะหันไปใช้มาตรฐานทองคำหรือมาตรฐานอะไรบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับทองคำ
เราอยู่ไกลจากจุดนั้นในตอนนี้
แต่ถ้าธนาคารกลางและที่ปรึกษาของพวกเขาทั้งหมดกำลังกระโดดขึ้นไปบนรถม้า
ในครั้งนี้ คุณจะรออะไรอยู่ ?
Jim Rickards..
บังหวังว่าบทความนี้จะให้มุมมองที่กว้างมากขึ้น
โดยเฉพาะคนที่กำลังจะลงทุนในทองคำหรือกำลังคิดจะขายทองคำในตอนนี้นะครับ
อย่าลืมคิดวิเคราะห์ ทำการบ้านด้วยตัวเองเสมอ
เพราะความรู้คือของขวัญที่ดีที่สุด 📚
ตอนนี้บังได้สร้างซีรีส์อัลบั้มของบทความไว้เเล้ว
สำหรับคนที่สนใจสามารถติดตามอ่าน
ย้อนหลังได้ที่ลิงก์ด้านล่างนี้เลยนะครับ
ถ้าตลาดหุ้นกำลังจะถล่ม
เราอยู่ในจุดที่ต่ำสุดเเล้วหรือยัง ?

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา