6 ก.ย. 2020 เวลา 02:48 • ประวัติศาสตร์
เทพแห่งการแหกคุก
เราอาจเคยได้ยิน
วิธีการแหกคุกของนักโทษ
ไม่ว่าจะเป็นใช้การขุดดิน
ขุดกำแพง หรือใช้อาวุธความรุนแรงกับผู้คุม
แต่มีนักโทษชาวญี่ปุ่นคนหนึ่ง
กลับใช้ “น้ำซุปมิโซะ” ในการสะเดาะกุญแจ
แหกคุกออกมา
นักโทษคนนี้มีชื่อว่า “โยชิเอะ ชิราโทริ”
โยชิเอะ ชิราโทริ เกิดเมื่อปี 1907
เขาโตมาในชุมชนที่ไม่ดีเท่าไร ทำให้มักมีเรื่องชกต่อยอยู่ตลอด
จนเมื่อโยชิเอะอายุได้ 26 ปี
เขาถูกจับในข้อหาฆาตกรรมเพื่อชิงทรัพย์
โยชิเอะ ชิราโทริ เทพแห่งการแหกคุก อ้างอิงภาพจาก Breaking Asia
โยชิเอะ ปฏิเสธข้อกล่าวหา
พร้อมบอกว่าเขาเป็นผู้บริสุทธิ์
เขาเป็นเพียงแค่แพะที่ถูกตำรวจจับมาตัดสินคดี
แต่ไม่ว่าโยชิเอะ จะพูดมากมายแค่ไหน
ก็ไม่มีใครเชื่อ เขาถูกตัดสินให้จำคุกตลอดชีวิต
ในคุกอาโอโมริ คุกที่บ้านเกิดของเขาเอง
ซึ่งการถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิต
อาจเป็นจุดสิ้นสุดของชีวิตของนักโทษหลายๆ คน
แต่สำหรับโยชิเอะ แล้วมันกลับเป็นจุดเริ่มต้น
ของตำนานที่ถูกกล่าวขานมาร้อยปี
เขาอาศัยอยู่ในคุกที่อาโอโมริด้วยความยากลำบาก
เขาถูกปฏิบัติอย่างเลวร้าย ถูกแกล้ง ถูกทำโทษสารพัด
เขาไม่เข้าใจว่าชีวิตเขาทำไมต้องเจอเรื่องราวแบบนี้
ทั้งๆ ที่ตัวเขาเป็นผู้บริสุทธิ์
3 ปี ผ่านไปในคุกที่อาโอโมริ
โยชิเอะก็หมดความอดทน
เขาตัดสินใจที่จะแหกคุกหนี
โยชิเอะอาศัยช่วงเวลาผลัดเปลี่ยนผู้คุมในการหนี
เขาใช้ลวดจากถังตักอาบน้ำ
เอามาสะเดาะกุญแจมือ รวมถึงประตูห้องขัง
และเอาเศษไม้ เศษขยะมากองสุมเป็นตัวเขา
เหมือนนอนหลับห่มผ้าอยู่ จากนั้นก็หนีไปได้อย่างง่ายดาย
ผู้คุมต่างตกใจว่าเขาแหกคุกหนีไปได้ยังไง
แต่ไม่นานนักเขาก็ถูกจับได้
ขณะกำลังจะขโมยของในโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้ๆ คุก
เจ้าหน้าที่ต่างกังวลว่าหากขังโยชิเอะไว้ที่คุกแห่งนี้
เขาอาจจะหนีออกไปได้อีกครั้ง
จึงตัดสินใจส่งเขาไปเข้าคุกที่อากิตะ
ซึ่งมีระบบการป้องกันเรือนจำดีกว่าที่อาโอโมริ
คุกที่อากิตะเป็นห้องหลังคาสูง
มีกำแพงเรียบ ไม่มีอะไรให้เราจับ
คนไม่สามารถปีนป่ายได้ และด้วยโยชิเอะ
มีประวัติแหกคุกหนีมาก่อน จึงยิ่งถูกจับตาเป็นพิเศษจากผู้คุม
เขาถูกลงโทษ ถูกทรมาน อีกเช่นเดิม
แต่เขาก็อดทน
ทุกวันเขาจะสะเดาะกุญแจมือ แล้วค่อยๆ ฝึกซ้อมกระโดดปีนกำแพงทุกวัน
พอฝึกเสร็จก็เอากุญแจมือกลับเข้าใส่ไว้แล้วนอน
เขาทำทุกวันๆ จนในที่สุดเขาก็มีความสามารถปีนกำแพงเรียบได้สำเร็จ
เขาปีนกำแพงได้ก็ค่อยๆ ทำการขยับเพดานไม้ด้านบน
ทำทุกวันๆ จนมันหลุดออก แล้วเขาก็แหกคุกได้สำเร็จอีกครั้ง
แต่เมื่อเขาแหกคุกได้แล้วไม่อยากหลบหนีอีก
จึงไปหาเจ้าหน้าที่คนหนึ่งที่เคยทำดีกับตัวโยชิเอะ
เจ้าหน้าที่คนนี้คือคนเดียวที่ตัวโยชิเอะไว้ใจ
เขาบอกกับเจ้าหน้าที่คนนั้นว่าตัวเขาอยากพิสูจน์ความบริสุทธิ์
อยากให้ศาลรับเรื่องการสู้คดีของเขา
พร้อมกับเรียกร้องให้ระบบการดูแลผู้ต้องหาในคุกให้มีชีวิตที่ดีกว่านี้
ไม่ถูกกลั่นแกล้ง ลงโทษ ทรมานเหมือนตกนรก
ซึ่งเจ้าหน้าที่คนนั้นก็ตกปากรับคำแต่โดยดี
พร้อมกับให้โยชิเอะเข้าห้องน้ำ ชำระล้างตัว ทำความสะอาดร่างกาย
เพื่อผ่อนคลายก่อน
แต่ในขณะที่โยชิเอะอยู่ในห้องน้ำอยู่นั่นเอง
เจ้าหน้าที่คนนี้ก็หักหลัง ได้แจ้งตำรวจให้มาจับตัวโยชิเอะคาห้องน้ำ
การหักหลังของเจ้าหน้าที่ทำให้โยชิเอะแค้นใจมาก
และสัญญากับตัวเองว่าจะไม่ไว้ใจเจ้าหน้าที่คนไหนอีก
เขาสัญญากับตัวเองว่าเขาจะแหกคุกออกไปอีกให้ได้
เขาถูกจับไปคุมขังที่ คุกอะบาชิริ ที่ฮอกไกโด
คุกอะบาชิริ จัดว่าเป็นคุกสุดโหดในญี่ปุ่น
มีไว้สำหรับขังนักโทษอุกฉกรรจ์ มีการทำโทษ
ใช้แรงงานนักโทษอย่างหนักในขณะที่อากาศที่ฮอกไกโด
ก็หนาวเย็นสุดๆ และที่คุมขังก็มีการป้องกันอย่างหนาแน่นเข้มงวด
โยชิเอะ ถูกผู้คุมเฝ้าจับตาอยู่ตลอด
แต่เขาก็ได้ร่ายเวทมนตร์พาตัวเองแหกคุกได้สำเร็จอีกครั้ง
การแหกคุกครั้งนี้ทำให้ชื่อเสียงของเขาโด่งดังไปทั่วญี่ปุ่น
เพราะเป็นการแหกคุกที่โหดร้ายเข้มงวดที่สุดแล้วในเกาะญี่ปุ่น
แถมอุปกรณ์ที่ตัวโยชิเอะนำมาใช้แหกคุกคือ ซุปมิโซะ
ทุกวันโยชิเอะจะกินซุปมิโซะเหลือไว้นำมาหยอดกุญแจมือ
กลอนประตู กรงขัง เขาทำอย่างนี้ทุกมื้อ ทำแบบนี้ทุกๆ วัน
จนเวลาผ่านไปหลายเดือน กุญแจมือ กลอนประตู กรงขังก็ผุกร่อน
เขาแค่ออกแรงหน่อยก็ถอดกุญแจมือ ถอดซี่ประตูได้
แต่ซี่ประตูขังก็ยังมีช่องว่างที่แคบไปสำหรับการเอาตัวคนลอดผ่านได้
เขาเลือกใช้วิธีทำตัวเองให้ไหล่หลุดเพื่อที่จะหมุดผ่านซี่ลูกกรงมาได้
เมื่อผ่านลูกกรงมาได้เขาก็ปีนขึ้นไปยังคานไม้ที่ค้ำหลังคา
เขาใช้หัวโขกตรงกระจกให้แตก แล้วกระโดดลงพื้นออกมา พร้อมกับวิ่งหนีอย่างสุดชีวิต
ผู้คุมต่างรู้สึกทึ่งกับการแหกคุกของโยชิเอะ
เพราะที่คุกอะบาชิริ ไม่เคยมีใครแหกคุกได้มาก่อน
และไม่เคยมีใครคิดว่ากุญแจสำคัญในการแหกคุกครั้งนี้
จะมาจากน้ำซุปมิโซะ การแหกคุกของโยชิเอะในครั้งนี้
จึงกลายเป็นตำนาน จนภายหลังคุกอะบาชิริได้เปลี่ยนมาเป็นพิพิธภัณฑ์
แสดงเรื่องราวภายในคุก พร้อมหุ่นขี้ผึ้งจำลองการปีนคานหนี
ของโยชิเอะให้เราได้เห็น
ปัจจุบัน คุกอะบาชิริ ได้กลายมาเป็นพิพิธภัณฑ์ เป็นแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังที่ฮอกไกโด ภายในพิพิธภัณฑ์จะมีหุ่นขี้ผึ้ง โยชิเอะ จำลองการปีนคานแหกคุกอันโด่งดังให้พวกเราได้เห็น อ้างอิงภาพจาก Breaking Asia @Yusuke Umezawa
ฝ่ายโยชิเอะเมื่อแหกคุกได้สำเร็จก็ไปซ่อนตัวอยู่แถวฮอกไกโดได้ราวสองปี
แล้วเขาก็ถูกจับได้อีกครั้ง หลังพยายามไปขโมยมะเขือเทศในสวน
ครั้งนี้โยชิเอะถูกตัดสินโทษประหารชีวิต เขาถูกส่งไปที่คุกในซัปโปโร
เพื่อรอวันประหาร เขาถูกจับตาเฝ้ามองอย่างพิเศษ เพราะทุกคนทราบวีรกรรมการ
แหกคุก 3 ครั้งที่ผ่านมาของเขาอย่างดี
ห้องขังของเขาถูกออกแบบมาอย่างพิเศษ ประตูหน้าต่างทำอย่างแข็งแรง
และมีขนาดเล็กมากๆเพื่อป้องกันการมุดหนีออกมา
พร้อมกับมีเจ้าหน้าที่ 6 นายต่างผลัดกันเฝ้าดูตลอดเวลา
แม้เข้าห้องน้ำ หรืออาบน้ำก็ตาม
ภายในพิพิธภัณฑ์คุกอะบาชิริ ได้จำลองสภาพห้องขังที่โยชิเอะถูกจำคุกในช่วงเวลานั้น อ้างอิงภาพจาก Breaking Asia @David mcKelvey
ผ่านไปหลายเดือน โยชิเอะ เอาแต่นั่งเหม่อมองเพดานอย่างคนสิ้นหวัง
แถมไม่ยอมพูดยอมจากับใคร จนเจ้าหน้าที่ทุกคนคิดว่า
โยชิเอะคงจะถอดใจยอมแพ้ ยอมรับชะตากรรมแล้ว
แต่ทุกสิ่งทุกอย่างที่โยชิเอะทำ ก็เพื่อจะหลอกเหล่าผู้คุมให้ตายใจ
พอถึงเวลากลางคืน เขาก็แอบถอดพื้นไม้ใต้ที่นอนออก
แล้วใช้ชามซุปขุดพื้นดินทุกๆ คืน แล้วเอาสิ่งของต่างๆ มากองเป็นตัวเขา
นอนห่มผ้าหลอกผู้คุมแทน และการที่เขาเงียบไม่ยอมพูดจา
ไม่ยอมโต้ตอบกับเจ้าหน้าที่มาตลอด
ก็ทำไว้เพื่อให้ผู้คุมไม่ต้องสงสัยถ้าเขาจะเงียบไปในตอนกลางคืน
แล้วโยชิเอะ ก็ขุดดินพาตัวเองแหกคุกออกมาได้สำเร็จเป็นครั้งที่ 4
หล้งแหกคุกออกมาได้ โยชิเอะก็ได้ติดต่อเจ้าหน้าที่คนหนึ่งอีกครั้ง
แม้จะเคยโดนหักหลังมาก็ตาม เพราะเขาไม่อยากต้องใช้ชีวิตอย่างหลบๆ ซ่อนๆ
ไปตลอด เพราะถึงแม้เขาสามารถแหกคุกออกมาได้ทุกครั้ง
แต่สุดท้ายเขาก็โดนจับกลับมาติดคุกได้อยู่ดี
เขาตกลงกับเจ้าหน้าที่คนนั้นว่า
เขาจะยอมมอบตัว โดยมีข้อแม้ว่า เขาต้องได้รับการไต่สวนที่เป็นธรรม
ในที่สุดศาลก็พิจารณายกเลิกโทษประหารชีวิตของเขาลง หลังเห็นว่าทุกครั้ง
ที่โยชิเอะแหกคุกออกมาก็ไม่ได้ทำร้ายเจ้าหน้าที่แต่อย่างใด
ซึ่งเจ้าหน้าที่ของแต่ละคุกก็ได้ให้ปากคำอันเป็นประโยชน์
เขาถูกศาลตัดสินให้จำคุก 20 ปี ที่คุกในโตเกียว
คุกที่โตเกียว ความเป็นอยู่ของนักโทษแตกต่างไปจาก
คุกที่เขาเคยอยู่เป็นอย่างมาก เขาได้รับการปฏิบัติอย่างดี
โยชิเอะ จึงไม่คิดที่จะแหกคุกอีกเลย เขาเป็นนักโทษชั้นดี
จึงถูกลดหย่อนโทษเรื่อยๆ จนเขาติดคุก 11 ปี ก็ได้รับการปล่อยตัว
โยชิเอะ ได้รับการปล่อยตัวออกจากคุกในวัย 54 ปี
การออกจากคุกในครั้งนี้ เป็นการได้รับอิสระอย่างแท้จริง
โดยที่เขาไม่ต้องแหกคุกออกมาแต่อย่างใด
เขาเสียชีวิตจากหัวใจวายในวัย 72 ปี
ทิ้งตำนานการแหกคุกสี่ครั้งเอาไว้ให้เราได้เรียนรู้ศึกษา
ปัจจุบันก็ยังไม่มีใครรู้ว่าโยชิเอะทำผิดจริง
หรือถูกใส่ร้าย ถูกจับเป็นแพะให้มารับโทษอย่างที่ตัวเขาเองบอกอยู่เสมอ
แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม
เขาก็ไม่เคยยอมแพ้ต่อโชคชะตา
สู้เพื่อที่จะพาตัวเองไปสู่อิสรภาพ
อิสรภาพอันมีค่าที่ไม่ว่าใครต่างก็ต้องการมี...
อ้างอิงข้อมูลและภาพจาก
Breaking Asia
โฆษณา