6 ก.ย. 2020 เวลา 06:18 • ความคิดเห็น
เรื่องราวของลุงพล มันคือขั้นสุดของความ โรแมนติก (Romanticize) ของหมู่ชนชายขอบและรากหญ้า
มันเกิดอะไรขึ้นกับประเทศเรา ?
เสี่ยงก่นแซะถึงความไร้สติบ้าบอของสังคมที่อินจัด และการประโคมนำเสนอเรื่องราวของลุงพลจากสื่อต่างๆ
เรื่องทำนองนี้มันไม่ได้แปลกนัก เพราะมันไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะกับบ้านเราหรอก แต่ก็เกิดกับทุกที่ทั่วโลก ทั้งประเทศโลกที่1 หรือโลกที่2ก็ตาม หากเพียงแต่กระแสที่กินเวลาอันยาวนานนี้ มันสะท้อนรากของปัญหาสังคมที่ฝังลึกของเราได้ชัดเจน
หากพิจารณาลงลึกทะลุผ่านถ้อยคำเชิงเหยียดหยันทั้งหลาย มองลึกลงไป มันเต็มไปด้วยความหดหู่ แลดูสิ้นหวัง
จริงๆค่ะ
เราลองตั้งคำถามดูสิคะว่า สังคมแบบใดเล่าจะอินกับเรื่องพวกนี้ กลุ่มชนชั้นใด ฐานะใด ?
ความจริงมันเศร้าค่ะ เรื่องราวโรแมนติกแบบนี้มันเปรียบเสมือนน้ำทิพย์ชโลมใจของพวกเขาเหล่านั้นจริงๆ มันพาฝัน ชวนให้หลีกหนีจากโลกความเป็นจริง
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ลุงพล คือตัวแทนของชนชั้นล่าง หากตัดเรื่องราวของคดีความที่เป็นชนักปักหลัง นี่คือคนที่อาศัยอยู่บ้านที่ไม่มีแม้แต่ฝาผนัง ไม่มีคดี ไม่มีข่าว ใครจะสนใจคนเหล่านี้ ?
ความชายขอบ ที่คนในสังคมเมืองหลายคนพร้อมจะเบือนหน้าหนี
แน่นอนว่า ไม่มีใครผิดหรอก หากใครสักคนจะทิ้งใครไว้ข้างหลัง เพราะทุกคนทุกชนชั้นต่างก็มีข้อจำกัด มีสิ่งกดทับ บีบรัดอยู่ ชนชั้นกลาง คนในเมือง ก็ถูกบีบรัดอีกแบบ
... "การมองปัญหาของแต่ละคนจึงต่างกัน"... แต่หากประกอบเข้ากันแล้วเราก็จะเห็นว่ามันเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างจริงๆ
ย้อนกลับไปที่เรื่องคดีความ เราก็เห็นกันชัดๆว่า คนมีเงินกับคนไม่มีเงิน รูปคดีต่างกันจริงๆ หากสื่อไม่เข้าไปโอบอุ้มลุงพล คนอย่างลุงพล อาจใช้ชีวิตอยู่หลังกรงเหล็กไปแล้วในวันนี้ ไม่มีโอกาสโลดแล่นอิสระมีชีวิตชีวาได้อย่างทุกวันนี้หรอก ยิ่งกว่าตำนานชายปั่นสามล้อถูกหวย มันคือโอกาสที่มากกว่านั้น โอกาสทั้งเรื่องของความยุติธรรมที่มีราคาสูงลิบ โอกาสที่บางครั้งเงินก็ซื้อไม่ได้ ราคาที่ได้ครั้งนี้มันจึงสูงมาก ฯลฯ
ด้วยเรื่องราวเหล่านี้มันเพียงพอที่จะทำให้ใครสักคนที่อินเนอร์ไปกับมัน เพียงแต่ว่า ใครสักคนที่อินในสังคมบ้านเรานั้นมีเยอะมาก ความเยอะ ตรงนี้มันก็สะท้อนรากปัญหาโดยนัยได้อย่างดี
เกริ่นมาทั้งหมด ไม่ได้มีอะไรเป็นสาระสำคัญนัก เพียงแต่อยากจะบอกว่า หากคุณอยากจะเปลี่ยนแปลงเรื่องราวใหญ่ๆ อย่ามองข้ามจุดเล็กๆ "อย่าละเลย" จุดเล็กๆที่เป็นแก่นกลาง เป็นหัวใจของมวลชน ขับเคลื่อนมันไปพร้อมๆกัน เข้าใจจิตใจของมวลชนในแต่ละชนชั้น อย่าผลักใครออกไป เพียงเพราะเขาดูตลก ดูด้อยกว่า อย่าลืมว่าหลายคนเข้าไม่ถึงปัญหา และแม้เข้าถึงเขาก็อาจไม่รู้วิธีจัดการมันได้อยู่ดี
หากคุณมีองค์ความรู้ที่มากกว่า ก็ถ่ายทอดมันออกไป อย่าทิ้ง หรืออยากผลักใครออกไป เปิดรับ และร่วมเป็นส่วนหนึ่งของเขา เป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน การเปลี่ยนแปลงต้องใช้พลังของมวลชนจำนวนมาก กุมหัวใจของมวลชนให้อยู่แล้วมวลชนจะอยู่ข้างคุณค่ะ
มิ้วๆ
โฆษณา