7 ก.ย. 2020 เวลา 01:19 • การศึกษา
ในวงการนักบริหารทั่วโลกกำลังหันมาสนใจในเรื่องของ Soft skills กันอย่างกว้างขวาง ในสมัยก่อนเรามักจะสอนลูกหลานให้ตั้งใจเรียนหนังสือ ต่อไปจะได้เป็นเจ้าคนนายคน ทำให้เราผูกพันกับการเรียนรู้ทักษะในการทำงาน เช่น เก่งภาษา เก่งคำนวณ เก่งคอมพิวเตอร์ เชี่ยวชาญในสาขาวิชาต่างๆ ที่จะเป็นรากฐานของความสำเร็จ
3
วิชาเหล่านี้เป็นตัวช่วยสร้าง Hard skills แต่ผลจากการวิจัยในปัจจุบัน กลับพบว่า ผู้นำ ผู้บริหารที่ประสบความสำเร็จจาก Hard skills นั้น มีเพียงแค่ 7 % เท่านั้น ส่วนที่เหลืออีก 93 % ล้วนมาจากความสามารถทางด้าน Soft skills ทั้งสิ้น
Soft skills คืออะไร
Soft skills ก็คือ ความสามารถในการควบคุมอารมณ์ การรู้จักตัวเอง การมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี ความสามารถในการบริหารความสัมพันธ์ที่ขัดแย้งกัน ซึ่งไม่ได้เกี่ยวกับคนคำนวณเก่ง คิดเก่ง มีความรู้เยอะ
แต่เป็นคนที่มีความสามารถเกี่ยวกับเรื่องคนเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้สอนความจริงเรื่องนี้มากว่า 2500 ปีแล้ว ว่าคนเราจะประสบความสำเร็จได้ต้องประกอบด้วย Hard skills และ Soft skills อยู่ในเรื่องสับปุริสธรรม 7
บุคคลที่จะประสบความสำเร็จได้ต้องประกอบไปด้วยความสามารถทั้ง 7 ด้าน คือ
1. เป็นผู้รู้จักเหตุ
คือ เห็นอะไรแล้ว สามารถมองออกว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นมาจากสาเหตุอะไร
2. เป็นผู้รู้จักผล
คือ เห็นอะไรแล้วสามารถพยากรณ์ไปข้างหน้าได้ว่า สิ่งนี้จะทำให้เกิดผลอะไรในอนาคต
3. คนที่รู้จักตน
คือ รู้จักตัวเอง มองตัวเองออกว่า เราชอบอะไร ถนัดด้านไหน มีวินัยในตัวเองแค่ไหน มีความรู้ในเรื่องนั้นๆ เพียงใด มีความเสียสละมากแค่ไหน มีปัญญาในการฟังความรู้มาใช้งานจริงได้ขนาดไหน
4. รู้จักประมาณ
คือ พอเรารู้จักตัวเอง เราก็จะประมาณออกว่า แค่ไหน จะพอดีสำหรับเรา งานอันไหน ทำแค่ไหนถึงจะพอดี
5. เป็นผู้รู้จักกาล
คือ รู้ว่าควรทำเรื่องไหนในเวลาไหน บริหารเวลาอย่างไร จะเอาเวลาขององค์กรตอนนี้ไปทุ่มในเรื่องอะไรจึงจะเหมาะกับสถานการณ์รอบตัว
6. รู้จักชุมชน
คือ รู้ว่าสังคมนี้ชอบอะไร ไม่ชอบอะไร หากเรานำเสนอผลิตภัณฑ์สินค้าแต่ละอย่าง จะสอดคล้องต่อตลาดหรือไม่ ต้องมองแบบเอาใจเขามาใส่ใจเรา ว่าเขาจะคิดกันอย่างไร ถ้ามองออกเราก็จะอ่านความต้องการของตลาดออก
7. รู้จักบุคคล
คือ รู้ว่าจะต้องมีปฏิสัมพันธ์กับใคร รู้อัธยาศัยของเขา แล้วทำทุกอย่างให้ได้พอเหมาะพอเจาะ ความสัมพันธ์ของเราและบุคคล รอบตัวก็จะราบรื่น จะเห็นได้ว่าความรู้ในด้าน Hard skills มีเพียงแค่สองข้อแรกเท่านั้น คือรู้จักเหตุ และรู้จักผล ส่วนด้าน Soft skills ก็คือ 5 ข้อหลัง ตั้งแต่ รู้จักตน รู้จักประมาณ รู้จักกาล รู้จักชุมชน แล้วก็รู้จักบุคคล
1
มีตัวอย่างเรื่องจริงของบริษัทที่ใช้ Soft skills แล้วประสบความสำเร็จ ที่ทุกคนทั่วโลกรู้จักเป็นอย่างดี นั่นก็คือ บริษัท Google ที่ก่อตั้งโดยสองหนุ่มคู่หู เซอร์เกย์ บรินและแลร์รี เพจ ทั้งสองคนนี้ต่างเป็นคนที่มี Hard skills ดีมากๆ เรียนจบปริญญาตรี ด้วยอายุเพียง 19 ซึ่งปัจจุบันโดยเฉลี่ยแล้วอายุของผู้ที่เรียนจบปริญญาตรีคือ 22 ปี แต่นี่จบก่อนถึง 3 ปี ทำให้บริษัท Google
เป็นบริษัทที่มีโปรแกรมที่มีคุณภาพสูงมาก ด้วยทักษะทางเทคโนโลยี Hard skills ของ 2 หนุ่ม เขาสร้าง Server ที่สามารถเก็บข้อมูลได้ประดุจเครื่อง Server ของ บริษัท IBM ด้วยการซื้อคอมพิวเตอร์ PC ธรรมดาที่ลดราคา แล้วก็วิเคราะห์ว่าชิ้นไหนในเครื่องไม่มีประโยชน์ก็ถอดออกไปๆ ชิ้นไหนจำเป็นก็เอาออกมาเชื่อมโยงกัน หมดเงินไปเพียงแค่ 250,000 เหรียญ
ถ้าไปซื้อจาก IBM ต้องเสียเงินกว่า 800,000 เหรียญ จึงจะได้ความสามารถของคอมพิวเตอร์ตามที่ต้องการ โปรแกรมซอฟแวร์ก็ไม่ได้ซื้อจากบริษัทไมโครซอฟ แต่ใช้ซอฟแวร์ของลีนุกซ์ที่มีแจกฟรี เอามาปรับ มาพัฒนา ให้เป็นไปตามที่ตัวเองต้องการใช้ ผลที่ได้คือบริษัท Google ได้โปรแกรมที่มี ประสิทธิภาพมากกว่าคู่แข่งถึง 3 เท่าตัวเลยทีเดียว และนี่คือความสามารถด้าน Hard skills ของสองคู่หูนี้
หลังจากทำบริษัทมาได้สามปี บริษัท Google ถึงแม้จะมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก แต่ว่าบริษัทก็ยังขาดทุนอยู่ทุกปี ที่สามารถอยู่ได้นั้น เพราะบริษัท เวนเจอร์แคปปิตอล ให้การสนับสนุนเงินทุน
ซึ่งในขณะนั้นก็เริ่มรู้สึกอึดอัดว่า ทำไมธุรกิจของ Google จึงยังไม่ได้กำไรเสียที บริษัท เวนเจอร์แคปปิตอล จึงตัดสินใจ ทุ่มเงินอีก 25 ล้านเหรียญ ให้กับสองคู่หูผู้ก่อตั้ง Google
แต่มีเงื่อนไขว่า ต้องไปหาผู้บริหารที่เก่งในเรื่องการบริหารจัดการมาช่วย พูดง่ายๆ คือ หาคนที่เก่งในด้าน Soft skills เข้ามาภายในบริษัท เพราะผู้ก่อตั้งทั้งสองคนเก่งแต่เรื่อง Hard skills
จนสุดท้ายได้ Eric Schmidt มาเป็นผู้บริหารของ Google ถึงแม้ว่าในตอนแรก 2 คู่หูจะไม่ให้การต้อนรับ แต่ Eric Schmidt ก็สามารถอดทน แถมยังสามารถให้คำแนะนำ ความคิดเห็นที่ทำให้สองผู้ก่อตั้งยังต้องอึ้ง! ! ! เพราะ Eric Schmidt มีความสามารถในการสื่อสารกับสองคนนี้เป็นอย่างดี
เขารู้ว่าจังหวะไหนควรรุก จังหวะไหนควรผ่อน จังหวะไหนควรนำเสนออย่างไร จนสุดท้าย Google ก็ก้าวไปสู่ความสำเร็จ ในเวลาเพียงแค่ 2-3 ปีต่อมา และสามารถเอาหุ้นเข้าตลาดหลักทรัพย์ จนมีมูลค่าหุ้นกว่า 100,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
Eric Schmidt
เห็นไหมว่า จากบริษัทที่มีมูลค่าการตลาดเพียงหลัก 10 ล้านเหรียญ แต่พอมี Soft skills เข้ามาช่วย ผ่านไปแค่ 2-3 ปี ก็กลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่าการตลาดเป็นแสนล้านเหรียญ เพิ่มกว่า 1,000 เท่าตัว
นี่คือความสำคัญของ Soft skills ลำพังแค่ Hard skills อย่างเดียวนั้นไม่เพียงพอ ถึงแม้จะเก่งในระดับอัจฉริยะ ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ หากขาด Soft skills ซึ่ง Soft skills นี้ ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่จะนำพาเราไปสู่ความสำเร็จอย่างแท้จริงได้
เจริญพร
โฆษณา