8 ก.ย. 2020 เวลา 00:20 • ท่องเที่ยว
เดินเล่น..ฮานอย
ทัวร์ไฟไหม้
"มีตั๋วฟรีไปกลับฮานอยเอามั้ย" รุ่นพี่ตะโกนมาที่ปลายสาย ยังไม่ทันสิ้นเสียงสุดท้าย คำตอบ เอาดิ ก็ดูเหมือนเป็นการตอบรับแบบอัตโนมัติไปในทันที นานทีปีหนสำหรับวันที่รอคอยกับทัวร์ไฟไหม้แบบนี้
เราเก็บกระเป๋าทันทีโดยไม่ลืมเสื้อกันหนาวติดเป็นติ่งไว้ล่างสุด บ่ายพรุ่งนี้คือวันเดินทาง สนามบินสุวรรณภูมิดูเหมือนจะรอผมอยู่แล้ว ใช้เวลาเดินทางไม่นานก็ถึงฮานอย
มุมหนึ่งของสนามบินสุวรรณภูมิ
day 1
อากาศเย็นสบาย
เช็คอินกับห้องพักแคบๆ แบบตึกแถวสไตล์ชิโนโปรตุกีส ที่ฝรั่งเศสทิ้งคราบเหงื่อไคลเอาไว้ที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ตึกแถวสไตล์ชิโนโปตุกีสกับรถสามล้อถีบ
พูดถึงตึกแถวที่ฮานอยนั้น ต้องบอกว่าแคบจริงๆ หน้ากว้างแค่ 3-4 เมตร แต่ความลึกเกือบสิบเมตร และด้วยความเจริญทางเศรษฐกิจ ทำให้อาคารโบราณถูกปรับเปลี่ยนเพิ่มเติมให้เป็นมากกว่าที่พักอาศัย
ตึกเก่าถูกปรับให้เป็นร้านกาแฟเก๋ไก๋
บางหลังถูกต่อเติมเพิ่มชั้นให้สูงขึ้นอีกหลายชั้น ที่เค้าเรียกตึกหลอด บ้านท่อ หรือTube House ซึ่งก็แล้วแต่จะเรียก
โรงแรมที่เราเช็คอินก็ดูไม่แตกต่าง เรียกว่ามันทำไปได้ยังไงว่ะเนี่ย สลับซับซ้อนชั้นนึงมีสามห้อง มีห้องน้ำในตัวเสียด้วย ที่สำคัญมีลิฟต์อีกต่างหาก โอ้แม่เจ้า!
ออกจากโรงแรมพวกเราเดินเล่นไปตามถนนแคบๆ นึกถึงวันพรุ่งนี้เราวางแผนที่จะไปเที่ยวย่านโบราณ 36 ถนนดังของฮานอย
สภาพร้านอาหารริมทาง
ร้านเล็กๆ ทำเหมือน chef table มั้ยเนี่ย
Dinner @ Hanoi
ขึ้นต้นดูหรูหรา Dinner @ Hanoi คือหาข้าวเย็นกินรองท้องว่างั้นเถอะ เราลงความเห็นกันว่าอะไรก็ได้ง่ายๆ อย่างนี้ก็ต้องเดินทอดน่องกันไปเรื่อยๆ แล้ว เพราะมีให้เลือกเยอะแยะจนตาลาย
เฝออาหารชื่อดังของเวียดนาม
มีตั้งแต่ร้านอาหารแบบหาบเร่แผงลอย หรือแบบตั้งร้านง่ายๆ หน้าบ้านคนอื่นเค้า มีโต๊ะสำหรับนั่งกินเตี้ยๆ สีสันสดใส
อันนี้หิ้วไปขายไป
ควันโขมงน่ากินเชียว
ไม่น่าเชื่อว่าถนนทั้งเส้นนี้จะเต็มไปด้วยร้าน ร้าน แล้วก็ร้าน จากสายตานักกินอย่างผมนี่ เมืองนี้น่าจะสตรีทฟู้ดของจริง พอๆ กับเยาวราชบ้านเราเลย
ร้านนี้ก็น่ากิน
ถนนเส้นนี้เค้าตั้งขายตามฟุตบาทได้สบายใจคนฮานอยเหมือนกัน เดินไปจนท้องร้อง เลยเห็นทีจะเลือกมากไม่ได้แล้ว เพราะมันใกล้มืดเต็มที
สุดท้ายก็มาได้ดินเนอร์ที่ร้านก๋วยเตี๋ยวราดหน้า ที่มีให้เลือกทั้งเนื้อทั้งหมู กลิ่นหอมฉุยเตะจมูกพวกเราอย่างจังเบ้อเร่อ กลิ่นไหม้อ่อนๆ หิวแล้ว เอาร้านนี้นี่ล่ะ
หน้าตาคล้ายราดหน้าบ้านเรา
ไม่ต้องพูดพร่ำทำเพลง แหวกผู้คนที่ดูแน่นขนัดเข้าไปจองหนึ่งโต๊ะพร้อมสั่ง ก๋วยเตี๋ยวราดหน้าเนื้อสับบวกต้มเนื้อคนละจาน
หน้าตาต้มเนื้อ
รสชาติเหมือนราดหน้าเนื้อสับบ้านเรา แต่ดูน่ากินกว่า หอมกว่า จานใหญ่กว่า..รึว่าเราหิวว่ะ
อิ่มแล้วขอเดินเล่น แบบว่าย่อยอาหารที่กินเข้าไปเหมือนตายอดตายอยาก
สี่แยกเล็กๆ มืดค่ำแล้วรถยังเยอะอยู่เลย
กลางคืนเมืองนี้ก็ยังไม่หลับไหล ตามสี่แยกรถราก็ยังวิ่งกันขวักไขว่ มีรถสามล้อถีบสไตล์เวียดนาม ทำหน้าที่รอคอยผู้โดยสารตามหัวมุมถนน
ร้านขายของเก่า
ดูหน้าตาแล้วของเค้าสดจริง
ร้านรวงต่างๆ ยังคงเปิดรับการมาเยือนของนักท่องราตรี ซึ่งไม่รู้ว่าจะสิ้นสุดกี่โมงกี่ยามกันแน่ แต่ที่รู้ๆ จะกลับยังไงดี เดินกันมาไกลโขจากโรงแรม
day 2
ฮานอยยามเช้า
เช้านี้อากาศเย็นกว่าเมื่อวาน จนต้องวิ่งขึ้นไปหิ้วเสื้อกันหนาวมาใส่กันไว้ก่อน
วันนี้ตั้งใจจะไปหาอะไรกินเอง โดยไม่ต้องสนใจอาหารเช้าโรงแรม เราออกจากที่พักตกลงกันว่าอยากสัมผัสวิถีคนฮานอยยามเช้า ก่อนที่จะไปตะลุยย่านโบราณ 36 ในช่วงสายๆ
ถนนแคบๆ มีตึกเก่าขนาบสองข้าง
ภาพนี้เกือบไม่ได้ถ่าย เพราะป้าแกโบกไม้โบกมือไม่ให้ถ่ายท่าเดียว แต่ไม่ทันช่างภาพกดไปเรียบร้อยโรงเรียนไทยแลนด์
ช่วงเช้าแบบนี้คนที่นี่ส่วนใหญ่จะมานั่งรวมกลุ่มคุยเรื่องสัพเพเหระ แต่พอสายหน่อยก็ถึงเวลาทำงานของตัวเอง
คนแก่เป็นเจ้าของร้านก็มากในฮานอย
จะหุงข้าว ต้มน้ำ ก็ทำกันตรงฟุตบาทนี่แหละ
ดูสบายๆ อาศัยแดดอ่อนยามเช้านั่งอ่านหนังสือ
เดินมาอย่างเรื่อยเปื่อย สำหรับนักเดินหาของอร่อยอย่างพวกเรา ซึ่งว่าจะว่าจะไม่กินอาหารข้างถนน แต่ก็อดใจไม่ได้ สุดท้ายก็เป็นแบบนี้ทั้งทริป
ได้ร้านกาแฟยามเช้าสไตล์เวียดนาม
รถสามล้อในฮานอยเป็นแบบนี้ทุกคัน
มาเร็วมาก โฟกัสไม่ทัน แต่ชอบนะ
เข้าสู่ใจกลางแหล่งท่องเที่ยวมีชื่อถนนโบราณ 36
คนที่นี่รวมถึงนักท่องเที่ยวชอบนั่งคุยกันพร้อมจิบกาแฟ มองผู้คนเดินผ่านไปมา ยิ่งอากาศเย็นสบายช่วงนี้ ก็จะเห็นเยอะขึ้น นั่งเบียดกันหน้าสลอน
แล้วที่เห็นเกลื่อนกลาดบนพื้นนั่น ทำเอาผมฉงนกับวัฒนธรรมแทะเม็ดก๋วยจี๊ของหนุ่มสาวฮานอย
หนุ่มสาวฮานอยมาทอดอารมณ์กินกาแฟแทะเม็ดก๋วยจี๊
วิถีการกินของคนฮานอย
ย่านเก่าแก่ถนนโบราณ 36 ถนนสายสำคัญของกรุงฮานอย
แต่พอเดินไปเรื่อยจากร้านกาแฟ ร้านอาหารเช้า ก็เปลี่ยนเป็นผับบาร์สะงั้น
เราเดินทะลุออกไปสวนสาธารณะ เห็นผู้คนเนืองแน่น ยังกับมีเทศกาล มีลูกเด็กเล็กแดง มีคนสูงอายุ มีครอบครัวพ่อแม่ลูกมาเดินเล่นกัน
บรรยากาศทะเลสาบฮหว่านเกียม (Hoan Kiem Lake) มองเห็นสะพานเทฮุก (The Huc) หรือ สะพานแสงอาทิตย์อยู่ไกลๆ
Food Truck มีให้เห็นรอบๆ ทะเลสาบ
ทะเลสาบแห่งนี้ยังเต็มไปด้วยกิจกรรมอันหลากหลาย
ที่สวนสาธารณะเค้าปิดถนนไม่ให้รถเข้ามา ทำให้คนที่มาเที่ยวสามารถทำอะไรก็ได้ ดูปลอดภัยมาก แต่ก็ยังมีรถบางชนิดเข้ามาวิ่งกันเต็มไปหมด ที่เห็นคือรถเด็กเล่นให้เช่า ดูเด็กๆ หนุกหนานกันไม่น้อย
รถเช่าของเด็กๆ ชาวฮานอย
นอกจากที่นี่จะดูคึกคักแล้ว ยังมีมุมเงียบๆ นั่งอ่านหนังสือพิมพ์ ถ่ายรูปกับดอกไม้เหลืองอร่าม
ทะเลสาบฮหว่านเกียม (Hoan Kiem Lake) มีมุมเล็กๆ แอบโรแมนติกอยู่หลายมุม
รอบๆ สวนสาธารณะที่นี่รายล้อมด้วยตึกเก่า ก็เลยมีร้านรวงเยอะแยะ มีทั้งร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านขายของที่ระลึก
แม่ค้าขายสายไหม
ร้านกาแฟที่นี่มีทุกมุมถนน
เราออกจากสวนสาธารณะ เดินเล่นไปรอบๆ ได้กินกาแฟเวียดนามที่ขมปี๋ ติดคอติดลิ้น เรียกว่ารสชาติไม่ค่อยจะถูกปากพวกเราสักเท่าไหร่
ร้านกาแฟยังมีคนรอเข้าคิวแน่นขนัด
กาแฟเวียดนามต้นตำรับ
เราเดินมาถึงวงเวียนขนาดใหญ่ที่ตั้งของโรงละครใหญ่ฮานอย หรือบางคนเรียกว่าโรงละครโอเปร่า ถูกออกแบบโดยสถาปนิกชาวฝรั่งเศส ที่กว่าจะสร้างเสร็จก็ปาเข้าไปเกือบสิบปี
โรงละครใหญ่ฮานอยตั้งอยู่บนถนน Pual Berst หรือถนนจ่างเตี่ยน ใช้เวลาก่อสร้าง10ปีคือตั้งแต่ปี 1901-1911 โดยสถาปานิกฝรั่งเศสสองคนเป็นผู้ออกแบบให้คล้ายกับโรงละครในปารีส
ย่านนี้ถือว่าเป็นย่านไฮโซ มีโรงแรมชั้นดี มีร้านขายของแบรนด์เนมแบบแพงระยับ และยังมีร้านอาหารแบบไม่แบกะดินเหมือนย่านเก่าแก่ถนน 36
คุณป้าแต่งชุดกันหนาวสีสด อดใจไม่ไหวขอแชะสักภาพ
ตุ๊กตาชนเผ่าของเวียดนาม อยู่ในย่านไฮโซ เหมือนกับย่านสยามสแคว์บ้านเรา
ถึงจะมีร้านแพงๆ ให้เราได้ลิ้มลอง แต่คิดหลายตลบว่าไม่น่าเอื้อมถึง คงเพราะสวรรค์กำหนดให้เราต้องกินอาหารข้างทางต่อไป ก็เลยมีรถฟู้ดไบค์มาจอดสงเคราะห์อาหารมื้อเที่ยงแก่พวกเรา
เจ้าของฟู้ดไบค์แต่งชุดเต็มยศ
เห็นอย่างนี้อร่อยมากก
หมูสไลด์จิ้มกับน้ำจิ้มรสแซ่บกำลังดี
ถือว่าไม่เลวร้ายนักกับมื้อเที่ยงง่ายๆ แต่อร่อยมากขอบอก แต่ก็ยังกังวลอยู่นิดๆ เรื่องท้องไส้กับความสะอาด
เราเดินมาถึงโบสถ์สไตล์นีโอกอธิคที่ถือว่าตั้งอยู่ใจกลางฮานอย ที่ชื่อ.. มหาวิหารเซนต์โยเซฟ สร้างขึ้นในสมัยศตวรรษที่ 19 โดยมีต้นแบบเป็นวิหารนอทเทอร์ดามในกรุงปารีส โอ้ว ผมว่ามันสวยมาก
มหาวิหารเซนต์โยเซฟ(St. Joseph Cathedral)โบสถ์รูปแบบนีโอกอธิค สร้างขึ้นในสมัยศตวรรษที่ 19 โดยมีต้นแบบเป็นวิหารนอทเทอร์ดามในกรุงปารีส โบสถ์นี้เป็นศูนย์รวมชาวคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกที่ใหญ่ที่สุดในฮานอย
มีคนมาทำกิจกรรมกันตรงนี้บ่อย อาจถึงต้องต่อคิวถ่ายรูปกันเลย จากที่เห็นเป็นกลุ่มมอเตอร์ไซค์เวสป้า คิวต่อมาก็กลุ่มถ่ายงานแต่งงาน มีเจ้าสาวเจ้าบ่าวใส่ชุดเต็มยศ ผมไม่รอช้าหาที่กินกาแฟแบบชงเครื่องแล้วนั่งดูบรรยากาศ ไม่ใช่อะไรหรอกครับ มันเริ่มเมื่อยขาแล้ว
ตรงนี้ก็ถือว่าเป็นจุดเช็คพ้อยด์อีกที่หนึ่งเมื่อมาถึงฮานอย
ลาก่อน..ฮานอย
เห็นทีคงต้องจบทริปเดินเล่น..ฮานอย ที่ทำให้เราเห็นภาพเมืองนี้ชัดเจนขึ้น ได้เห็นวิถีชีวิตที่เร่งรีบ และเงียบสงบ ในครั้งนี้ ผมพบว่าผู้คนที่นี่ชื่นชอบการกินนะ และยังเห็นร้านกาแฟเยอะมาก โดยเฉพาะกาแฟแบบเวียดนาม
ซึ่งถ้าอากาศเย็นสบายแบบนี้ ก็หวังว่าจะมีทัวร์ไฟไหม้ให้ได้ใช้บริการอีก ต้องขอบพระคุณพี่คนดีของผม ที่มอบตั๋วไปกลับให้พวกเรามาเดินเล่นที่ฮานอย
1
#ถ่ายรูปเล่าเรื่อง #fototeller #keepshooting #ฮานอย #hanoi #เวียดนาม #vietnam
โฆษณา