7 ก.ย. 2020 เวลา 16:07 • ประวัติศาสตร์
"Hope Diamond" เพรชต้องคำสาป..ผู้ใดครอบครองผู้นั้นต้องพบกับหายนะ
ตำนานต้องคำสาปของเพชรเม็ดนี้ เริ่มเมื่อราวปี ค.ศ.1668 พ่อค้าชาวฝรั่งเศส
ชื่อ ฌอง แบปทิส แวร์นีเย (Jean Baptiste Tavernier) ได้นำเพชรดิบสีน้ำเงินก้อนหนึ่ง เขามายังแผ่นดินฝรั่งเศส โดยเขาอ้างว่าได้ซื้อ มาจากเหมืองเพชรคอลเลอ (Kollur) เมืองกอลคอนดา (Golconda) ประเทศอินเดีย
Golconda
เขาได้นำมันไปเสนอขายแก่ ราชสำนักของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ซึ่งพระองค์ก็พอพระทัยกับเพชรเม็ดนี้มาก ทรงจ่ายด้วยราคาที่สูงมากให้แก่ แวร์นีเย
แล้วทรงสั่งให้ช่างหลวงเจียระไนเพชรเม็ดนั้น และ นำไปตกแต่งบนสายสะพายเครื่องอิสริยาภรณ์ของพระองค์เอง เพื่อใช้สวมใส่ในงานพิธีการต่างๆ และถือได้ว่าเป็นเพชรประจำราชวงศ์ โดยให้ชื่อว่า “French Blue” หมู่มวลสีน้ำเงิน แห่ง ฝรั่งเศส
พระเจ้าหลุยส์ที่ 14
แต่แล้วเรื่องราวของอาถรรพ์ก็เริ่มต้นขึ้น แต่ไม่ใช่กับตัวพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 หากแต่เป็นตัวของ แวร์นีเย เอง หลังจากที่เขาได้รับทรัพย์สินมหาศาล จากการขายเพชรเขาได้เดินทางไปแสวงหาโชค แต่ก็มีเหตุทำให้เขาต้องเสียทรัพย์สินไปทั้งหมด และ เสียชีวิตโดยถูกฝูงหมาป่ารุมขย้ำอย่างน่าอนาถ ที่ รัสเซีย
แม้ตัวพระเจ้าหลุยส์ที่14 จะไม่ได้รับผลของคำสาป แต่มักมีเสียงเล่าลือจาก ข้าราชบริพาร ถึงเสียงประหลาดที่ไม่ใช่ภาษาฝรั่งเศส ดังมาจากในพระราชวัง ยามค่ำคืน
จากนั้นเวลาก็ได้ล่วงเลยมาถึง ปี ค.ศ. 1793 ในรัชสมัยของ พระเจ้าหลุยที่16 ได้มีการปฏิวัติฝรั่งเศสเกิดขึ้น เป็นผลให้คนราชวงศ์ถูกประชาชนจับ ประหารด้วย เครื่องกิโยติน พระราชวังถูกปล้น ทรัพย์สินมีค่า รวมถึงเพชรเม็ดนี้ก็ได้หายไปด้วย
พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ขณะถูกนำตัวขึ้นเเท่นประหาร
จนกระทั่ง ปี ค.ศ. 1830 เพชรเม็ดนี้ได้ปรากฏขึ้นอีกครั้ง หลายคนเชื่อว่าเป็นเพชรที่ถูกเจียระไนมาจากเพชรต้องคำสาปอีกที ถูกซื้อ โดย เฮนรี่ ฟิลิป โฮป (Henry Philip Hope) นายธนาคารผู้ร่ำรวย ในราคา 90,000 ปอนด์
เพชรจึงได้ถูกตั้งชื่อ ว่า Hope Diamond (เพชรแห่งความหวัง) หลังจาก Henry ได้ซื้อเพชรสีน้ำเงินนี้มา 9ปีให้หลัง เขาก็ได้เสียชีวิตลง
เพชรจึงตกทอดสู่ลูกหลานตระกูล Hope และน่าแปลกที่คำสาปของเพชรไม่ได้ส่งผลถึงขั้นชีวิตต่อลูกหลานตระกูล Hope
Henry Philip Hope
จนถึงมาในปี ค.ศ.1906 ด้วยการเงินที่ซบเซาจึงทำให้ตระกูล Hope จำต้องขายเพชรเม็ดนี้ไป เพชรถูกเปลี่ยนเจ้าของจากอีกมือสู่อีกมือ เเละนั่นเป็นอีกครั้งที่ผู้ครอบครองต้องพบกับหายนะจากเพชรเม็ดนี้
โดย ผมจะขอยกตัวอย่างเหตุที่เกิดขึ้นกับผู้ครอบครองดังนี้!
1. จาคส์ เซลอท พ่อค้าชาวเปอร์เซีย เสียชีวิตโดยการฆ่าตัวตาย
2. เจ้าชายคานิตอฟกีแห่งรัสเซีย มอบเพชรให้พระสนม ก่อนจะยิงเธอ และ อีกสองวันต่อมาพระองค์ก็ถูกปลงพระชนม์โดยผู้ปฏิวัติชาวรัสเซีย
3. เศรษฐีชาวอียิปต์จมเสียชีวิตทั้งครอบครัว ด้วยอุบัติเหตุเรือสำราญชนกันที่สิงคโปร์
4. นายหน้าผู้ขายเพชรให้สุลต่านแห่งตุรกี เสียชีวิต โดย อุบัติเหตุรถยนต์ตกหน้าผา พร้อมลูก เเละ ภรรยา
5 . สุลต่านแห่งตุรกี มอบเพชรให้พระสนม ต่อมาถูกทำรัฐประหารตัวทหารของตัวเอง พระสนมถูกยิงเสียชีวิต ขันทีผู้มีหน้าที่ดูแลรักษาเพชรเม็ดดังกล่าวก็ถูกจับแขวนคอ
6. ครอบครัวแมคลีน (McLean) ลูกชายวัย 8 ขวบ เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุรถยนต์
ลูกสาว เเละ หลานสาว เสียชีวิตด้วยการใช้ยาเสพติดเกินขนาด เอ็ดเวิร์ด แมคลีน มีอาการคลุ้มคลั่ง วิกลจริต
หนึ่งในผู้ที่เคยเป็นเจ้าของ Hope Diamond
ตำนานอาถรรพ์ของเพชรต้องคำสาปนี้ได้จบลง โดย แฮรี่ วินสตัน (Harry Winston) พ่อค้าเพชรชาวนิวยอร์ก (New York) ได้ซื้อเพชร Hope Diamond เเละ มอบมันเเก่สถาบัน สมิธโซเนียน (Smithsonian Institute) ในกรุงวอชิงตัน ดีซี ไม่มีเรื่องร้ายเกิดขึ้นกับเขา
Smithsonian Institute
Hope Diamond ถูกเก็บรักษาไว้อย่างดี
สุดท้ายก็ไม่มีใครทราบได้ว่า ฌอง แบปทิส แวร์นีเย ได้เพชรสีน้ำเงินนี้มาโดยสุจริตตามที่เขากล่างอ้างหรือเปล่า บ้างก็ว่า มันเป็นเพชรที่ถูกขโมยออกมาจาก เทวาลัยของพระนางสีดา ในอินเดีย หรือนี่อาจจะเป็นคำสาปเเช่งของเทพเจ้าก็เป็นได้
เพื่อนๆล่ะคิดว่าอย่างไรบ้างครับ?
หากเพื่อนๆชอบสามารถกดถูกใจ กด ติดตามเพื่อเป็นกำลังใจให้กันด้วยนะครับ
โฆษณา