8 ก.ย. 2020 เวลา 03:00 • ธุรกิจ
เทียบฟอร์ม 3 กองทุนเฮลธ์แคร์ขั้นเทพ
และแล้วเราก็มาถึงบทความสุดท้ายของ กองทุนเฮลธ์แคร์ The Series หลังจากที่ทีมงาน Geturgoal ได้นำเสนอข้อมูลของ 3 กองทุนเฮลธ์แคร์ขั้นเทพไปในบทความก่อนหน้านี้แล้ว วันนี้ทีมงาน Geturgoal จะมาเทียบฟอร์มกองทุนทั้ง 3 ในแง่มุมต่าง ๆ ให้พี่ ๆ ได้ดูกันเพื่อจะเป็นประโยชน์สำหรับพี่ ๆ ในการตัดสินใจเลือกลงทุนกองใดกองหนึ่ง หรือ ถ้าพี่ ๆ ยังเลือกไม่ได้ ก็สามารถแบ่งเงินลงทุน เพื่อลงทุนทั้ง 3 กอง เลยก็ยังได้ครับ
ผลการดำเนินการย้อนหลัง
จากผลการดำเนินการย้อนหลังช่วงเวลาภายใน 1 ปี พี่ ๆ จะเห็นได้ว่า TGHDIGI โชว์ผลงานได้ยอดเยี่ยมมาก โดยสามารถเอาชนะ เพื่อน ๆ อีก 2 กอง ได้ในทุกช่วงเวลา และบางช่วงเวลาสามารถทำผลงานได้ดีกว่าเพื่อน ๆ ได้มากกว่า 2 เท่ากันเลยทีเดียว
ความเสี่ยง หรือ ความผันผวนของผลตอบแทนย้อนหลัง
หากดูจากความผันผวนของผลตอบแทน ผ่านค่า standard deviation (SD) และ % การขาดทุนสูงสุด หรือ Maximum Drawdown (Max DD) จะเห็นได้ว่า TGHDIGI ก็มีความผันผวนของผลตอบแทนสูงสุดเช่นกัน แต่ฉันใดก็ฉันนั้น เมื่อมีความผันผวนสูง หรือ ความเสี่ยงมาก ผลตอบแทนของ TGHDIGI จึงสูงกว่าเพื่อน ๆ อีก 2 กองด้วย
เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น เราจึงได้แสดงผล อัตราส่วนของอัตราผลตอบแทน ต่อ % การขาดทุนสูงสุด ซึ่งจะทำให้เราได้พิจารณาดูว่า ผลตอบแทนที่ได้ คุ้มค่ากับความเสี่ยงที่จะขาดทุนมากน้อยขนาดไหน หากอัตราส่วนนี้มีค่ายิ่งมาก ก็เท่ากับว่า ผลตอบแทนที่ได้จากการเสี่ยงที่จะขาดทุน มีมากกว่า กองทุนที่มีอัตราส่วนนี้น้อยกว่า จากรูปจะเห็นได้ว่า อัตราส่วนของอัตราผลตอบแทน ต่อ % การขาดทุนสูงสุด ของ TGHDIGI สูงกว่าเพื่อน ๆ อย่างเห็นได้ชัด
แต่ที่น่าสนใจ คือ KFHEALTH-A มีอัตราส่วนของอัตราผลตอบแทนต่อ % การขาดทุนสูงกว่า BCARE ทั้ง ๆ ที่ KFHEALTH-A ให้ผลตอบแทนที่ต่ำกว่า BCARE ซึ่งแสดงให้เห็นว่า การที่ KFHEALTH-A ให้ผลตอบแทนที่น้อยกว่า เพราะการลงทุนของ KFHEALTH-A มีความเสี่ยงน้อยกว่า แต่หากดูที่ความคุ้มค่าจากความเสี่ยงในการลงทุน ผ่าน อัตราส่วนของอัตราผลตอบแทนต่อ % การขาดทุนจะเห็นว่า KFHEALTH-A ให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่ากับความเสี่ยงในการลงทุนมากกว่า BCARE หรือ จะพูดอีกในหนึ่งก็คือ BCARE ให้ผลตอบแทนไม่คุ้มค่ากับความเสี่ยงของการลงทุน เมื่อเทียบกับเพื่อน ๆ อีก 2 กองทุน หากพี่ ๆ ให้ความสำคัญกับความผันผวนของผลตอบแทนหรือ ความเสี่ยง KFHEALTH-A ก็อาจเป็นทางเลือกที่ดีที่ถูกกับจริตพี่ ๆ ได้เช่นกันครับ
พอร์ตการลงทุนและการกระจายความเสี่ยง
จะเห็นได้ว่า ทั้ง 3 กองทุน เน้นลงทุนในหุ้นเฮลธ์แคร์ใน USA เป็นหลัก โดยที่ TGHDIGI จะลงทุนใน USA มากที่สุด ในขณะที่ BCARE และ KFHEALTH-A จะลงทุนในหุ้น USA ในสัดส่วนที่ใกล้เคียงกัน ในแง่การกระจายความเสี่ยงด้านภูมิภาคในการลงทุน ดูเหมือน BCARE จะมีการกระจายความเสี่ยงมากกว่าอีก 2 กอง เนื่องจาก BCARE มีการลงทุนทั้งใน ยุโรป และ เอเชีย ในสัดส่วนที่ไม่ต่างกันมากนัก ในขณะที่ TGHDIGI จะเน้นเอเชีย มากกว่า ยุโรป ซึ่งต่างจาก KFHEALTH-A ที่เน้นยุโรป มากกว่า เอเชีย
หากเจาะลึกลงไปที่หุ้น 10 ตัวแรก ที่อยู่ในพอร์ตการลงทุนของแต่ละกอง จะเห็นได้ชัดเจนว่า หุ้น 10 ตัวแรกในพอร์ตของ TGHDIGI มีความแตกต่างจากหุ้นในพอร์ตของ BCARE และ KFHEALTH-A อย่างสิ้นเชิง ซึ่งหุ้นในพอร์ต BCARE และ KFHEALTH-A มีหลายตัวที่เหมือน ๆ กัน นี่จึงเป็นเหตุผลสำคัญข้อหนึ่งที่ทำให้ผลตอบแทนของ TGHDIGI ต่างจากเพื่อน ๆ อีก 2 กอง ซึ่งมีผลตอบแทนที่ใกล้เคียงกัน
ค่าใช้จ่ายของกองทุน
หากเทียบกันในแง่ของค่าใช้จ่ายแล้ว จะเห็นว่า TGHDIGI เป็นกองทุนที่มีอัตราส่วนค่าใช้จ่ายรวมสูงที่สุด ในขณะที่ KFHEALTH-A มีอัตราส่วนค่าใช้จ่ายรวมน้อยที่สุด แต่ BCARE เองก็มีจุดเด่นตรงที่ไม่คิดค่าธรรมเนียมในการขาย แต่จะไปคิดค่าธรรมเนียมในการซื้อคืนแทน ซึ่งจะทำให้ผู้จัดการกองทุนจะต้องแสดงฝีมืออย่างเต็มที่เพื่อให้มูลค่าหน่วยลงทุนสูงขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่ค่าธรรมเนียมที่สูงขึ้นนั่นเอง การไม่มีค่าธรรมเนียมในการขาย ก็จะเหมาะกับการทำ DCA ด้วยเพราะจะทำให้ต้นทุนในการทำ DCA ถูกลง
จากการเทียบฟอร์มของทั้ง 3 กองทุนแล้ว ทางทีมงาน geturgoal จึงขอนำเสนอกองทุนที่เหมาะกับนักลงทุนแต่ละประเภทดังนี้
ท้ายนี้หากมีข้อสงสัย หรือ อยากแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับบทความนี้ แวะมาทักทายเราได้นะครับ แล้วอย่าลืมกด Like กด Share เป็นกำลังใจให้ทีมงาน Geturgoal ด้วยนะครับ
แล้วเราก็มาถึงเทศกาลการลงทุนเพื่อบริหารภาษีกันแล้วนะครับ บทความหน้า Geturgoal จะมาแนะนำวิธีวางแผนภาษีผ่านกองทุน SSF กันครับ พร้อมกันนี้ ทางทีมงาน Geturgoal จะค่อย ๆ ทยอยแนะนำ กองทุน SSF ทั้งหมดให้พี่ ๆ ได้รู้จักกันครับ อย่าลืมติดตามกันนะครับ
โฆษณา