8 ก.ย. 2020 เวลา 14:10 • หนังสือ
Book Review : ฉลาดพูด เคล็ดลับของทุกความสำเร็จ
ผู้เขียน : ชมจันทร์
หนังสือหมวดพัฒนาตัวเองเป็นอีกหนึ่งหมวดที่ผมสนใจและมักจะสรรหามาอ่านอยู่เสมอซื้อบ้าง ยืมห้องสมุดบ้าง เล่มนี้เป็นอีกหนึ่งทักษะที่ผมเชื่อว่ามีความจำเป็นในชีวิตประจำวันของมนุษย์ทุกคนคือการพูด
----
การสื่อสารมีหลายแบบครับ สื่อสารด้วยภาษากายบ้าง ภาษาพูดบ้าง และในถ้อยคำๆ พูดเหล่านั้นก็มีความหนักเบา สูงต่ำ ดังเบา เราเรียกว่าน้ำเสียง บ่อยครั้งที่ผมได้อ่านเจอในหนังสือหรือคำบอกเล่าจากผู้หลักผู้ใหญ่ บอกเอาไว้ว่าการจะพูดคุยเรื่องสำคัญควรจะคุยกันต่อหน้าเท่านั้นโดยเฉพาะการเจรจาธุรกิจ
----
เพราะนอกจากการแปลความหมายจากถ้อยคำแล้วเรายังได้เห็นและรู้สึกถึงภาษากาย ของอีกฝ่ายด้วย ซึ่งมันสามารถเปลี่ยนผลลัพธ์ของการสนทนานั้นจากหน้ามือเป็นหลังมือได้อย่างง่ายดาย
----
ในการสนทนานั้นถ้าเรามีอารมณ์ความรู้สึกเข้ามาร่วมด้วยมันก็ยากที่จะปกปิดความคิดหรือเจตนาที่แท้จริง ถึงแม้ว่าเราพูดออกไปอย่างหนึ่งอีกฝ่ายก็อาจจะเข้าใจเป็นอีกอย่างได้ เล่มนี้มีหลักคิดและความรู้ดีๆ ที่ใช้ในการพูด หลายเรื่องไม่ใช่ความรู้ใหม่ แต่ก็มีบางตอนที่ผมชอบและอยากมาเล่าให้อ่านกันในบทความนี้ เรามาเริ่มกันเลยครับ….
----
การพูดในชีวิตประจำวันนั้นเราหลีกเลี่ยงไม่ได้เลยที่ต้องเจอกับคนคุ้นเคย และคนที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน การมีทักษะการพูดที่ดีคือ….คุณต้องเป็นนักฟังที่ดีเสียก่อน ถึงคราวที่เราอยากจะพูดก็ต้องรอจังหวะที่เหมาะสมจึงค่อยพูดมิเช่นนั้นจะกลายเป็นการพูดขัดคอและทำให้อีกฝ่ายคิดว่าเราไม่ได้สนใจฟังเรื่องที่เขาพูด ทักษะการเป็นผู้ฟังนี้สามารถใช้ได้ทั้งคนที่คุ้นเคยและไม่คุ้นเคย นะครับ
----
ถ้าเป็นคนไม่คุ้นเคย ไม่รู้จักกันมาก่อน นอกจากการฟังที่จะทำให้คู่สนทนาของเรารู้สึกว่าเราสนใจที่เขาพูดแล้ว อีกข้อที่สำคัญคือการจำชื่อของคู่สนทนาเราให้ได้และเรียกชื่อเขาในการสนทนาเป็นระยะ เทคนิคนี้สังเกตุว่านักพูดหรือพิธีกรชื่อดังหลายคนใช้บ่อยมาก เพราะจะสามารถสร้างความสนิทสนมได้รวดเร็วกว่าการ ใช้คำสรรพนาม เช่น พี่ น้อง ลุง ป้า หรือคุณ เป็นต้น
----
การสนทนา = การสื่อสาร ยิ่งเป็นการสนทนาต่อหน้าด้วยแล้วนอกจากเนื้อหาและน้ำเสียงของการพูดบุคลิกภาพ การแต่งกายอย่างเหมาะสม ก็เป็นสิ่งสำคัญที่จะสร้างน้ำหนักการจูงใจให้กับอีกฝ่ายที่กำลังคุยอยู่กับเราได้ ยิ่งถ้าเป็นอาชีพที่ ต้องมีการจูงใจเป็นหลักแล้ว เช่น พนักงานขาย การแต่งกายให้ดูดีเหมาะสมก็เป็นเรื่องที่ต้องลงทุนเพื่ออาชีพอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ก็ไม่ถึงขั้นว่าต้องแต่งกายด้วยเสื้อผ้าราคาแพงมากนัก ขอให้ดูสะอาดสะอ้านเรียบร้อยก็เป็นอันใช้ได้ ก็จะดู Smart ดีนะครับ
----
การพูดต่อหน้าคนมากๆ เป็นเหตุการที่คนอาชัพอาจารย์อย่างผมต้องเจออยู่เป็นประจำ จึงได้ฝึกฝนมาจนลดความประหม่าลงได้พอสมควรแล้วแต่ถ้าคุณต้องเจอกับสถานการณ์แบบที่ต้องพูดต่อหน้าคนเยอะๆ ก็ไม่ต้องตื่นเต้นมากเกินไปนะครับ ผมเคยเจอนักศึกษาในชั้นเรียนที่ออกมาพูดหน้าชั้นแล้วตื่นเต้นจนหายใจไม่ออกก็มี ขั้นตอนแรกในการลดความตื่นเต้นประหม่านั้นคือการเตรียมตัวในเรื่องที่ต้องพูดเป็นอย่างดี ฝึกสมาธิควบคู่ด้วยก็จะสามารถควบคุมการพูดให้เป็นไปตามที่เตรียมตัวมาได้ ถ้ายังไม่หายก็ลองดึงให้ผู้ฟังมามีส่วนร่วมหรือยอมรับไปตรงๆ เลยว่าการพูดในครั้งนี้ตื่นเต้นมากๆ ก็จะสามารถช่วยได้ดีครับ
----
สถานการณ์การทะเลาะกันในบางครั้งเราไม่สามารถที่จะหลีกเลี่ยงได้เลย ฉะนั้นควรทำให้การทะเลาะนั้นเป็นการโต้เถียงกันจะมีประโยชน์และสามารถปรับความเข้าใจกันได้มากกว่า แต่หลายๆ ครั้งเมื่อมีอารมณ์เข้ามาร่วมด้วย บางคนก็จะหลุดใช้คำหยาบและด่าว่าบุพการีของอีกฝ่าย แบบนี้นอกจากไม่เกิดประโยชน์แล้ว จะมีแต่ทำให้การทะเลาะกันร้อนแรงขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า ยิ่งคนเป็นสามีภรรยากันด้วยแล้ว ไม่ว่าใครจะเถียงชนะ ผลลัพธ์สุดท้ายคือแพ้ทั้งคู่ คำว่าครอบครัวจึงเท่ากับทีมเวิร์ค ต้องเล่นเป็นทีมเดียวกันถ้าทะเลาะกันก็ต้องระวังผลกระทบที่จะมีต่อทีมในภาพรวมด้วย
----
หยุดการสนทนาเมื่อไม่พร้อม เช่นโมโหเกินไป เศร้าเกินไป เป็นต้น เมื่อการทะเลาะลุกลามไปมากแล้วและมีมีทีท่าว่าจะดีขึ้น คุณควรจบการสนทนาที่ไร้ประโยชน์นี้ซะ ก่อนจะสร้างความเสียหายต่อความสัมพันธ์ไปมากกว่านี้ การทะเลาะกันของคู่รักที่จะพยายามคาดคั้นเอาคำตอบจากอีกฝ่ายให้ได้ จงสำรวจตัวเองด้วยว่าถ้าคำตอบที่ออกมาไม่เป็นอย่างที่อยากได้ยิน จะสามารถรับสภาพได้ไหม ถ้าไม่ได้ก็ห่างกันสักระยะหนึ่ง เป็นเรื่องคราสสิคที่เล่าต่อๆ กันมาว่าเวลาจะเยียวยาทุกสิ่ง
----
สุดท้ายนี้ผลขอสรุปเทคนิคในการพูดที่ผมชอบจากหนังสือเล่มนี้ออกมา สัก 3 ข้อ คือ
ใส่ใจ - จำชื่อของอีกฝ่าย สนใจเรื่องที่เขาพูด
จังหวะ - ฟังให้มาก ไม่พูดแทรก พูดในช่วงเวลาที่เหมาะสม
จริงใจ - พูดความจริงด้วยเจตนาที่ดี
ความรู้มีอยู่มากมายทุกหนทุกแห่งสมัยนี้การเอาความรู้เข้าตัวก็ไม่ใช่เรื่องยากแล้ว ที่สำคัญยิ่งกว่าคือการนำความรู้มาใช้อย่างเหมาะสมกับสถานการณ์ จึงจะเรียกว่าปัญญา ฉะนั้น ปัญญาจะเกิดจากการฝึกฝน
----
ขอบคุณที่ติดตามอ่านจนจบ ครับ
โฆษณา