9 ก.ย. 2020 เวลา 14:02 • นิยาย เรื่องสั้น
เรื่องสั้นจักรวาลชมรมศิลป์
ลั่วเสินฟู่ถู (洛神赋图) :
กวีหมื่นอักษร
ร้อย(เรียง)ภาพเขียน
หนึ่งเรื่องราวรัก
第一集
ตอนที่ ๑
Gu Kaizhi 顾恺之 (copy after) (c 344-406), Nymph of the Luo River 洛神賦 (detail) (960-1279), ink and colours on silk handscroll, 27.1 x 572.8 cm, Palace Museum, Beijing, China. Wikimedia Commons.
ฉันกำลังยืนอยู่หน้าประตูบ้านจีนโบราณอายุร้อยกว่าปี ก่อนที่จะมาบ้านหลังนี้ ฉันสืบค้นข้อมูลได้ว่าบ้านสภาพสวยสดด้วยวัสดุสมัยใหม่ แต่ยังคงรูปแบบโบราณอย่างที่ประจักษ์อยู่ตรงหน้า เกิดจากการรื้อโครงสร้างเก่าที่เป็นไม้ทั้งหมด แล้วทำการรีโนเวทใหม่ โดยตระกูลซ่างผู้เป็นเจ้าของปัจจุบัน ที่มีวิสัยทัศในการพัฒนาเพื่ออนุรักษ์
ทำไมการจะมาบ้านใครสักคนฉันถึงต้องสืบค้นข้อมูลขนาดนี้น่ะเหรอ ก็เพราะนี่คืองานจากชมรมศิลป์ที่ฉันเข้าชมรมได้ด้วยอุบัติเหตุ
พี่ชายของฉันเป็นหัวหน้าชมรมศิลป์ วันนั้นฉันไปหาพี่ที่ห้องชมรมเพื่อเอาน้ำปลาที่แม่ฝากซื้อกลับบ้านแทนพี่เพราะพี่ติดงาน
พอมาถึงหน้าชมรมได้ยินเสียงประชุมกันอย่างเคร่งเครียดเกี่ยวกับโปรเจคจักรวาลชมรมศิลป์
ฉันจึงได้แต่ยืนรออยู่ข้างนอกไม่กล้าเข้าไปขัดจังหวะ
รอไปได้สักพักเกิดเบื่อขึ้นมาจึงค่อย ๆ ย่องเข้าไปแนบหูฟัง แต่ยังไม่ได้ยินอะไรกลับมีคนเปิดประตูจากข้างใน ทำให้ฉันล้มคะมำลงกับพื้น
ทุกอย่างเงียบงัน สปอร์ตไลท์สาดลงมาที่ภาพอันน่าขายหน้าตรงประตู ทว่าเมื่อเงยหน้าขึ้นมา สายตาของฉันกลับมองข้ามสายตาทุกคู่ที่กำลังเพ่งส่งไองงงวยมา
ในห้องชมรมเต็มไปด้วยงานศิลป์อันน่าทึ่ง และเรื่องราวอันน่าตื่นเต้น จนฉันต้องลุกเดินเข้าไปอ่านไปดูใกล้ ๆ อย่างอดอยากรู้อยากเห็นไม่ได้
หลังจากนั้น ฉันก็หลงอยู่ในชมรมอย่างหาทางออกไม่เจอ รู้ตัวอีกทีก็มายืนอยู่หน้าประตูบ้านใครไม่รู้เพื่อมาทำงานชมรมศิลป์
วันนี้ฉันนัดสัมภาษณ์เจ้าของผู้ครอบครองงานศิลปะจีนอันล้ำค่า ซึ่งแน่นอนว่าเป็นคนคนเดียวกันกับเจ้าของบ้านหลังนี้ ด้วยกลิ่นอายความขลังที่แผ่ออกมา ทำให้คนเกิดความประหม่าไม่น้อยที่จะเปิดประตูเข้าไป
ได้ยินมาว่าทายาทตระกูลซ่างคนปัจจุบันมีนิสัยแปลกประหลาดอย่างน่ากลัวอยู่อย่างหนึ่ง เป็นอีกเหตุผลที่ทำให้ฉันยืนมองซุ้มประตูบานนี้อย่างกล้า ๆ กลัว ๆ นานร่วมครึ่งชั่วโมง
แต่เอาวะ ถ้ามีคนที่ประหลาดกว่าฉัน
แสดงว่าโลกคงใกล้จะถึงกาลวิบัติแล้วแน่ ๆ
สู้!
เมื่อก้าวข้ามธรณีประตูเข้ามายืนอยู่ภายในวิลล่า สิ่งแรกที่ผู้มาเยือนอย่างฉันได้รับการต้อนรับ คือเสียงกู่ฉินหรือพิณโบราณที่ดังก้องขึ้นมา ราวคำทักทายจากเจ้าของบ้าน
สายลมเบาพัดแผ่ว นำพากลีบดอกพลัมให้ลอยระริ้วมาโปรยปราย บรรยากาศตรงหน้าช่างชวนฝันราวภาพในนิยายจีนโบราณที่ฉันชอบอ่าน จิตใจจึงเคลิ้มลอย
เปลือกตาปิดลง ใช้ประสาทสัมผัสที่เหลือซึมซับสัมผัสสายลม เสียงพิณ และกลิ่นบุปผา หลุดเข้าสู่ห้วงภวังค์ชั่วครู่ขณะ แล้วสะดุ้งตื่นขึ้นมาทันทีด้วยจังหวะดนตรีโบราณที่เร่งนำพาอารมณ์อันต่างไป
ฉันเดินตามเสียงตนตรีไปจนพบศาลากลางน้ำ ชายคนหนึ่งสวมชุดจีนโบราณสีฟ้าอ่อน กำลังบรรเลงกู่ฉินด้วยท่าทางอันอ้อนช้อย แต่สง่างามในที
นิ้วเรียวงามหยุดการกรีดกรายสายกู่ฉิน เงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มให้ฉันที่กำลังยืนอึ้ง ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังอยู่ในสถานที่หรือสถานการณ์แบบไหน นี่คือกองถ่ายหนัง หรือว่าข้ามมิติมาในยุคไหนแล้วกันแน่ เพราะเคยได้ยินมาว่าคนที่ชมรมศิลป์มักจะโผล่ไปยุคโน้นยุคนี้อย่างง่ายดาย สงสัยฉันจะได้รับสิทธิ์นั้นด้วย
“เหม่ยเหรินเอ๋อร์”
คนเหมือนจะโบราณที่อยู่ตรงศาลาเอ่ยเรียกด้วยรอยยิ้ม สายตาที่มองมานั้นดึงดูดจนพาให้ใจฉันไหวดิ่งอย่างไม่เป็นจังหวะ ฉันรู้จักเขา และเขากำลังเรียกฉันว่า ‘คนงาม’
ฉันคงข้ามภพข้ามมิติมาแล้วจริง ๆ สินะ เฮ้อ!
“สวัสดีค่ะ หนูคือคนที่นัดสัมภาษณ์เรื่องภาพวาดค่ะ คุณใช่ซ่างเหล่าซือไหมคะ”
ฉันเรียกคนที่จะสัมภาษณ์ว่า 'เหล่าซือ' อย่างยกย่อง เพราะตามประวัติที่สืบค้นมา ทายาทตระกูลซ่างคนที่ว่า เขาเขี่ยวชาญในด้านศิลปะเป็นอย่างมาก
ชายชุดฟ้าอ่อนไม่ตอบอะไร เพียงยิ้มด้วยรอยยิ้มชวนละลาย จากนั้นจึงลุกย่างอย่างสง่างาม มือหนึ่งไขว่หลัง มือหนึ่งวางไว้ระดับหน้าท้อง วางอากัปกิริยาท่าทางอย่างคนโบราณ
ก่อนจะเดินผ่านฉันไป ยิ้มกระชากใจนั้นถูกส่งมาอีกครั้ง เป็นการบอกให้ตามไปโดยไม่เอ่ยคำพูดใด
“เหม่ยเหรินเอ๋อร์ จำกู้ข่ายจือได้หรือไม่”
"จำได้ค่ะ กู้ข่ายจือ(顾恺之) ศิลปินยุคราชวงศ์จิ้นตะวันออกผู้โด่งดัง ได้รับยกย่องให้เป็นหนึ่งในสี่บรรพบุรุษแห่งจิตรกร เจ้าของผลงานภาพวาดพู่กันจีนอันเลื่องชื่อ ทั้งทรงคุณค่า หลายต่อหลายชิ้น"
ฉันตอบอย่างมั่นใจ และภาคภูมิใจ เขาต้องได้รับรู้ว่าฉันทำการบ้านมาหนักมาก หาข้อมูลทั้งภาษาไทย จีน อังกฤษ จนเหมือนจะคุ้นเคยกับกู้เหล่าซือจนสามารถนั่งจิบเหล้าในโรงน้ำชาด้วยกันได้
"จำ กับ รู้ นั้นต่างกัน เหม่ยเหรินเอ๋อร์ เจ้าแค่รู้
กู้ข่ายจือวาดภาพเช่นไร เจ้ารู้หรือไม่"
“กู้ข่ายจือเป็นจิตรกรที่วาดภาพทิวทัศน์ในยุคแรก ๆ ค่ะ ปกติเราจะเห็นภาพวาดพู่กันจีนเป็นรูปธรรมชาติใช่มั้ยคะ อย่างกิ่งไผ่ แม่น้ำ ภูเขา ซึ่งแต่ละอย่างแฝงสัญลักษณ์บางอย่างเอาไว้
.
แบบ ภูเขาแทนหยิน น้ำแทนหยาง ภูเขาหมายถึงความแข็งกระด้าง น้ำคือความนุ่มนวล หรืออาจจะแฝงปรัชญาจีนไว้ด้วย เช่นภูเขาแทนความจริง น้ำคือความเท็จ
.
แต่ว่าทิวทัศน์ในภาพวาดของกู้ข่ายจือเป็นแค่ภาพประกอบ หรือเป็นฉากของภาพบุคคล ไม่ได้มีความหมายลึกซึ้งขนาดนั้น ความหมายของภาพ อยู่ที่การบอกเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ค่ะ”
Dong Qichang 董其昌(1555-1636), Five Sacred Mountains, 1616. Hanging scroll, ink on paper. 87 x 39 in (221 x 99 cm). christies.com
“เช่นนั้น เจ้าคิดว่าภาพนี้บอกเล่าเรื่องราวอะไร”
มองตามสายตาของคุณชายโบราณท่านนี้ไปก็พบกับภาพลั่วเสินฟู่ (洛神赋图) หรือ Nymph of the Luo River เพราะมัวอธิบายอวดภูมิอย่างครึ้มอกครึ้มใจ เลยไม่ทันได้สังเกตว่าเขาพามาหยุดยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่
ไม่สิ ฉันไม่ได้สังเกตอะไรเลยด้วยซ้ำ ราวกับว่าความทรงจำตอนเดินเมื่อกี้หายไป หรือว่าฉันวาร์ปมาตรงนี้โดยไม่รู้ตัว ตอนนี้ไม่รู้จะอึ้งอะไรก่อนดี ระหว่างความแปลกประหลาดของคนคนนี้ บ้านหลังนี้ หรือภาพวาดในตำนานที่แขวนอยู่ตรงหน้านี้
ฉันหันกลับมามองคนตระกูลซ่างผู้ลึกลับ เขาทำเหมือนไม่เห็นสายตาฉงนของฉัน แถมยังใช้นัยตาสีก้านสนส่งคำถามเดิมกลับมา คนธรรมดาตัวน้อย ๆ จึงต้องหันกลับไปมองที่ภาพวาดพู่กันจีนบนผ้าไหมยาวเกือบหกเมตร จากนั้นใช้สติสมาธิทั้งหมดที่มีพิจารณาทีละจุด
Gu Kaizhi 顾恺之 (copy after) (c 344-406), Nymph of the Luo River 洛神賦 (960-1279), ink and colours on silk handscroll, 27.1 x 572.8 cm, Palace Museum, Beijing, China. Wikimedia Commons.
แต่ไม่ว่าจะมองอย่างถ้วนถี่ขนาดไหน คนไร้ความรู้คนนี้ก็ได้แต่จนปัญญา คิดได้อย่างเดียวคือภาพยาว ๆ แบบนี้ชวนให้นึกถึงภาพจิตรกรรมฝาผนังตามโบสถ์วัด ที่เล่าเรื่องราวพุทธประวัติอย่างเป็นฉาก ๆ ดูแล้วค่อนข้างคล้ายกัน นอกเหนือจากนี้ก็คิดอะไรไม่ออกอีกเลย จึงหันกลับมายิ้มแห้ง ๆ ให้กับคนถาม
“ภาพวาดนี้วาดจากบทกวีของ โจสิด(曹植) บุตรชายโจโฉ(曹操) ถูกเขียนขึ้นในยุคสามก๊ก บอกเล่าเรื่องราวระหว่างตัวกวีเอง และหญิงตระกูลเอียน”
แค่เริ่มต้นเล่า ก็พาให้ฉันนึกไปถึงเรื่องราวบางตอนในสามก๊กขึ้นมาได้อย่างราง ๆ หรือว่าจะเป็นเอียนสีฮองเฮา(文昭皇后)ราชวงศ์วุ่ย เรื่องราวของเธอดราม่ามากเลยนะ ถูกพ่อลูกตระกูลโจแย่งชิงกันไปมา จนต้องจบชีวิตลงอย่างน่าสงสาร แต่ฉากสุดท้ายของเธอกลับยังคงคลุมเครือจนถึงทุกวันนี้
“เป็นเอียนสีฮองเฮาองค์นั้น”
A Qing dynasty portrait of Lady Zhen 甄后. Wikemedia Commons.
โปรดติดตามตอนต่อไป

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา