10 ก.ย. 2020 เวลา 07:16 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
ฮัวมู่หลาน จับฉ่ายเวอร์ชั่นฝรั่ง (สปอยทั้งเรื่อง)
ผมตั้งตารอชมหนังเรื่องนี้ตั้งแต่ได้เห็นทีเซอร์ คาดหวังว่าจะได้ดูความอลังการงานสร้างแบบฝรั่งในหนังจีน พอได้ดูเข้าจริงๆ บอกได้เลยว่าผิดหวังสุดๆ นี่มันหนังที่ผมเรียกว่า "หนังตัวอย่าง" ชัดๆ คือทั้งเรื่องสรุปจบได้จากหนังตัวอย่าง ทั้งเรื่องมีอยู่แค่นั้นแหละ
การ์ตูนกับหนังคนแสดงนั้นต่างกัน การ์ตูนกลุ่มผู้ชมหลักย่อมเป็นเด็ก แต่พอทำเป็นหนังคนแสดงกลุ่มผู้ชมจะกว้างขึ้น การ์ตูนนั้นต้องทำให้ง่ายต่อการทำความเข้าใจของเด็ก แต่หนังคนแสดงที่มีกลุ่มคนดูที่อายุมากขึ้นนั้นต้องลงรายละเอียดเพิ่มความสมจริง ต่อให้เป็นเรื่องโกหกก็ต้องเหมือนจริง และนี่ก็เป็นที่มาของความผิดหวังของผม คือมู่หลานเวอร์ชั่นคนแสดงของดีสนีย์ หยาบสุดๆ หยาบกันมาตั้งแต่บทเลยทีเดียว เขียนบทเหมือนกับให้เด็กฝึกงานเขียน โปรดักชั่นก็ไม่มีการทำวิจัย ขาดความรู้เรื่องวัฒนธรรมและการศึกสงคราม แทบจะบอกได้เลยว่าก็อปมาจากการ์ตูนแทบทั้งเรื่อง
บางท่านอาจจะบอกว่าอย่าคิดมาก หนังทำออกมาให้ดูสนุก สนุกมันก็สนุกอยู่หรอกครับ เหมือนดูหนังฮ่องกงเกรดบีอย่างไรอย่างนั้น อย่างเช่นพลังชี่ (พลังลมปราณ) หนังทำออกมาราวกับว่านี่คือพลังของอัศวินเจได มีมาตั้งแต่เกิด ตัวมู่หลานมีพลังชี่เยอะกว่าใคร จนพ่อของมู่หลานกลัวลูกสาวจะขายไม่ออกเลยบอกให้เก็บซ่อนไว้ จนเป็นผลต่อเนื่องมาจนถึงครึ่งเรื่องที่มู่หลานสู้กับแม่มดแล้วแพ้เพราะ "ไม่ซื่อสัตย์" เลยทำให้พลังชี่อ่อนแอ โอ ... เมย์เดอะฟอร์ซบีวิธยูววววว
1
ไหนๆ ก็สปอย สปอยต่อให้จบละกัน ตัดมาที่ค่ายทหาร ท่านแม่ทัพต้องออกมาสอนกังฟูให้ทหารใหม่ โดยมีครูฝึกทหารทำหน้าที่แค่บอกแถว ตลกมาก แต่ก็เข้าใจได้ว่าจ้างเจิ้นจื่อตัน (ดอนนี่ เยน) มาแสดงถ้าไม่ให้รำมวยหรือควงกระบี่โชว์ก็ไม่รู้ว่าจะจ้างมันมาทำไม ฝรั่งรู้จักเจิ้นจื่อตันเพราะรำมวยสวย ขนาดแสดงสตาร์วอร์ยังต้องรำมวยเลยนับประสาอะไรกับแสดงมู่หลาน ฉากฝึกทหารมีการหิ้วถังน้ำขึ้นเขา เข้าใจว่าก็อปมาจากเวอร์ชั่นการ์ตูน แต่ก็นั่นแหละนะไอ้หิ้วถังขึ้นดอยเนี่ยมันมาจากวัดเส้าหลิน หนังวัดเส้าหลินทุกเรื่องต้องมีฉากนี้ ฝรั่งไม่รู้เรื่องคงจะนึกว่าฝึกกังฟูต้องหิ้วถังกระมัง ถ้าวิจัยดีๆ คงไม่ปล่อยไก่พันธุ์ตาสีน้ำข้าวออกมาหมดเล้าแบบนี้ ฝึกทหารหนะ นอกจากฝึกการต่อสู้พื้นฐานสำหรับฆ่าแล้ว เวลาส่วนใหญ่ใช้ฝึกกระบวนทัพกันเป็นหลัก ไม่มีเวลาให้เล่นหิ้วถังน้ำขึ้นดอยหรอก
กงลี่แสดงเป็นแม่มด แปลงร่างเป็นนกได้ด้วย อันนี้ไม่มีพื้นฐานอะไรเลย จู่ๆ ก็โผล่ขึ้นมา เด็กฝึกงานที่เขียนบทเลยอนุมานเอาว่ากงลี่มีพลังชี่เยอะ แบบนี้อีกหน่อยหลิวอี้เฟยที่แสดงเป็นมู่หลานต้องแปลงร่างได้แน่นอนเพราะมีพลังชี่เยอะเหมือนกัน ตอนฉากใกล้จบตอนมู่หลานมีปีกงอกออกมาผมถึงกับตบเข่าฉาดเอาแล้วไง แต่ก็ยังดีว่าเด็กฝึกงานใจไม่ด้านพอ เปลี่ยนเป็นนกเฟิ่งหวงบังเอิญกางปีกตรงนั้นพอดีแทน
ฉากการรบก็ตลกไม่แพ้กัน อูยคุณเอ้ย นี่มันการตั้งทัพของกองทัพโรมันชัดๆ หาความเป็นเจ๊กไม่ได้เลย มีกลองศึกเป็นพร็อบประกอบฉากตัวนึงไม่ว่าแม่ทัพสั่งอะไรแม่งตีอยู่จังหวะเดียวสงสัยตีมันส์ติดลม ตำแหน่งตั้งทัพก็ตลก อุตส่าห์ยกทัพมายึดชัยภูมิตั้งแต่ไก่โห่ แม่งดันยึดพื้นที่ต่ำแทนที่จะยึดเนินสูง เจิ้นจื่อตันที่เป็นนายทัพสงสัยไม่ได้จบ จปร. เลยไม่ได้เรียนพิชัยสงคราม สู้กับทัพม้าดันตั้งทัพบนที่ราบ ไม่รู้ว่ามันจะออกจากป้อมมาทำหอยอะไร ทหารม้าตีป้อมไม่แตกอยู่แล้ว
ช้าก่อน!! ถ้าไม่ออกจากป้อมก็ไม่ได้เห็นฉากตลกที่มู่หลานขี่ม้าไล่ยิงแม่ทัพฝ่ายตรงข้ามอะดิ คือว่านายฝรั่งอยากกินจับฉ่าย เด็กฝึกงานที่เขียนบทก็ต้องต้มจับฉ่าย มันต้องมีฉากรบบนหลังม้า หนังจีนมันส์ๆ มีฉากแบบนี้ทั้งนั้น ดังนั้นมู่หลานก็ต้องมี แถมตอนมีก็อลังการมาก คือแม่ทัพฝ่ายตรงข้ามขี่ม้านำทหารชาร์ตเข้าหา แล้วจู่ๆ ก็ชักม้าเปลี่ยนทางหลบออกทางด้านข้าง (ในความเป็นจริงแล้ว ขืนทำแบบนี้ทัพม้าเหยียบกันตายวุ่นวายแน่นอน) เจิ้นจื่อตันเลยสั่งให้ทัพซ้ายที่แสนจะตลกเพราะมีกันแค่ห้าหกคนรีบตาม ที่ตลกกว่านั้นคือมู่หลานดันเป็นทหารม้าด้วย ตอนฝึกฝึกทหารราบพอออกศึกดันได้ขี่ม้า เอ สงสัยว่าจะเป็นเพราะมีพลังชี่เลยได้เลื่อนตำแหน่งมาขี่ม้า ตอนไล่ล่าก็สนุกครับ คือทั้งหมดที่ขี่ม้าตามไล่ล่ามีมู่หลานคนเดียวที่มีธนู นอกนั้นลืมไว้ที่ค่าย ฮ่าๆๆๆ
ตัดมาตอนที่มู่หลานตัดสินใจเป็นหลิวอี้เฟยสวยๆ ดีกว่า มู่หลานกลับมาที่กองทัพ ปรากฏว่ากำลังจะรบแพ้อยู่แล้ว หลิวอี้เฟยสำแดงเดชสองท่า ทหารข้าศึกตกใจตะโกนแม่มด แม่มด วิ่งกันป่าราบ คือตอนมามึงเป็นทหารม้าตอนกลับดันวิ่งกลับ ม้าเม้อไม่เอาแล้ว ยังครับยังไม่พอ ที่วิ่งไปหนะไม่ได้หนีหรอกนะ ไปตั้งหลักต่างหาก พาพวกกลับมาเอาคืนด้วย แถมมีปืนใหญ่หินบิน เครื่องยิงหินนั่นแหละ มาด้วย ไอ้เครื่องยิงหินเนี่ย เค้าเอาไว้ใช้ตีเมือง ผมก็เพิ่งจะรู้เนี่ยแหละว่ามันเอาไว้ยิงทหารราบได้ด้วย ยิงแม่นอีกต่างหากนะเธอว์ ไอ้เจิ้นจื่อตันนี่ก็น่าตายก็เห็นอยู่ว่าปืนใหญ่ฝ่ายตรงข้ามยิงได้แม่นราวกับนำวิถีด้วยเลเซอร์ ยังเสือกสั่งให้ทหารอยู่รวมกันเป็นกลุ่มๆ เป้าจะได้ใหญ่ดีแทนที่จะสั่งให้กระจายกำลัง ซึ่งจะทำให้ปืนใหญ่ไร้ประโยชน์ในทันที ง่าวแต้ๆ นี่แสดงว่านอกจากรำมวยสวยแล้วไม่รู้เรื่องเหี้ยไรสักอย่างจริงๆ
จะว่าไอ้เจิ้นจื่อตันโง่คนเดียวก็ไม่ได้นะครับ เพราะข้าศึกแม่งก็โง่พอกัน หลิวอี้เฟยโชว์เหนือด้วยการเป็นสไนเปอร์ แทนที่จะยิงธนูกดหัวไว้แล้วให้ทหารราบเข้าไปจัดการ ดันเอาปืนใหญ่ยิง แน่นอนครับว่าปืนใหญ่ต้องยิงไม่โดนนางเอกทั้งๆ ที่เมื่อตะกี้แม่งยิงอย่างกะมีเลเซอร์ชี้เป้า มันต้องเป็นพลังชี่แน่นอนครับ
ตัดฉึบไปฉากเกือบจบก็แล้วกัน ขอสปอยข้ามตอนฮ่องเต้รับคำท้าดวลที่ปัญญาอ่อนที่สุดในโลก หรือฉากหลิวอี้เฟยกางปีก ไปที่ฉากให้รางวัลหลิวอี้เฟย ฉากนี้ทำให้ผมคิดว่าไอ้เด็กฝึกงานที่เขียนบทต้องมีเชื้อสายฝรั่งเศสแน่นอนครับ นี่มันฉากท้องพระโรงของพระราชวังแวร์ซายชัดๆ มีอีป้าเดินนำหน้านำเสนอฮัวมู่หลานต่อฝ่าบาท พร้อมกับหลิวอี้เฟยที่จู่ๆ หมอบกราบอยู่หลังอีป้า ฮ่องเต้ต้องไม่เห็นตอนหลิวอี้เฟยแอบคลานออกมาแน่ๆ อันนี้คงจะเกี่ยวกับพลังชี่อีกนั่นแหละครับ มองไปรอบๆ ท้องพระโรง โหแม่ทัพนายกองห้อยดาบห้อยกระบี่เต็มท้องพระโรงเกิดมาก็เพิ่งเคยเห็นหนังเรื่องนี้แหละที่เข้าเฝ้าฮ่องเต้แล้วไม่ต้องปลดอาวุธ ยังครับ ยังไม่พอ สนม นางกำนัล นักร้อง เด็กเสิร์ฟ ยืนกันหน้าสลอน
ตัดไปตอนจบที่ประชาชนชื่นชมกันมากคือฉากรับดาบที่สลักคำว่า "กตัญญู" ก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอกนะครับที่ฝรั่งจะเอาคติความเชื่อของจีนมาหากิน ธรรมเนียมวัฒนธรรมของฝรั่งมันไม่มีคำว่ากตัญญู เรื่องนี้ฝรั่งเป็นงง คำๆ นี้ลึกซึ้งมาก ลึกซึ้งจนฝรั่งไม่รู้ว่าจะเขียนบทอย่างไร มันเลยเป็นความกตัญญูที่เบาหวิวคือพ่อขาเดี้ยงเลยไปเป็นทหารแทนพ่อ จบ
ผมดูหนังตัวอย่าง ผมดูสัมภาษณ์โปรดิวเซอร์ ผมคาดหวังเอาไว้มาก บทสรุปกลับกลายเป็นกูไม่น่าเสียเวลาชีวิตไปดูมันเล้ย คือเรื่องทั้งเรื่องเนี่ย มีหลิวอี้เฟยที่พอจะดูเพลินๆ ได้ ชีสวยดี แค่นั้นแหละ เล่าแค่นี้ก็แล้วกัน (นี่ก็เล่าจนจบเรื่องแระ) ถ้าให้สาธยายกันแบบละเอียดๆ อย่างเช่นพร็อบเรซิ่นของกงลี่ หรือท่ายิงธนูพิศดารของไอ้อ้วน มันจะจุกจิกไปซะเปล่าๆ
ดูหนังเจ้าพ่อฮ่องกงยิงกันไส้แตกยังได้อรรถรสกว่าเยอะ!!
โฆษณา