11 ก.ย. 2020 เวลา 12:58 • ปรัชญา
-ขนาดความทุกข์ยังมีวันหมดอายุเลย-
เบสิคที่สุดที่พุทธะท่านสอนคือ ทุกสิ่งล้วนเป็นไปตามกฏของไตรลักษณ์
ว่าด้วยความจริงที่ว่า ทุกสิ่งความเปลี่ยนแปลงเป็นสภาวะปกติ
ย้ำว่า “ทุกสรรพสิ่ง” ไม่อาจคงทนถาวร
กล่าวคือ มีความไม่เที่ยง ความไม่ถาวรคงที่แน่นอน
ความไม่คงที่อยู่ได้ในสภาพเดิมตลอดไป ภาวะที่เกิดขึ้นแล้วเสื่อมสลายแปรปรวนไป
หากไม่อคติจนเกินไปจะพบว่าแนวคิดนี้จริงแท้ที่สุดแล้ว
ลองใช้เวลาสักชั่วโมงคิดดูว่าอะไรบ้างตลอดชีวิตที่ผ่านมาที่อยู่คงที่ คงเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง
เราจะพบว่าไม่มีเลย ที่คงทนถาวรตั้งแต่ครั้งเรายังเด็กจนโต
บางสิ่งเติบโตขึ้น บางสิ่งสูญสลายหลายไป บางสิ่งร่วงโรย เสื่อมถอยลง และบางอย่างก็ตายจากกันไป
จะด้วยอะไรก็ตามเราทั้งหลายหลงลืมกฏข้อนี้ไป จนทำให้เราประมาทต่อทุกสิ่งที่มี เผลอเรอคิดว่าจะครอบครองได้ตราบนานเท่านาน เราลืมตัวไปว่าเรามีเวลาอีกมากมายเสียเต็มประดา
และอีกมุมหนึ่งสิ่งสำคัญกว่านั้นคือ เราลืมความจริงที่ว่าแม้สิ่งที่สุขที่สุดก็มีวันสิ้นสุด ความทุกข์เองมันจะคงอยู่ตลอดด้วยหรือ
ไม่เลย เราลืมไปว่าไม่มีอะไรในนิยามคำว่า “ตลอดกาล”
ความโกรธ ความผิดหวัง ความเศร้าโศก จะกลายเป็นอดีตในท้ายที่สุด กลายเป็นความทรงจำในท้ายที่สุด
เราจะค่อยๆ เรียนรู้ว่าแม้ภาพฝันจะสวยงามเพียงใด หรือเป็นความทรงจำที่เลวร้ายแค่ไหน มันไม่ได้คงอยู่ตลอดไป ไม่มีสิ่งใดคงอยู่คงทนถาวร
เมื่อถึงวันหนึ่งมันจะสิ้นสุดลง
เมื่อถึงวันหนึ่ง วันที่เราเติบโตขึ้น วันที่เราแข็งแรงมากพอ
สิ่งที่สำคัญที่สุดและยาวนานที่สุด
คือ “ปัจจุบันขณะ” เป็นภาพที่ชัดที่สุดให้เราตระหนัก
เป็นห้วงเวลาที่สำคัญที่สุดที่ผ่านการทำความเข้าใจใน
"วันหมดอายุ"
เมื่อเข้าใจ เราก็จะตระหนักในทุกๆ เวลาในปัจจุบัน
เราจะเห็นทุกคุณค่าของความสุข
และเข้าอกเข้าใจพร้อมย้ำเตือนตัวเองว่า
ต่อให้เป็นความสุขที่สุขที่สุด
หรือทุกข์ที่รุนแรงที่สุด
ก็จะสิ้นสุดลงในวันหนึ่งเป็นธรรมดา
สำหรับลุงคนหนึ่งได้ผ่านสุขและทุกข์มาบ้าง
ก็ได้แต่หมั่นสอนตัวเองว่า
ตอนมีความสุข ก็ให้อยู่กับตรงนั้น ไม่ต้องไปกังวลอดีต ไม่กลัวอนาคต
พอครั้นทุกข์มันมาก็อย่าไปกลัวว่ามันจะเกาะติดเราไปตลอดกาล เออเกิดได้ก็จบได้
สุดท้ายก็กลายเป็นเรื่องธรรมดาเรื่องหนึ่งที่ผ่านไป
สุขสันต์วันพระธรรมะสวัสดี
ลุงเอง
โฆษณา