12 ก.ย. 2020 เวลา 03:23 • การตลาด
"30 นาที" เป็นเวลาที่ควรไปถึงเป็นอย่างน้อยสำหรับการประชุมครั้งแรกกับลูกค้า
credit picture freepik.com
ในการประชุมกับลูกค้า โดยเฉพาะการพบเจอกันครั้งแรก “นักขาย” มันคือการประชุมสำคัญเพื่อทำความรู้จัก และสร้างความประทับใจใหักับลูกค้า เป็นการประชุมสำคัญที่จะทำให้คุณมีโอกาสเปลี่ยน lead ให้กลายเป็น pipeline หรือ opportunity สำหรับการขาย คุณควรที่จะต้องไปถึงสถานที่ประชุมอย่างน้อย 30 นาที เพื่อสิ่งที่คุณต้องทำในช่วงเวลา 30 นาทีหรือมากกว่านั้น มีอะไรบ้างที่คุณต้องทำมาดูกัน
1,) การตรวจเช็คไฟล์ present ครั้งสุดท้ายก่อนนำเสนอ (Final check)
ถ้าคุณไปถึงก่อนเวลา 30 นาที คุณยังมีเวลาเปิดไฟล์ขึ้นมาเพื่อเช็คความถูกต้องของ Slide ที่จะนำเสนอ คุณสามารถดูได้ว่าส่วนไหนหน้าไหนที่เราจะเน้น เราจะข้าม เพื่อให้การประชุมกระชับ ประหยัดเวลา บางทีคุณอาจลืมแก้ไข Slide มา คุณก็ยังมีเวลาในการทำได้
ในกรณี worse case เช่น file present ที่เตรียมาหาย หรือไม่ครบถ้วน คุณยังมีเวลาทำใหม่ได้ อาจจะทำไปคร่าวๆ เน้นเฉพาะส่วนสำคัญ หรือให้คนที่บริษัทส่งมาก็ยังทัน
2,) คุณมีโอกาสได้ศึกษา ชมสถานที่หรือบริษัทของลูกค้า เพื่อเป็นข้อมุลในการทำ Ice Breaking
(Ice breaking)
ข้อนี้หลายๆ คนคิดไม่ถึงว่ามันมีประโยชน์ ผมไปประชุมกับลูกค้ามาหลายบริษัท บ่อยครั้งที่ผมเดินชมบริเวณรอบๆ บริษัท ตรงแถวๆ reception หรือ operator counter และสิ่งที่ผมได้เห็นได้แก่ ถ้วยรางวัล หรือโล่รางวัลที่บริษัทได้รับ, รูปหรือป้ายโฆษณาของสินค้าของบริษัท, รูปเจ้าของบริษัทหรือครอบครัวหรือรูปผู้บริหาร, รูปแบบการออกแบบภายในของบริษัท, ลักษณะของคนในบริษัทที่เดินไปเดินมา มีการพูดคุย ฯลฯ
คุณรู้ไหม ว่าข้อมูลเหล่านี้ มันคือ ข้อมูลสำคัญที่ทำให้เราสามารถทำ“Ice Breaking” ในการพบเจอกันครั้งแรกกับลูกค้าได้ อย่าลืมว่าการพบกันครั้งแรก คุณคือ “คนแปลกหน้า” สำหรับพวกเขาเหล่านั้น
ดังนั้น ข้อมูลเหล่านี้ จะทำให้คุณมีเรื่องชวนคุย หรือพูดชื่นชมในการเจอลูกค้า เมื่อลูกค้าเข้าห้องมาครบพร้อมเริ่มประชุม เราสามารถเอาข้อมูลเหล่านั้นมาเป็นการสนทนา เพื่อสร้างความเป็นกันเองกับ
ลูกค้าให้บรรยากาศผ่อนคลาย ไม่ตึงเครียดจนเกินไป หรือเน้นแต่เรื่องธุรกิจมากเกินไป เช่น
“เห็นถ้วยรางวัล มากมายที่บริเวณประชาสัมพันธ์ สุดยอดเลยนะครับ ทีมงานเก่งมากๆ เลย”
“รูปถ่ายบริเวณหน้าทางเข้า เป็นรูปเจ้าของบริษัท ผู้ก่อตั้งบริษัทหรือเปล่าครับ”
“ออฟฟิต ตกแต่่ง สวยมากเลยครับ เป็นองค์กรใหญ่ แต่บรรยากาศทำงานเหมือน start up มากครับ”
“พอดีเห็นป้ายโฆษณา สินค้าด้านหน้า เป็น product ใหม่ใช่ไหมครับ ดูแล้วน่าใช้ น่าทานมากเลย”
“พนักงานที่นี่มีเยอะเลย ไม่ทราบว่าที่บริษัท มีพนักงานกี่คนครับ” เยอะมากเลย ไม่น่าเชื่อเลยนะครับ
3,) คุณเป็นคนที่เข้าห้องประชุมก่อนลูกค้า หรืออย่างน้อยพร้อมกับลูกค้า
อันนี้สำคัญมากนะครับ “นักขาย” บางคนไม่สนใจในเรื่องนี้ แต่อย่าลืมนะครับ ว่าการที่ลูกค้ายอมให้คุณเข้าพบในครั้งแรก นั่นก็เป็นการเสียเวลาของเค้าและเค้าก็คาดหวังในการที่จะได้เจอกับคุณ ไม่งั้นคงไม่ยอมรับนัดอย่างแน่นอน อันนี้จะเป็นคะแนนที่ลูกค้าเก็บไว้ให้คุณในใจ หรือบางทีอาจจะไม่มีคะแนน แต่ถ้าคุณไปสาย อันนั้นคะแนนติดลบอย่างแน่นอน
4.) คุณมีโอกาสขอลูกค้าเข้าห้องประชุมก่อนเพื่อจัดเตรียมความพร้อมในการนำเสนอ (Devices and place set up)
เมื่อคุณไปถึงก่อน 30 นาที แนะนำว่าให้ติดต่อลูกค้า เพื่อขอเข้าห้องประชุมก่อนและเมื่อได้เข้าห้องประชุมแล้ว สิ่งที่คุณควรทำมีดังนี้
- Set up เครื่องคอมที่จะนำเสนอกับทีวี หรือโปรเจคเตอร์ (Devices set up)
บ่อยครั้งที่ไปถึงสถานที่ประชุมแล้วปรากฎว่า เครื่องคอมที่เราจะนำเสนอไม่สามารถต่อเข้ากับเครื่องทีวีหรือโปรเจคเตอร์ในห้องลูกค้าได้ รู้ไหมครับว่าเรื่องนี้ ผมได้พบเจอกับตัวเองและพบเจอในการประชุมที่ไปร่วมกับผู้อื่นอยู่บ่อยครั้งเลย ทำให้เสียเวลาของการประชุม ทำให้ลูกค้าหงุดหงิด และไม่พอใจที่ต้องเสียเวลาและเห็นความไม่พร้อมในส่วนนี้ ถ้าคุณเข้าห้องประชุมได้ก่อน คุณมีโอกาสได้ทดสอบการเชื่อมต่อ ทดสอบการเปิดดูความคมชัดของภาพ และหรือเสียงของไมโครโฟน (ถ้ามี) หากติดขัดส่วนใด คุณยังอาจจะขอยืมอุปกรณ์ของฝ่ายไอทีของลูกค้าได้ เป็นต้น
- ตำแหน่งที่นั่งในห้องประชุม (Position set up)
คุณสามารถเลือกที่นั่งได้ในการประชุมก่อนลูกค้า จากบทความที่ผ่านมาที่ผมเคยพูดไว้ เราควรนั่งตรงข้ามประตูห้อง หรือนั่งฝั่งตรงข้ามกับหน้าต่าง หรือด้านที่เป็นผนังกระจก หรือผนังที่สามารถมองทะลุออกไปด้านนอกได้ เพื่อเลี่ยงปัญหาที่ลูกค้าของเราจะมองสิ่งที่เกิดขึ้นภายนอก เช่น มีคนเดินไปเดินมาด้านนอก, ข้างนอกหน้าต่างวิวสวยมาก ฯลฯ
เมื่อคุณได้ทำ 4 ข้อนี้แล้ว คุณก็พร้อมแล้วหละครับที่จะนำเสนอ ด้วยความมั่นใจ ลุยเลยครับ
#justasalesstory #เรื่องเล่านักขาย #30minutes
โฆษณา