13 ก.ย. 2020 เวลา 07:14 • การเมือง
🔥 ทหารเมียนร์มาร์สารภาพ
ข่มขืน-ฆ่าหมู่ ชาวโรฮิงญา 🔥
อดีตทหารเมียนมาร์สองราย ยอมรับว่าได้รับคำสั่งให้ “ฆ่าทุกสิ่งที่เห็นและได้ยิน” ระหว่างปฏิบัติของกองทัพในการกวาดล้างประชากรมุสลิมโรฮิงญาในรัฐยะไข่ 🇲🇲 ช่วงปี 2017
2
ทั้งคู่หนีจากเมียนมาร์เมื่อเดือนที่แล้ว ก่อนที่จะถูกส่งตัวไปยังประเทศเนเธอร์แลนด์ 🇳🇱 และกำลังถูกสอบสวนโดยศาลอาญาระหว่างประเทศ ณ กรุงเฮก ในข้อกล่าวหาเกี่ยวกับ “อาชญากรรมต่อมนุษยชาติ”
คาดการณ์กันว่า กองทัพเมียนมาร์ได้ดำเนินการสังหารชาวโรฮิงชาไปแล้วมากกว่า 1 หมื่นชีวิต รวมถึงบีบบังคับขับไล่ชาวโรฮิงญากว่า 7 แสนราย ให้ต้องระเห็จออกไปจากบ้านเกิดเมืองนอน
ประเทศแคนาดา รวมถึงประเทศโลกเสรีอื่น ๆ ต่างพากันขนานนามการกระทำอันโหดร้ายของเมียนมาร์ว่าเป็น “การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์”
(**) โรฮิงญา = คนเมียนมาร์
พวกเขาอยู่อาศัยบนแผ่นดินนี้มาเป็นร้อยปี พวกเขาก็คือคนเมียนมาร์
โรฮิงญาโดนกวาดล้างอย่างหนักภายหลังจากการยึดอำนาจโดยพลเอกเนวิน ในปี 1962 ที่ทำให้เมียนมาร์ตกอยู่ภายใต้อำนาจของเผด็จการ โดยเมียนมาร์ภายใต้การปกครองของคณะทหาร ก็มีการปลุกความรักชาติเข้มข้น และกีดกันคนที่มีลักษะทางพันธุกรรม/ศาสนาที่แตกต่าง ไม่ให้เข้าถึงการศึกษาและชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี รวมถึงโบ้ยทุกความผิดพลาด & ปัญหาของประเทศไปที่คนเหล่านั้น
2
รัฐบาลทหารดำเนินการจับกุมผู้นำของชนกลุ่มน้อย
ในปี 1977 มีปฏิบัติการที่เรียกว่า Dragon King ที่นำไปสู่การอพยพครั้งใหญ่ครั้งแรกของชาวโรฮิงญากว่า 200,000 ชีวิต
นี่คือสิ่งที่เรียกว่า
“การทำลายล้างเผ่าพันธุ์อย่างเป็นระบบ”
2
ชาวโรฮิงญาหลายร้อยกำลังข้ามแม่น้ำนาฟ, บังคลาเทศ
หนึ่งในนายทหารเมียนมาร์ยอมรับว่า แค่หน่วยของเขาเพียงหน่วยเดียว ได้ลงมือสังหารชาวโรฮิงญาไป 30 ราย ก่อนจะทิ้งศพเหล่านั้นไว้ในหลุมฝัง
ทหารอีกนายหนึ่งกล่าวว่า หน่วยของเขาได้ทำการล้างบาง 20 หมู่บ้าน อีกทั้งยังได้รับคำสั่งให้ฆ่าทุกคน . . ไม่เว้นแม้กระทั่งเด็ก
“เราข่มขืนหญิงมุสลิมก่อนที่จะยิงพวกเธอทิ้ง”
“มุสลิมเพศชายจะถูกยิงเข้าที่หน้าผาก ก่อนที่จะโดนเตะลงหลุม”
คำให้การของทหารเมียนมาร์ทั้งสองนาย สอดคล้องกับคำบอกเล่าของประจักษ์พยานและบุคคลที่รอดชีวิตจากการกวาดล้างของรัฐบาล
นี่เป็นครั้งแรกที่คนในกองทัพเมียนมาร์ ออกมายอมรับเกี่ยวกับการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวโรฮิงญา และคำให้การของทนายหนีทัพทั้งสองนายนี้ คงจะถูกนำไปใช้ในการดำเนินคดีต่อรัฐบาลเมียนมาร์ ฐานก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติต่อไป
ในเดือนพฤษภาคม 2018 มีผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงญามากกว่า 9 แสนชีวิต เข้ามาอยู่อาศัยในเขตคอกส์บาร์ซาร์
ที่ผ่านมา รัฐบาลเมียนมาร์ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการกระทำผิดต่อชาวโรฮิงญา
แม้แต่นางอองซาน ซูจี ก็เคยขึ้นให้การต่อศาล
เพื่อป้องกันประเทศของเธอต่อข้อกล่าวหาเรื่องการล้างเผ่าพันธุ์
บทความที่เกี่ยวข้อง :
👀 เหตุใดการเมืองในเมียนมาร์จึงไม่เคยสงบสุข?
1
,
👀 อดีตวีรสตรีโลก ‘อองซาน ซูจี’
ขึ้นศาลคดี “ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์โรฮิงญา”
อ้างอิง :
โฆษณา