14 ก.ย. 2020 เวลา 01:14 • ประวัติศาสตร์
"กริชตูเรเดงโตร์" อีก 1ใน7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่ 🇧🇷
หากเราลองค้นหาคำว่า "รูปปั้นพระเยซู" ในเว็บไซต์ต่างๆ รูปที่จะแสดงให้ทุกคนเห็น จนชินตา ก็คงจะเป็นรูปปั้นของ "กริชตูเรเดงโตร์ (Cristo Redentor)"
1
(📷 : Wallpaperflare)
บทความนี้เราจะเขียนถึงประวัติความเป็นมาของ "กริซตูเรเดงโตร์" กันครับ
กริชตูเรเดงโตร์ (Cristo Redentor) เป็นคำอ่านจากภาษาโปรตุเกส ส่วนชื่อในภาษาอังกฤษที่เราเคยเห็นหรืออาจจะพอคุ้นเคยกันบ้าง คือ "Christ the Redeemer" ซึ่งรูปปั้นพระเยซูนี้ ถูกตั้งไว้ที่บนยอดเขากอร์โกวาดู (Corcovado) เมืองริโอ เดอ จาเนโร (Rio de Janeiro) ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศบราซิล
4
ด้านหน้าของรูปปั้นพระเยซูคริสต์ (📷 : Max Pixel)
ความเป็นมาที่กว่าจะมาเป็นรูปปั้นนี้ เริ่มต้นในช่วงปี 1850 เป็นต้นมา ได้มีบาทหลวงผู้หนึ่ง มีแนวคิดที่จะสร้างรูปปั้นสำหรับชาวคริสต์ เพื่อเป็นอนุสรณ์ให้แก่ชาวคริสต์ในประเทศบราซิลและผู้ที่เดินทางมายังบราซิล และเพื่อเป็นเกียรติแก่เจ้าหญิงอิสาเบล (Isabel) ซึ่งเป็นลูกสาวของจักรพรรดิเปรโดที่สอง (Pedro II) ผู้ปกครองประเทศบราซิล แต่โครงการนี้ก็ไม่ได้เป็นที่ยอมรับ
แต่เมื่อบราซิลเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการปกครองประเทศในปี 1889 โครงการการสร้างรูปปั้นจึงถูกตีตกไป
จักรพรรดิเปรโด และ เจ้าหญิงอิสาเบล (📷 : onda21.com.br )
จนกระทั่งในปี 1920 กลุ่มชาวคริสต์ ได้รื้อฟื้นโครงการในการสร้างรูปปั้นพระเยซูอีกครั้ง เพื่อเป็นอนุสรณ์แก่ชาวคริสต์ และเป็นแหล่งดึงดูดนักท่องเที่ยว พวกเขาเริ่มตั้งกลุ่มในการล่ารายชื่อจำนวนมาก เพื่อของบประมาณจากทางภาครัฐในการขอสร้างรูปปั้นพระเยซูคริสต์
โดยในแรกเริ่มมีการนำเสนอรูปแบบต่างๆ มากมายของรูปปั้นพระเยซูคริสต์ เช่น รูปปั้นพระเยซูที่ถือรูปโลกอยู่ในมือ, รูปไม้กางเขน แต่ผลงานที่ชนะเลิศ ก็คือรูปปั้นพระเยซู ในลักษณะที่ผายมือออก แสดงถึงสัญลักษณ์แห่งความสันติสุข อย่างที่เห็นในปัจจุบัน ซึ่งเกิดจากการถูกออกแบบร่วมกันของศิลปินหลายๆคน
ผลงานที่ถูกเลือกคือการรวมกันของศิลปินหลายๆคน เริ่มจากของ เอโตร์ ดา ซิลวา กอชตา (Heitor da Silva Costa) เป็นผู้ร่างรูปปั้นพระเยซูแต่ในมือด้านขวาถือไม้กางเขน มือด้านซ้ายถือรูปโลก
ต่อมา คาร์โล ออสวัลด์ (Carlo Oswald) ได้เป็นคนปรับแต่งแบบร่างของ เอโตร์ อีกทีหนึ่ง โดยการเปลี่ยนรูปแบบลักษณะมือของพระเยซู ให้เป็นลักษณะการผายมือแทน
พอล แลนดอฟสกี (Paul Landowski) เป็นผู้สรุปแบบสุดท้ายก่อนการก่อสร้าง และเป็นผู้ออกแบบในส่วนหัวของรูปปั้นพระเยซู
การร่วมมือกันของทั้งสามคนนั้นมี เอโตร์ ดาซิลวา กอซตา เป็นผู้ควบคุมการก่อสร้างทั้งหมด
การก่อสร้างเริ่มขึ้นในปี 1926 และใช้เวลาในการสร้างทั้งหมดมากถึง 9 ปี ซึ่งระหว่างขั้นตอนการสร้างนั้น วัสดุก่อสร้าง อุปกรณ์ต่างๆ และคนงาน ถูกนำขึ้นไปบนยอดเขาผ่านทางรถไฟ
การก่อสร้างรูปปั้นพระเยซูนั้น สร้างด้วยคอนกรีตทั้งหมด ส่วนผิวนอกใช้สตีไทต์(Steatite) หรือ หินสบู่ (Soapstone) อีกชั้นหนึ่ง
ในการก่อสร้างนั้น ใช้งบประมาณในการสร้างถึง 250,000 ดอลลาร์ (เทียบเป็นมูลค่าเงินในปี 2019 คือ 3,600,000 ดอลลาร์ ) และรูปปั้นมีการเสร็จและเปิดอย่างเป็นทางการในปี 1931 วันที่ 12 ตุลาคม
ในปี 2008 ได้เกิดเหตุการณ์ฟ้าผ่าครั้งใหญ่ ทำให้เกิดความเสียหายแก่รูปปั้นบริเวณของนิ้วมือ คิ้ว และหัว ซึ่งต่อมาได้มีการติดสายล่อฟ้าเข้าไป ในบริเวณส่วนหัวของรูปปั้น แต่ก็ยังคงพบเหตุการณ์ฟ้าผ่าที่ทำให้รูปปั้นเสียหายอยู่เรื่อยๆ
2
รูปปั้นพระเยซูคริสต์ ที่เสียหายจากการถูกฟ้าผ่า(📷 : Telegraph)
สายล่อฟ้าที่ได้มีการติดตั้งเพิ่มในภายหลัง (📷 : My Rio Travel Guide)
จนปี 2010 ได้การมีบูรณะรูปปั้นครั้งใหญ่ เพื่อเตรียมตัวสำหรับกีฬาโอลิมปิคที่ ริโอ โดยมีการซ่อมแซมโครงสร้างภายนอกทั้งหมด และเสริมเหล็กเข้าไปภายในรูปปั้นเพื่อความแข็งแรง รวมถึงทาสีกันน้ำทั่วบริเวณรูปปั้น
อย่างไรก็ตาม มีผู้ไม่หวังดี สร้างความวุ่นวายระหว่างการซ่อมแซมบูรณะ โดยการนำสีสเปรย์ไปพ้นบริเวณแขนของพระเยซู จนทางนายกเทศมนตรีและผู้คนในบราซิล ประณามการกระทำดังกล่าว เรียกได้ว่าเป็นอาชญากรรมต่อประเทศ จนถูกกดดันให้ออกมามอบตัว
ภาพขณะทำการซ่อมแซมรูปปั้นพระเยซูคริสต์ในปี 2010 (📷 : askideas)
สำหรับรูปปั้นของพระเยซูคริสต์ นั้นมีขนาดความสูงถึง 30 เมตร ไม่รวมฐานซึ่งสูงถึง 8 เมตร และความยาวของรูปปั้นจากแขนถึงแขน กว้างถึง 28 เมตร
รูปปั้นพระเยซูคริสต์ ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมและสร้างชื่อเสียงให้แก่ประเทศบราซิล อีกทั้งเป็นแหล่งดึงดูดแก่นักท่องเที่ยวใหม่เยือนมากถึง 2 ล้านคนต่อปี และในปี 2007 กริชตูเรเดงโตร์ ได้ถูกจัดให้เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่อีกด้วย
สรุปเรื่องราวที่สามารถอ่านให้จบใน 3 นาที /โดย รอบโลกใน 3 นาที
Source: Britannica
14 กันยายน 2020
โฆษณา