14 ก.ย. 2020 เวลา 14:05 • การศึกษา
เวลาคุณเครียดจะมีอาการอย่างไร ??
แล้วเวลาปลาเครียดล่ะ ???
ปลาเป็นสิ่งมีชีวิต มีหิว มีอิ่ม เหมือนเราและก็มีเวลาเครียดเหมือนเราด้วยค่ะ
ขอบคุณภาพจาก Pixabay
ปัจจัยหลายอย่างที่ทำให้ปลาเครียด หลัก ๆ เกิดจากสภาพแวดล้อม เช่น อุณหภูมิและความความเป็นกรดด่างของน้ำ, น้ำเน่าเสีย, ภาวะแอมโมเนียสูง , ออกซิเจนในน้ำไม่เพียงพอ
เกิดจากสภาพการเลี้ยง เช่น การเปลี่ยนถ่ายน้ำ, การขนย้าย, การจับปลา, การแช่ยา, ปลาป่วย
และเกิดจากการเลี้ยงปลาหลายชนิดร่วมกัน เช่น เลี้ยงปลาที่นิสัยดุร้ายร่วมกับปลาที่รักสงบ ทำให้ปลาเกิดความเครียดได้
การเลี้ยงปลาดุร้ายกับปลารักสงบร่วมกัน
สิ่งที่สังเกตได้เวลาปลาเครียด เช่น ปลาจะไม่ค่อยกินอาหาร, สีปลาจะคล้ำขึ้น แต่บางปลาก็ดูไม่ออก ที่เห็นชัด ๆ เช่น ปลานิล ปลาหมอ
เวลาเราขนย้ายปลาแล้วปล่อยลงบ่อซีเมนต์ แรก ๆ ที่ปล่อยลง ปลาจะสีดำคล้ำแล้วค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีปกติ
ถ้าปลาตัวไหนป่วยเราสามารถสังเกตได้เพราะสีจะดำคล้ำกว่าตัวอื่น ๆ
และการไปรบกวนปลาจะทำให้ปลาเครียดและคายอาหารที่เพิ่งกินไม่นานออกมา เพราะฉะนั้นลูกพันธุ์ปลาที่ขายในหน้าร้านทั่วไปจะไม่ให้อาหารในช่วงเช้า เพราะเมื่อมีลูกค้ามาซื้อ ทางร้านจะต้องจับมานับและแพ็คปลาใส่ถุง
ทำให้ปลาเครียดและจะคายอาหารออกมาในถุง ทำให้น้ำเสีย กว่าจะขนส่งและได้ลงบ่อทำให้ปลาอ่อนแอและตายได้ การเติมเกลือแกงในน้ำจะช่วยลดความเครียดลงได้
ลูกพันธุ์ปลาที่ขายหน้าร้านเลยได้กินอาหารมากสุดก็แค่มื้อค่ำ บางทีก็ 2-3 วันให้ ส่วนใหญ่ลูกปลาเลยจะหุ่นสเลนเดอร์กันทั้งนั้น
แต่ข้อดีของปลาผอม คือ จะแข็งแรง ทน ไม่ค่อยมีปัญหาในการขนส่ง แต่ถ้าปลาอ้วนจะบอบช้ำได้ง่าย โอกาสตายมีสูงกว่า
เวลาจะจับลูกปลาจากบ่อดินแต่ละครั้งจึงต้องมีการอดอาหารอย่างน้อย 1 วัน เพื่อไม่ให้มีอาหารในท้องมาก ปลาจะได้ไม่ตายตอนจับ
การขนส่งทางไกลก็จะต้องอดอาหารอย่างน้อย 1 วันเช่นกัน เพื่อลดการขับของเสียออกจากร่างกายขณะขนส่ง
แต่ข้อเสียของการอดอาหาร คือ ถ้าเป็นพวกปลากินเนื้อ ตัวใหญ่จะไล่กินตัวเล็กทันที ยิ่งอดอาหารหลายวัน ปริมาณปลาตัวเล็กก็จะลดลงเรื่อย ๆ
หลักฐานที่บอกว่าปลาตัวใหญ่กินปลาตัวเล็ก คือ เมื่อเราจับปลาขึ้นมา สักพักปลาจะคายอาหารที่กินไป นั่นคือ ลูกปลานั่นเอง
ปลามีความเครียดได้ง่ายแต่คงหายไปได้รวดเร็วเมื่อแก้ที่ต้นตอของความเครียดได้ ส่วนมนุษย์เรานั้นสมองมีความซับซ้อนกว่าแต่ความเครียดกลับคลี่คลายได้ยากเย็นกว่าปลา
เราคงไม่กล้าแนะนำเรื่องการจัดการความเครียด แต่ทุกครั้งที่เจอความทุกข์มักจะนึกถึงนิทานเรื่องหนึ่ง เลยอยากเอามาเล่าให้ฟังเผื่อใครยังไม่เคยอ่านค่ะ
☘️☘️☘️☘️☘️☘️
มีกษัตริย์ไซโลมอนผู้ปราดเปรื่องและร่ำรวยแห่งอาณาจักรฮิบรู อยากทดสอบคนสนิทนามว่าเบนายอา
วันหนึ่งจึงได้บอกเบนายเอว่าต้องการให้เขาหาแหวนวงหนึ่งมาให้เพื่อใส่ในงานเฉลิมฉลองอีก 6 เดือนข้างหน้า
โดยแหวนวงนี้มีความพิเศษคือ ถ้าคนที่มีความโศกเศร้าเห็นจะทำให้เขามีความสุขทันที และถ้าคนมีความสุขเห็นจะกลับโศกเศร้าทันที ซึ่งพระองค์รู้ดีว่าแหวนวงนี้ไม่มีอยู่จริง
เบนายอาออกเดินทางไปค้นหาหลายเมือง วันแล้ววันเล่าก็ไม่สามารถหาได้ ในคืนวันก่อนงานเฉลิมฉลองเขาไม่สามารถข่มตาหลับลงได้จึงไปเดินเล่นที่ย่านคนยากจนในกรุงเยรูซาเล็ม
เขาเดินผ่านร้านเครื่องประดับที่กำลังจะเก็บร้าน นึกขึ้นได้จึงนำเเหวนทองเรียบ ๆ วงหนึ่งไปให้พ่อค้าสลักข้อความบนแหวนให้
ขอบคุณภาพจาก Pixabay
เบนายอากลับมาทันพิธีเฉลิมฉลองพอดีและได้มอบเเหวนซึ่งสลักข้อความเป็นภาษาฮิบรู 4 คำ ซึ่งมีคุณสมบัติตามที่กษัตริย์ไซโลมอนต้องการทุกประการ
ข้อความนั้นเเปลเป็นภาษาอังกฤษว่า
this too shall pass
แปลเป็นไทยว่า เดี๋ยวมันก็ผ่านไป
กษัตริย์ไซโลมอนตระหนักขึ้นมาได้ว่า ทุกสิ่งทุกอย่างไม่มีอะไรยั่งยืน ถึงวันนี้จะยิ่งใหญ่แค่ไหน สุดท้ายก็กลายเป็นเพียงฝุ่นผง ความสุขและความทุกข์ก็เช่นเดียวกัน ไม่ได้อยู่กับเราตลอดไป
ในทางพระพุทธศาสนาก็มีสอนเรื่องนี้ว่า ใดใดในโลกล้วนอนิจจัง ดังนั้นเมื่อคราวสุข จึงไม่ควรเหลิง เมื่อคราวทุกข์จึงไม่ควรท้อ
ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในชีวิตมันก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งของเส้นทางชีวิตเรา จงมีความสุขกับสิ่งดี ๆตรงหน้า ยอมรับกับสิ่งร้าย ๆ ที่เกิดขึ้น เพราะไม่ว่าจะดีหรือร้ายยังไง...เดี๋ยวมันก็ผ่านไป 🌿🌿
ขอบคุณทุกคนที่แวะมาให้กำลังใจนะคะ ❤️❤️
โฆษณา