16 ก.ย. 2020 เวลา 13:00 • ปรัชญา
7 เคล็ดลับ
ให้ความสำคัญกับเงินจึงมีเงินเข้ามาตลอด
มหาเศรษฐีทั้งหลายมักคิดว่าตนประสบความสำเร็จได้จากแรงสนับสนุนของคนรอบข้าง ไม่ใช้เพราะความสามารถของตัวเองเพียงคนเดียว ด้วยความที่พวกเขามักนึกถึงบุญคุณของคนรอบข้างอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่สอนวิธีทำธุรกิจให้ ลูกน้องที่คอยช่วยงาน ผู้ที่คอยให้ความช่วยเหลือสมัยเริ่มตั้งตัว ฯลฯ จึงมีน้อยครั้งนักที่มหาเศรษฐีเหล่านี้จะใช้ทรัพย์สินที่มีไปกับการซื้อของไร้สาระเพื่อสนองความต้องการของตัวเอง
1
จุดนี้ละคือ สิ่งที่แบ่งแยกมหาเศรษฐีที่มีความสุขออกจากมหาเศรษฐีที่ไร้สุขได้อย่างชัดเจน
คนปกติทั่วไปจะทำแค่เพียงทำงานหาเงิน แล้วนำมาเก็บออม โดยมุ่งเน้นไปที่ทำงานหาเงินให้ได้มาก ๆ ส่วนมหาเศรษฐีที่มีความสุขจะไม่คิดเช่นนั้น แต่พวกเขากลับหันไปใส่ใจเรื่องการใช้เงินและการทำให้เงินงอกเงยแทน
เคล็ดลับที่ 1
### ใช้เงินให้ถูกเรื่อง ###
สิ่งที่ชวนให้รู้สึกแปลกใจและประทับใจมากสุดเกี่ยวกับวิธีการใช้เงินให้เกิดประโยชน์ของเหล่ามหาเศรษฐีที่มีความสุขก็คือ การใช้เงินไปกับการเรียนรู้โดยไม่นึกเสียดาย
มหาเศรษฐีที่มีความสุขหลายคนไม่รังเกียจที่จะขอความรู้จากผู้ที่ด้อยกว่า ในด้านฐานะทางสังคมหรือวัยวุฒิ เพราะพวกเขาเห็นถึงคุณค่าของภูมิปัญญาเฉพาะทางของบุคคลเหล่านั้น มหาเศรษฐีทั้งหลายจึงพร้อมที่จะรับฟังผู้อื่นอย่างอ่อนน้อมเสมอ และหากเห็นว่าเป็นประโยชน์ก็พร้อมที่จะนำสิ่งที่ได้รับรู้มาไปทดลองปฏิบัติโดยปราศจากอคติ
2
เคล็ดลับที่ 2
### เปิดหนังสือ ปิดโทรทัศน์ ###
มหาเศรษฐีที่มีความสุขหลายคนรักการอ่าน เพราะการอ่านเป็นสิ่งที่ช่วยให้พวกเขาเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องต่าง ๆ ได้ง่ายที่สุด
ไม่มีมหาเศรษฐีสักคนเลยที่ชื่นชอบการอ่านนวนิยายที่มีฉากความรุนแรงหรือมีคนเสียชีวิต เช่น นวนิยายสืบสวนสอบสวน นวนิยายหลอนประสาท ฯลฯ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าบรรดามหาเศรษฐีทั้งหลายตั้งใจหลีกเลี่ยงการรับรู้เรื่องราวด้านลบที่สะเทือนอารมณ์โดยไม่จำเป็น เพราะเมื่อเราใส่เรื่องราวด้านลบลงในสมอง รอบ ๆ ตัวเราก็จะมีแต่เรื่องลบ ๆ เกิดขึ้น
2
ที่น่าสนใจยิ่งไปกว่านั้นก็คือ มหาเศรษฐีจำนวนมากไม่นิยมดูโทรทัศน์ ยกเว้นการดูข่าว ด้วยเหตุผลว่า “เสียเวลาโดยใช่เหตุ” ในทางตรงกันข้าม พวกเขากลับยินดีที่จะใช้เวลาไปกับกิจกรรมที่จะช่วยเปิดโลกทัศน์ให้กว้างขึ้นเช่นการอ่านอย่างเต็มที่
1
เคล็ดลับที่ 3
### อย่าตกกระแส ###
แน่นอนว่ามีมหาเศรษฐีที่สูงวัยบางคนซึ่งเกลียดการใช้คอมพิวเตอร์และดูเหมือนว่าทรัพย์สมบัติของคนที่คิดเช่นนั้นนับวันก็มีแต่จะลดลงเรื่อย ๆ ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกเลยสักนิดสำหรับคนที่ไม่ทันยุคทันสมัย แต่สำหรับบรรดามหาเศรษฐีที่มีความสุข ในหัวของพวกเขาจะไม่มีคำว่า “ฉันแก่แล้ว” พวกเขาพร้อมที่จะท้าทายกับสิ่งใหม่ ๆ หรือสิ่งที่ตัวเองสนใจอยู่เสมอ ยิ่งถ้าเป็นเรื่องของธุรกิจด้วยแล้ว ทันทีที่ได้ฟังเรื่องราวใหม่ ๆ พวกเขาจะรีบค้นหาข้อมูลหรือติดต่อสอบถามจากผู้มีความรู้เฉพาะทางโดยไม่รีรอ
2
เคล็ดลับที่ 4
### ละเอียดรอบคอบเสมอกับเรื่องเงิน ###
แม้ว่าจะเป็นจำนวนเงินไม่มาก แต่ถ้าหากเป็นเงินที่ตัวเองสมควรได้ พวกเขาก็จะไม่เลิกทวงถามจนกว่าจะได้รับเงินจำนวนนั้นอย่างครบถ้วน อาจมีบ้างที่พวกเขาให้เงินทอนเป็นทิปแก่คนขับแท๊กซี่ตอนจะลงจากรถ ในกรณีจุดนั้นไม่สามารถจอดรถได้นาน แต่สำหรับมหาเศรษฐีเหล่านี้ การซื้อของโดยไม่รับเงินทอนนั้น ไม่มีวันเกิดขึ้นเด็ดขาด แต่ถึงกระนั้นก็มีมหาเศรษฐีจำนวนไม่น้อยที่ให้ทิปเป็นจำนวนมากกว่าเงินทอนไม่รู้กี่เท่า หลังรับเงินทอนที่ตัวเองควรได้รับคืนมาแล้ว
1
ในสายตาของพวกเขานี่คือสิ่งที่เรียกว่า “ความถูกต้องในการซื้อขายแลกเปลี่ยน” การซื้อขายแลกเปลี่ยนใด ๆ ก็ตาม ล้วนจำเป็นต้องมีกฎ ส่วนคนที่คิดง่าย ๆ ว่า “เงินแค่น้อยนิดเท่านั้น ช่างมันเถอะ” อีกหน่อยจะกลายเป็นคนใช้เงินมือเติบจนเสียเงินก้อนโตไปโดยไม่รู้ตัว
1
เคล็ดลับที่ 5
### อย่าลืมกฎเหล็กของการใช้จ่าย ###
กฎในการจ่ายเงินสำหรับคนที่เป็นมหาเศรษฐีคือ “สิ่งนั้นต้องมีมูลค่าเหมาะสมกับจำนวนเงินที่จะจ่าย”
เคล็ดลับที่ 6
### อ่านคนได้ด้วยการจ่ายเงินค่าอาหาร ###
ในการรับประทานอาหารร่วมกันเป็นครั้งแรก มหาเศรษฐีส่วนมากมักจะอยากให้ทุกคนจ่ายค่าอาหารส่วนของตัวเองแบบอเมริกันแชร์ และหลังจากนั้นเป็นต้นไปพวกเขาจึงจะยินดีเป็นฝ่ายเลี้ยง
คุณรู้ไหมว่าเพราะอะไรมหาเศรษฐีจึงให้คนที่ร่วมโต๊ะออกค่าอาหารเองในครั้งแรก
1
+ เพื่อคัดกรองคนที่เข้าหาตนเพราะหวังผลประโยชน์
1
+ เป็นการทดสอบความจริงใจของอีกฝ่ายว่าพร้อมที่จะลงทุนเพื่อให้ได้ใช้เวลาร่วมกับตนหรือไม่
1
+ พวกเขาจะไม่ปล่อยให้ภรรยาเป็นคนกุมทรัพย์สินเงินทอง (ผู้ชายที่มีฐานะ)
เคล็ดลับที่ 7
### หนีให้พ้นจากชีวิตที่ถูกครอบงำ ###
การบริหารจัดการทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตด้วยตัวเอง แม้กระทั่งค่าใช้จ่ายเล็ก ๆ น้อย ๆ ภายในบ้าน คือแนวทางของมหาเศรษฐี นอกเสียจากตัวเองแล้ว พวกเขาจะไม่พึ่งพาใคร ไม่ว่าจะเป็นคู่ครอง บริษัท หรือแม้กระทั่งประเทศชาติ และเพราะพวกเขามีชีวิตอยู่มาได้ด้วยตัวเองนี่ละ คือสิ่งที่ทำให้พวกเขารู้จักคุณค่าของเงินซึ่งเป็นเสมือนรากฐานของการดำรงชีวิต
3
สิ่งหนึ่งที่จำเป็นต้องทำให้ได้อันดับแรกก็คือ การเป็นผู้กำหนดรายได้ของตัวเองด้วยตัวเอง หรืออย่างน้อยก็ควรเริ่มต้นจากการปฎิรูปทัศนคติ ด้วยการหันมาคิดว่า “ต่อไปนี้ต้องใช้เงินให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อให้เงินงอกเงยได้มากที่สุด” ซึ่งถือเป็นแนวคิดแบบผู้บริหารและเป็นแนวคิดหลักของเหล่ามหาเศรษฐีทั้งหลาย
1
>>> อ่านหนังสือพัฒนาตนเอง <<<
1
16.09.2020
โฆษณา