13 ก.ย. 2020 เวลา 21:41 • ธุรกิจ
60 เทคนิค ยิง Ads บน Facebook
“60 เทคนิคยิง Ads บน Facebook”
.
1
ทุกครั้งที่ยิง Ads ให้คิดเสมอว่าถ้าไม่ได้ลูกค้า ก็ต้องได้ prospect คือผู้มุ่งหวัง ที่เราจะสามารถทำ custom audience เพื่อยิง Remarketing Ads ซ้ำไปหาเขาได้
.
2
Content ที่สามารถทำ Custom Audience ได้เองบนเฟสบุคเลย (ไม่ต้องพึ่ง platform) ข้างนอก มี 6 ตัวแต่หลักๆที่คนไทยนิยมใช้ คือ Video, Canvas, Facebook Page
.
3
Video จริงๆน่าทำมาก เป็น Content ยอดนิยมที่คนใช้ Bandwidth Internet กับมันมากที่สุด และดีสำหรับการทำโฆษณา เพราะเราสามารถเลือกได้ว่าจะเอาคนดูนานแค่ไหน และดูมานานเท่าไหร่แล้ว
.
4
แต่ที่ไม่ควรเลือกเท่าไหร่คือ 3 วินาที เพราะบางคนตั้งค่าดูวิดิโอแบบ auto run คือเล่นเองอัตโนมัติ แล้วบังเอิญกดแช่ไว้ แต่จริงๆไม่ได้สนใจ ยิงไปพาลจะเปลืองค่า Ads โดยใช้เหตุ
.
5
แนะนำ 15 วิ (thruplay) หรือ 25% กำลังดี 50% พอไปได้ แต่ 75% หรือ 95% พอทำ Custom Audience ออกมาจริงๆมักจะน้อยเกิน
.
6
ถ้าอยากเลือกวิดิโอคนดู % สูงๆ ก็ควรทำวิดิโอสั้นๆ ราว 15-45 วินาที เลือก % สูงได้ แล้วยังจะถือว่าโอเคอยู่
.
7
เวลาวิดิโอที่เหมาะสมที่จะใช้โฆษณาบนเฟสบุค ควรไม่เกิน 1-3 นาที คือถ้า 4-5 นาทีที่มักจะนานเกินแล้ว
.
8
แต่ทั้งนั้นทั้งนี้ขึ้นกับ Content ด้วย บางทีคอนเทนท์เจ๋ง 4-5 นาทีหรือมากกว่านั้น เป็นไปได้ว่าคนก็จะดูจบมากกว่า คอนเทนท์ไม่กี่วินาทีแต่เนื้อหาน่าเบื่อและยืดเยื้อ
.
9
มีตัวเลขที่น่าสนใจ ที่มาจากเฟสบุคเอาเวลาเฉลี่ยคนดูวิดิโอทั่วโลกมา ว่าเปิดดูแล้วจะเปิดนานเท่าไหร่ ปรากฏว่าคือ 6 วินาที
.
10
ดังนั้นสิ่งที่ผมจะแนะนำก็คือ เอาไฮไลท์ เอา Climax หรือหลักใหญ่ใจความสำคัญ ก็เปิดแรกสุดใน 6 วินาทีแรกเลย เรียกว่าดู 6 วินาทีก็รู้เรื่องคร่าวๆของทั้งวิดิโอทั้งหมดนั้นแล้ว
.
11
ถ้าตัดต่อดี 6 วินาทีนี้จะเป็นตัวช่วยให้คนดูต่อไปจนจบได้ แต่ถ้าคนไม่ดูต่อก็ยิ่งดี แปลว่าเขาไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายเรา ไม่ต้องเก็บมาเป็นหนึ่งใน Custom Audience ของเรา ประหยัดตังค์ไปอีก
.
12
และในส่วนของว่าเขาดูวิดิโดเรามานานแล้วแค่ไหน ค่า default ของเฟสบุคคือ 365 วัน ซึ่งเอาจริงๆถ้าเก็บ prospect ถือมี interest ผมว่าพอถูไถ แต่ถ้าจะ Remarketing แบบเน้น Conversion ให้ได้ยอดขายผมว่ามันนานเกินไป
.
13
แต่ถามว่าเอาเวลาเท่าไหร่ก็ฟันธงยาก แต่หลักการคือถ้าของถูก ซื้อง่ายเอาเวลาแป๊บเดียวพอ ไม่เกินหนึ่งเดือน แต่ถ้าของแพงที่ต้องใช้เวลาตัดสินใจ ก็นานขึ้นตามลำดับ
.
14
แต่นานแค่ไหนก็ไม่ควรเกิน 120 วัน ถ้าไม่ใช่สินค้าแบบดูกันนานๆ เช่นซื้อบ้านซื้อรถอะไรแบบนี้ ปกติเกิน 3-4 เดือนคือถ้าไม่ลืมไปแล้ว ก็ไม่อยากซื้อแล้วล่ะ
.
15
อีกเรื่องคือขอให้แยกวิดิโอที่จะลงเฟสบุคกับยูทูปออกจากกัน ถ้าจะลงคนละที่ควรตัดต่อแยก 2 Version เพราะธรรมชาติของวิดิโอ 2 platform นี้แตกต่างก้น
.
16
คนเข้ามายูทูปคือตั้งใจดูวิดิโอคือเข้ามา แต่คนเข้าเฟสบุค ไม่ได้ตั้งใจมาเสพวิดิโอโดยตรง บ่อยครั้งคือบังเอิญด้วยซ้ำ
.
17
วิดิโอในเฟสบุคจึงไม่สามารถทำให้เวลานานๆเหมือนในยูทูป อย่างที่บอกไปแล้วว่าไม่เกิน 1-3 นาทีกำลังสวย ยิ่งถ้าได้ความยาว 5-15 วินาที ใช้ยิง in-stream video ads คือวิดิโอคั่นกลางวิดิโออื่นได้อีกด้วย
.
18
ในเฟสบุคคนไม่นิยม flip จอ (เอียงจอ) แต่ยังไงก็ชอบดูเต็มจออยู่ วิดิโอแนวตั้ง (4:3) จึงเป็นขนาดที่ถูกทดลองมาแล้ว ว่าเวิร์คสุดสำหรับการทำคอนเทนท์วิดิโอบนเฟสบุคในขณะนี้
.
19
ส่วนในยูทูปคนมาตั้งใจดูอยู่แล้ว และยินดี flip จอ วิดิโอแนวนอนแบบดั้งเดิมถือว่ายังเป็นอะไรที่โอเคอยู่
.
20
และสิ่งที่ขาดไม่ได้ คือการใส่ซับ (subtitle) เพราะอย่างที่บอก ว่าบางทีคนเข้าเฟสบุค ไม่ได้ตั้งใจจะดูวิดิโอแต่แรก แต่ดันเจอวิดิโอที่อยากดูในเวลาที่เปิดเสียงไม่ถนัด มีงานวิจัยมาว่าคนเล่นเฟสบุคดูวิดิโอแบบไม่เปิดเสียงเยอะมาก การใส่ซับเลยเป็นเรื่องโคตรจำเป็นสำหรับเฟสบุค แต่กลับยูทูปไม่ได้ถือเป็น a must ขนาดนั้น
.
21
บางคนจะใส่ headline คือหัวข้อตัวใหญ่ๆให้เห็นชัดๆด้วย ซึ่งมันจะคนละสไตล์กับการทำปกวิดิโอของยูทูป เพราะเฟสบุคทำไม่ได้ เวลายิง Ads จะลำบาก เพราะติด text overlay (คือตัวอักษรเกินพื้นที่ 20% ของภาพ)
.
22
ใครทำวิดิโอไม่เป็น ตัดต่อไม่เป็น จริงๆใช้ฟังก์ชัน Slideshow ของเฟสบุคก็ได้นะ เอาภาพมาเรียงๆกัน ใส่ได้ 3-10 ภาพ ใส่ดนตรีซักหน่อย ใช้ฟรีแต่คนส่วนใหญ่มักไม่ใช้กัน หรือไม่รู้ก็ไม่รู้
.
23
หลักการทำ Slideshow ที่ผ่านการทดลองมาแล้วสำหรับแม่ค้าออนไลน์คือ เรียงลำดับภาพจาก ผลลัพธ์สินค้า (อาจจะหลายรูปก็ได้ เลือกมาที่เลิศๆ) รูปสินค้า (บางสินค้าอาจไม่ต้อง) รีวิวลูกค้า (จำเป็นมาก) ที่เหลือก็โปรโมชัน หรือรูปส่งของไรงี้ ถ้าอันไหนต้องอ่านเยอะ ควรเลือก image duration 3 วินาทีขึ้นไป
.
24
และจริงๆวิดิโออีกประเภทที่คนไทยนิยมสุดๆ คือ Live สดเนี่ยแหละ แต่ 98% ของคนที่ไลฟ์คือไลฟ์ขายเฉพาะหน้างาน ขายแล้วจบไป แต่จริงๆควรจะทำ Custom Audience คนมาดูไลฟ์ แล้ว Remarketing ยิงโฆษณาสินค้าอัดใส่
.
25
ที่นิยมอีกตัวคือ Canvas ชื่อใหม่คือ Instant Experience อันนี้ก็ดีตรงที่ใส่เนื้อหาได้เยอะและหลากหลาย แต่ข้อจำกัดคือแสดงผลได้เฉพาะ mobile และใช้ได้กับบาง objective โฆษณาเท่านั้น
.
26
Canvas นี่ใครเรียนทำ Salepage มามีวิชาด้านนี้จะใช้ประยุกต์ทำ Canvas ได้มาก ในการร้อยเรียงเรื่องราว แนบลิงค์พาไปนู่นนี่ ใส่ภาพ ใส่วิดิโอ ใส่ carousel ได้หมด รวมถึงแทรกปุ่ม call to action ที่ระยะไหนอย่างไร รวมถึงใครสาย a/b testing ก็จะมีประเด็นให้เล่นให้เทสต์เต็มไปหมดเลย
.
27
ส่วนตัวมองว่าใครที่ไม่ใช้ website ควรมี Canvas ชดเชย (แม้ชดเชยไม่ได้ทั้งหมด แต่ก็ดีกว่าไม่มี) เพราะเราสามารถทำ Custom Audience จากคนที่คลิ๊กเปิด Canvas เราได้ ฟีลมีความคล้ายๆกับคนที่มาเข้าเว็บไซต์ของเรา
.
28
ซึ่งตรงนี้เลือกได้ว่าจะเอาแค่คนคลิ๊กเปิด canvas หรือถึงขั้นคลิ๊กลิงค์บางอัน และก็กำหนดเวลาได้เช่นว่าเอาที่คนมากดภายในกี่วัน
.
29
อันนี้ก็ว่าไปแล้ว หลักการเดิมเลย ของแพงที่ต้องใช้เวลาคิดใช้เวลาตัดสินใจก็ตั้งนานหน่อย ของถูกของซื้อง่ายขายคล่องตั้งเวลาสั้นลงมา
.
30
และอีกอันที่แนะนำว่าต้องใช้ คือ FB Page Custom Audience พูดง่ายๆคือคนที่มา engage page ซึ่งแบ่งแยกซอยย่อยได้หลายอันมากๆ
.
.
อีก 30 ข้อที่เหลือ
ใครสนใจอยากอ่านต่อ
เดี๋ยวส่งเป็น Ebook ไฟล์ pdf ให้เลยจ้า
.
ใครสนใจพิมพ์เม้นท์มาว่า “ขอ ebook”
#AdsMaster
#ยิงAdsขั้นเทพ
โฆษณา