14 ก.ย. 2020 เวลา 12:47 • ธุรกิจ
อาลีบาบา จะลงทุนใน Grab 9 หมื่นล้าน
จะเป็นอย่างไรถ้าเราซื้อของจาก Lazada แล้วมี Grab มาส่งให้เราใน 15 นาที?
เรื่องนี้อาจเป็นความฝันที่ มีคนทำให้เป็นจริง
เพราะเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า Alibaba
เจ้าของธุรกิจอีคอมเมิร์ซใหญ่สุดในประเทศจีน ได้เจรจาลงทุนใน Grab
3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นมูลค่าสูงถึง 9.4 หมื่นล้านบาท
โดยดีลดังกล่าวถูกคาดการณ์ว่าจะเป็นอีกดีลการลงทุนครั้งใหญ่ของ Alibaba
ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อีกครั้ง หลังได้ลงทุนใน Lazada
ตั้งแต่ปี 2016 คิดเป็นมูลค่าราว 1.3 แสนล้านบาท
การลงทุนในครั้งนี้ถูกคาดการณ์ว่าส่วนหนึ่งจะเป็นการลงทุนตรงใน Grab
ในขณะที่อีกส่วนหนึ่งจะซื้อหุ้นต่อจาก Uber Technologies
ซึ่ง Uber เคยได้หุ้น Grab จากการควบรวมกิจการในภูมิภาคนี้กับ Grab เมื่อ 2 ปีก่อน
หากดีลนี้สำเร็จ ก็มีแนวโน้มที่จะทำให้ Grab จากเดิมที่ถูกประเมิน
ไว้ที่ 4.4 แสนล้านบาทมีมูลค่าการประเมินสูงขึ้นไปอีก
อย่างไรก็ตาม ในช่วงวิกฤติโรคระบาดโควิด-19 ที่ผ่านมา
Grab ได้รับผลกระทบอย่างหนักจน CEO หรือคุณ Anthony Tan
ได้ออกมายอมรับว่าวิกฤติปีนี้ เป็นวิกฤติที่รุนแรงที่สุดสำหรับบริษัท
ซึ่งเรื่องนี้ก็อาจจะเป็นหนึ่งเหตุผลที่ทำให้ดีลดังกล่าวเกิดขึ้น
แต่เรารู้หรือไม่ว่าจริง ๆ แล้ว Alibaba และ Grab มีผู้ถือหุ้นคนเดียวกัน
นั่นก็คือ SoftBank Group ของ Masayoshi Son
นอกจาก Masayoshi จะได้ลงทุนใน Grab ไว้แล้ว
เขาก็ยังได้ลงทุนในบริษัทเรียกรถอีกหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็น
Uber บริษัทเรียกรถในสหรัฐอเมริกา และยุโรป
Didi Chuxing บริษัทเรียกรถในจีน
OLA บริษัทเรียกรถในอินเดีย
ในขณะที่เมื่อไม่นานมานี้ เขาก็เป็นหนึ่งในผู้ที่ผลักดันให้ Grab ควบรวมกิจการกับ Gojek แอปเรียกรถจากอินโดนีเซีย ซึ่ง Gojek มีนักลงทุนชื่อดังคือ Facebook และ Tencent อยู่ในชื่อผู้ให้เงินระดมทุนอีกด้วย
2
จากตรงนี้เราก็สามารถสรุปได้ว่า SoftBank ก็ไม่ต่างอะไรไปจากเจ้าพ่อแอปเรียกรถ (Ride-Hailing)
และดีลนี้ก็อาจจะเป็นการปรับโครงสร้างระหว่างบริษัทที่ตัวเองได้ลงทุน ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
1
ทีนี้ เรากลับมาดูที่การลงทุนของ Alibaba ใน Grab น่าสนใจอย่างไร?
เรื่องที่น่าสนใจก็คือ การแลกเปลี่ยนฐานข้อมูลผู้ใช้งานระหว่างกัน
เพราะหากดีลนี้สำเร็จ Alibaba ก็จะสามารถเข้าถึง
ข้อมูลผู้ใช้งานของ Grab หลายล้านคน ใน 8 ประเทศ
ทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ในขณะเดียวกันที่ ทาง Grab ก็จะได้เครือข่ายผู้ใช้งานของ Alibaba และ Lazada เช่นกัน
ตัวอย่างบริการที่เราเริ่มเห็นจากการนำข้อมูลมาใช้ที่ผ่านมา ก็คือ
การแนะนำสินค้าบน Lazada
หรือการปล่อยกู้ให้กับคนขับรถของ Grab
ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อทั้งสองบริษัทมีฐานข้อมูลผู้ใช้งานมากขึ้น
ประสิทธิภาพในการนำเสนอบริการก็มีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้น ไม่มากก็น้อย
นอกจากเรื่องของข้อมูลแล้ว แน่นอนว่าธุรกิจอีคอมเมิร์ซอย่าง Alibaba และ Lazada
ที่พึ่งพาการขนส่งสินค้าเป็นหลัก ก็จะได้ประโยชน์จากเครือข่ายการขนส่งของ Grab เช่นกัน
ไม่แน่ว่าเราอาจจะได้เห็น การสั่งของจาก Lazada แล้วมีตัวเลือกเป็นการส่งโดย Grab ที่จะมาเสิร์ฟสินค้าให้เราถึงที่ ภายใน 15 นาที ก็เป็นได้..
โฆษณา